The Last Overland : ทีมเดินทาง 10,000 ไมล์ สิงคโปร์-ลอนดอน แวะเยือนเมืองไทย
ภาพ : จันทนา เจริญทวี
● การเดินทางครั้งสำคัญเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของการเดินทางระยะไกลอันโด่งดังและท้าทายที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว Land Rover “Oxford” รุ่นปี 1955 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางจากลอนดอนไปยังสิงคโปร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางย้อนรอยสู่ลอนดอน คณะเดินทางได้เดินทางมาถึงกรุงเทพเมื่อบ่ายวานนี้หลังจากเดินทางผ่านประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยเริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ในวันที่ 25 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา
● ในช่วงระหว่างปี 1955 และ 1956 ทีมนักศึกษาชายหนุ่ม 6 คนจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ออกเดินทางในการเดินทางที่ชื่อว่า Oxford & Cambridge Far Eastern Expedition (The First Overland) และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการขับรถยนต์เป็นระยะทาง 10,000 ไมล์จากลอนดอนไปสิงคโปร์ ในอีก 64 ปีต่อมา ทีมงานทั้ง 8 คน รวมถึง แน็ต จอร์จ (Nat George) ซึ่งเป็นหลานชายของทิม สเลซเซอร์ (Tim Slessor : หนึ่งในสมาชิกของทีม เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์) จะขับรถ Land Rover Series I ‘Oxford’ คันเดิมในปี 1955 เพื่อย้อนรอยเส้นทางการเดินทางของทริป เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ เอ็กซ์เพดิชัน
นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป ประเทสไทย จำกัด (ขวาสุด), นายนิคกี้ ลิตเติ้ลวุ้ด ผู้จัดการฝ่ายนโยบายการค้าระหว่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ (ที่ 2 จากซ้าย) และ อเล็กซ์ เบสโคบี หนึ่งในทีม The Last Overland
● ในครั้งนี้ พวกเขาจะเดินทางย้อนกลับจากสิงคโปร์ไปลอนดอน ซึ่งจะต้องเดินทางข้ามทวีป 3 ทวีปด้วยกัน โดยจะเดินทางผ่านป่าของประเทศมาเลเซียและพม่า ผ่านเทือกเขาหิมาลัยและตอนเหนือของตุรกี และผ่านทะเลทรายในตะวันออกกลาง และประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ รวมถึงเนปาล จีน อุซเบกิสถาน อิหร่าน และบัลแกเรีย เป้าหมายคือเดินทางถึงลอนดอนภายในระยะเวลาประมาณ 100 วันนับตั้งแต่ออกเดินทางจากประเทศสิงคโปร์
● แกรมมาร์ โปรดักชันส์ (Grammar Productions) อธิบายถึงแผนการของพวกเขาสำหรับทริป เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์ เอ็กซ์เพดิชัน ในระหว่างการเปิดตัว Land Rover Series I Oxford คันเดิมกับเมื่อปี 1955 อย่างเป็นทางการ รถคันดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มรูปแบบจากสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม รถถูกขนส่งจากสหราชอาณาจักรไปยังสิงคโปร์ ซึ่งเผยโฉมที่โชว์รูมของแลนด์โรเวอร์ ประเทศสิงคโปร์ในวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2019
● ทิม สเลซเซอร์ กล่าวว่า “ครั้งสุดท้ายที่ผมขับเจ้ารถคันเก่าคันนี้อย่างจริงจัง มันผ่านมานานมาก ดังนั้น การได้เห็นรถคันเก่าอีกครั้งในวันนี้ มันทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะออกเดินทางในครั้งนั้น ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้บอกกับเราว่าเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์และไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเมืองเลย การเดินทางไม่น่าจะสำเร็จได้ แต่สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นกลับทำให้เรามีความมุ่งมั่นมากขึ้น 6 เดือนต่อมา พวกเราเดินทางไปถึงแชมป์เปี้ยน มอเตอร์ (Champion Motors) บนถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) ของสิงคโปร์ ผมบอกคุณได้เลยว่าในวันนั้นพวกเราถูกกระหน่ำไปด้วยแชมเปญและแสงแฟลชจากกล้อง เราทำสำเร็จจนได้ ในขณะที่นักเขียนจากนิตยสารไทม์ (Time) ของสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ผมคิดว่าพวกเขาคงเดินทางมาจนสุดทางแล้ว”
