September 25, 2019
Motortrivia Team (10167 articles)

2019 MG HS เปิดตัวเป็นทางการ พร้อมขายวันที่ 28 กันยายน 2562

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

●   หลังจัดงาน Sneak Preview โชว์ตัวครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ MG HS ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา วันนี้ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงานเปิดตัว HS อย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมประกาศราคาจำหน่าย และสเปคสำหรับการทำตลาดประเทศไทย ใช้แนวคิดทางการตลาดภายใต้นิยาม ELEGANCE

●   MG HS จะพร้อมลงโชว์รูมทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูมในวันเดียวกัน ส่วนส่งมอบรถจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมนี้

มร. จาง ไห่ โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้พิสูจน์ให้ลูกค้าคนไทยเห็นถึงความตั้งใจจริงของเราในการเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ เราได้นำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเติมเต็มในเซ็กเม้นท์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม ครอบคลุมรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น”

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   “ในส่วนของตลาดรถยนต์ SUV นั้น เอ็มจีได้เริ่มทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ครั้งแรก โดยส่ง MG GS เข้ามาทำตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน และต่อเนื่องด้วย MG ZS ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างการจดจำให้กับแบรนด์เอ็มจีในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลัก ทั้งในกลุ่ม B-SUV และ C-SUV ในประเทศไทย โดยเฉพาะ MG ZS ที่ถือเป็นความสำเร็จในการสร้างเซ็กเม้นท์ใหม่ที่มาจากความเฉพาะตัวของเอ็มจี และกลายเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าคนไทย ผมจึงมั่นใจว่า การแนะนำ New MG HS ในวันนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญของเอ็มจีและตลาดรถยนต์ SUV ในประเทศไทยอีกครั้ง”

Natee Opachavalit, Product Planning Senior Manager

●   MG HS มากับอุปกรณ์ติดรถที่ทันยุคสมัยทั้งภายนอกและภายใน อาทิ ชุดไฟหน้าแบบ LED Projector, ไฟ LED Daytime Running Lights สำหรับวิ่งกลางวัน, ชุดไฟเลี้ยวด้านหน้าและหลังแสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential, รุ่นพื้นฐานใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่นกลางและรุ่นท๊อปได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

●   ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุแบบผิวสัมผัสนุ่มที่คอนโซลหน้า และแผงประตูหน้า/หลัง, เบาะคู่หน้าทรงบัคเก็ท ปรับไฟฟ้า ตกแต่งด้วยคู่สีดำ/แดง แซมด้วย Alcantara (เฉพาะรุ่น X), เบาะหลังปรับ/พับได้แบบ 60:40, ไฟตกแต่งบรรยากาศ Interactive Ambient Light 64 สี พร้อมฟังก์ชั่นปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับ, หลังคา Panoramic Sunroof ขนาด 1.1 ตารางเมตร

●   จุดเด่นคือเทคโนโลยีทันยุค ประกอบด้วย มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยแบบ Interactive Multi-Function Display ขนาด 7 นิ้ว ทำหน้าที่ที่แสดงข้อมูลการขับ, ระบบความปลอดภัย, ข้อมูลบางส่วนจากระบบอินโฟเทนเมนท์ และระบบนำทาง, จอกลางเป็นแบบทัชสกรีน ขนาด 10 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, กุญแจแบบ Smart Key, ปุ่ม Push Start และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า Electric Liftgate

●   ชุดระบบอินโฟฯ ยังคงเป็น i-SMART รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย, ควบคุมการโทรออกได้, สั่งการระบบเครื่องเสียงได้, สั่งการระบบปรับอากาศ, ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งผู้ขับ และเปิด/ปิดซันรูฟได้… นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นค้นหาตำแหน่งที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่านระบบนำทาง หรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านจอกลาง หรือเลือกสั่งการผ่าน MG Mobile Application บนสมาร์ทโฟนได้ และสุดท้ายคือระบบตรวจสอบสถานะ และตรวจเช็ครถ หรือช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะผ่านแอพฯ

ระบบความปลอดภัยยุคใหม่… มีให้ครบ

●   ระบบความปลอดภัยมี โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยแบบอิเลคทรอนิคส์ 25 ระบบ อาทิ ระบบ Curve Brake Control ควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง, ระบบ Anti Rolling Program ลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ, ระบบ Tire Pressure Monitor System ตรวจสอบความดันลมยาง, ระบบ Door Open Warning ช่วยเตือนการเปิดประตู, ระบบ Lane Change Assist ช่วยเตือนในขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Blind Spot Detection ช่วยเตือนมุมอับสายตา และระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง

●   ส่วนชุดระบบความปลอดภัยในกลุ่ม ADAS (Advanced Driver Assistance Systems 7 ระบบ ประกอบด้วย ระบบ Intelligent High-Beam Control เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนการปะทะทางด้านหน้าขณะขับ, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบ Lane Departure Prevention ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Lane Keep Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และ ระบบ Traffic Jam Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติในขณะใช้ความเร็วต่ำ หรือการจราจรติดขัด

●   ปิดท้ายถุงลมนิรภัย 6 จุด และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)

●   ในประเทศจีน HS จะมี 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ ประกอบด้วยเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบชาร์จ 170 แรงม้า และเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบชาร์จ 220 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีธรรมดา 6 จังหวะ หรือดูอัลคลัทช์ 7 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนมีให้เฉพาะขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น

●   สำหรับประเทศไทย MG จะทำตลาด HS ด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 จังหวะ (MG เรียกว่า TST หรือ Twin Clutch Sportronic Transmission กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 25.4 กก.-ม. เริ่มที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 10 วินาที รองรับการใช้งานน้ำมัน E85 โหมดการขับเลือกได้ 4 โหมด (รุ่นท๊อป) Normal, Eco, Sport และ Custom ผู้ขับสามารถตั้งค่าได้ตามต้องการ ระบบขับเคลื่อนมีให้เฉพาะขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดียวกัน

ราคาจำหน่าย

●   MG HS จะแยกจำหน่ายเป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐานเกรด C, รุ่นกลาง D และรุ่นท๊อป X สีภายนอกมีทั้งหมด 4 สี แดง Scarlet Red, ขาว Arctic White, ดำ Black Knight และเงิน Silver Metallic

ข้อเสนอพิเศษสำหรับ 1,000 คนแรก

รุ่นย่อยราคาปกติราคาพิเศษ
MG HS X1,119,0001,085,000
MG HS D1,019,000985,000
MG HS C919,000885,000

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG Call Centre โทร. 1267 หรือเว็บไซต์ www.mgcars.com


2019 MG HS : Thailand

2019 MG HS : Thailand (Official Images)