● “สิ่งที่ผมตั้งใจไว้ก็คือปลายเดือนสิงหาคมผมจะขับรถคันนี้ออกจากสิงคโปร์กลับไปที่สหราชอาณาจักรอีกครั้ง ขณะที่ผมอายุมากขึ้น ผมถูกรบเร้าด้วยเสียงกระซิบที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘ลงมือทำเลย ก่อนที่จะสายเกินไป’ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ผมอายุ 87 ปีแล้ว หากผมไม่ทำเสียแต่ตอนนี้ ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกเลย ท้ายที่สุด เมื่อเสียงกระซิบเตือนผมว่า ‘คุณมาที่นี่ได้เพียงครั้งเดียว’ ดังนั้น ผมหวังว่าจะได้ขับเจ้ารถคันเก่าหมายเลขทะเบียน SNX891 ในเดือนสิงหาคม การเดินทางครั้งนี้ก็คงจะเป็นเหมือนกับ ชายชราคนนี้ช่วยพาหญิงชรากลับบ้าน”
25 สิงหาคม 2019 : ออกเดินทางจากสิงคโปร์
● ทริป เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์ จะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2019 โดยเริ่มออกเดินทาง จากอาคาร F1 Pit ประเทศสิงคโปร์ในอ่าว Marina Bay ออกซ์ฟอร์ดได้รับการส่งอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีขบวนรถขับตามส่งตลอดเส้นทางในสิงคโปร์ไปจนถึงชายแดนของประเทศที่อยู่ติดกับมาเลเซีย โดยขบวนรถแลนด์โรเวอร์คันอื่นๆ ที่ขับตามส่งนั้นขับโดยบรรดาแฟนๆ ของรถแลนด์โรเวอร์ในประเทศ รวมถึงสมาชิกของกลุ่มเจ้าของแลนด์โรเวอร์ในสิงคโปร์ ออกซ์ฟอร์ดได้เดินทางผ่านกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังคาเมรอน ไฮแลนด์, ปีนัง และเดินทางมาถึงชายแดนประเทศไทย
● จากนั้น คณะเดินทางได้เดินทางจากหาดใหญ่ไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหิน และกรุงเทพ คณะเดินทางได้หยุดพักเป็นกรณีพิเศษที่ราชกรีฑาสโมสร เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อทางประวัติศาสตร์กับ ทริป เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ ในปี 1955 ผู้ที่รอให้การต้อนรับที่ราชกรีฑาสโมสรได้แก่สมาชิกของสถานทูตอังกฤษ, สมาชิกของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์แลนด์โรเวอร์ประเทศไทย, บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ รวมถึงสื่อมวลชนต่างๆ
The First Overland
● ทริปนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางข้ามทวีปแอฟริกาโดยนักศึกษามหาวิทยาออกฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Oxford and Cambridge Trans-Africa expedition) ในปี 1954 นักศึกษามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ 6 คนเดินทางด้วยรถยนต์แลนด์โรเวอร์สองคันที่ชื่อว่า ออกซ์ฟอร์ด และ เคมบริดจ์ คณะเดินทางได้เดินทางข้ามทะเลทรายที่เต็มไปด้วยฝุ่นของประเทศอิหร่านผ่านทางตอนเหนือของอินเดีย (ซึ่งเคยเป็นขีดจำกัดของการเดินทางทางบกใดๆ จากลอนดอนมุ่งหน้าไปยังฝั่งตะวันออก) ลุยข้ามลำธารและแม่น้ำที่อันตรายผ่านพม่า และไปตามเส้นทางที่ถูกขนานนามว่าสหพันธรัฐมาลายา
● เมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ในปี 1956 การเดินทางครั้งนั้นได้ถูกพาดหัวข่าวไปทั่วโลก โดยการเดินทางครั้งนั้นได้ถูกถ่ายทำเป็นสารคดีของ BBC ถึง 3 เรื่องโดย เซอร์เดวิด แอตเทนบะระ (Sir David Attenborough) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงซอกมุมที่ห่างไกลของโลกหลายแห่งในรูปแบบภาพยนตร์เป็นครั้งแรก รวมถึงหนังสือที่เขียนโดย ทิม สเลซเซอร์ ที่กล่าวถึงการเดินทางในครั้งแรก ซึ่ง เซอร์เดวิด แอตเทนบะระ อธิบายว่ามันเปรียบเสมือน “การผจญภัยที่บ้าระห่ำ” ซึ่งอาจถือเป็น “เรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน”
The Last Overland
● การผจญภัยของออกซ์ฟอร์ด ไม่ได้สิ้นสุดในปี 1956 ในเวลาต่อมา รถยนต์คันนี้ได้เข้าร่วมในการเดินทางสำรวจเกาะอัสเซนชัน (Ascension Island expedition) และถูกซ่อนไว้จนชำรุดทรุดโทรมบนเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้มานานหลายทศวรรษก่อนที่จะได้รับการกู้คืนและบูรณะโดย อดัม เบนเนตต์ (Adam Bennett) ในปี 2017
● อดัม ซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความหลงใหลในเรื่องราวของ เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ เขาได้มอบรถแลนด์โรเวอร์คันนี้เป็นของขวัญแก่ ทิม และ อเล็กซ์ สำหรับการผจญภัยครั้งล่าสุดนี้ เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์ จะเผยให้เห็นว่าโลกใบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดนับตั้งแต่การเดินทางใน เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ ผ่านสายตาของนักเดินทาง 2 รุ่นที่แตกต่างกัน และผู้คนที่ได้พบปะตลอดเส้นทาง
● อเล็กซ์ เบสโคบี (Alex Bescoby) กล่าวว่า “ผมรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่จะได้ออกเดินทางใน การผจญภัยที่จะต้องจดจำไปชั่วชีวิต เราจะเดินทางเป็นเวลา 100 วันไปตามถนนที่สูงที่สุดในโลกผ่านทะเลทรายและป่าไม้เพื่อไป ให้ถึงลอนดอนในช่วงต้นเดือนธันวาคมเรา (คณะเดินทาง) ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากพันธมิตร ผู้สนับสนุน ครอบครัว และเพื่อนๆ ของเรา เราตั้งตารอคอยที่จะได้แบ่งปันเรื่องราวแห่งการผจญภัยของพวกเราตลอดเส้นทางกับพวกเขา”
● คณะเดินทางจะมาพร้อมกับทีมที่ปรึกษามืออาชีพ ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์แลนด์โรเวอร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง ทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของยานยนต์และการผจญภัย
● บริษัทรักษาความปลอดภัย เอเคอี อินเตอร์เนชันนัล (AKE International) และสำนักงานของบริษัทในลอนดอนและสิงคโปร์ จะให้การสนับสนุนคณะเดินทางด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย การติดตามด้วยดาวเทียม และการให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยง ซึ่ง ริชาร์ด มิตเชลสัน (Richard Mitchelson) ประธานกรรมการบริษัท AKE กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนทริปเดอะลาสต์ โอเวอร์แลนด์ เนื่องจากพวกเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจร่วมกันที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะ ‘ชั้นแนวหน้า’ ขององค์กรของเรา นอกจากนี้ การเดินทางครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่สำคัญของเราในสถานที่ที่ท้าทายที่สุดในโลกอีกด้วย การจัดการการเดินทางที่มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนและการวิเคราะห์อย่างละเอียด เราหวังเพียงแค่ได้กระโดดขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ของ AKE และร่วมผจญภัยไปตลอดการเดินทาง”
● นอกจากนี้ การเดินทางครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนที่สำคัญและกิจกรรมการตลาดในกว่า 20 ประเทศที่ทิมและอเล็กซ์จะต้องเดินทางผ่าน แกรมมาร์ โปรดักชันส์ กำลังวางแผนที่จะรวบรวมรถยนต์แลนด์โรเวอร์รุ่นคลาสสิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในสิงคโปร์และลอนดอน เพื่อนำมาเรียงกันเป็นเส้นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการเดินทาง และเพื่อเฉลิมฉลองเรื่องราวความรักระดับโลกระหว่างแลนด์โรเวอร์และโลกแห่งยานยนต์
● ออกซ์ฟอร์ด จะเดินทางออกจากประเทศไทยในวันที่ 4 กันยายน 2562 หลังจากหยุดพักระหว่างทางที่นครสวรรค์ และเดินทางต่อไปอีก 90 วันจนกว่าจะถึงลอนดอน
● สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: www.lastoverland.com ●