October 8, 2019
Motortrivia Team (10191 articles)

เมอร์เซเดส ประเทศไทย เปิดตัว 2020 Mercedes-AMG GT R รุ่นปรับโฉม

ประชาสัมพันธ์

●   บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mercedes-AMG GT R รุ่นปรับโฉม MY2020 ทรงพลังด้วยเครื่อง V8 เทอร์โบชาร์จคู่ พร้อมเทคโนโลยีแบบมอเตอร์สปอร์ต ราคาจำหน่าย 17.9 ล้านบาท

●   มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ (Roland Folger) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยึดถือหลักการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance’ เป็นหัวใจหลัก ผ่านการส่งมอบนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่หลงใหลในการขับเคลื่อนอันทรงพลังทั้งในด้านสมรรถนะ และรูปลักษณ์ดีไซน์ โดยนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงปลายปี 2560 แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้สร้างปรากฏการณ์ด้านยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 300% ถือเป็นแบรนด์รถยนต์สปอร์ตที่เข้าไปนั่งในใจกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบยนตรกรรมสมรรถนะสูงในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว โดยเราเน้นการใช้กลยุทธ์ Customer Centric ที่เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีความหลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างครอบคลุม และตรงจุด เนื่องจากลูกค้าชาวไทยมีความต้องการที่เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างอย่างชัดเจน”

●   มร. บีเยิร์น กุซเทรา (Bjoern Gustrau) รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นมาที่รถยนต์กลุ่มที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) มากขึ้น ล่าสุดได้เปิดตัว Mercedes-AMG GT R โฉมใหม่ รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แรงที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีแบบมอเตอร์สปอร์ตเต็มสมรรถนะ พร้อมมอบประสบการณ์ความเร้าใจให้กับทุกการขับขี่ คล่องตัว และสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีดีไซน์สปอร์ตเต็มตัวที่โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย และโดดเด่นไม่เหมือนใครตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG และถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการไปอีกขั้นของรถยนต์ในตระกูลนี้ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน”

●   Mercedes-AMG GT R นับเป็นรถสปอร์ตในตระกูล AMG GT และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำเทคโนโลยีของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT 3 กับการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT

●   ตัวรถมากับกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator trim, วัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่แบบตัวแข่ง Mercedes-AMG GT 3, ล้ออัลลอยแบบ AMG forged wheels, หลังคาผลิตจากวัสดุคาร์บอน, ระบบเบรค AMG high-performance composite brake สีเหลืองพิเศษเฉพาะรุ่น

●   ห้องโดยสารตกแต่งใหม่หลายจุด แรงบันดาลใจจากรถในกลุ่มมอเตอร์สปอร์ต อาทิ เบาะที่ปรับตำแหน่งให้ต่ำลง, ตัวเบาะเป็นแบบ AMG Bucket Seats หุ้มหนัง Nappa และ DINAMICA Microfibre สามารถเลือกติดตั้งเบาะ AMG Performance และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ชุดเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง หรือชุดแต่งห้องโดยสาร AMG Interior Piano Lacquer ได้

●   ชุดแต่ง AMG Interior Night เป็นชุดแต่งมาตรฐาน, พวงมาลัย AMG Performance Steering ตกแต่งด้วย DINAMICA Microfiber สีดำ, จอแสดงผลบนพวงมาลัย 2 จอแบบ AMG steering wheel buttons, มาตรวัดแบบ all-digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว, เกียร์ชุบสีดำเงาทั้งหมด, จอกลางแบบลอยตัว ทรงไวด์สกรีน อัตราส่วน 16:9 ขนาด 10.15 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ COMAND Online, แผงควบคุมตรงกลางมีจอแสดงผลถึง 8 จอบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG DRIVE UNIT ออกแบบตามลักษณะเครื่องยนต์ V8 และมีช่องลมของเครื่องปรับอากาศ 4 ช่องที่ดูคล้ายสปอตไลท์

●   เทคโนโลยีล่าสุดมี ระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่น ทำงานร่วมกับระบบ AMG RIDE CONTROL, โครงสร้างปีกนก 2 ชั้นช่วยรักษาสมดุลของล้อ มีสปริงด้านบน, นวัตกรรม AMG Lightweight Performance ใช้วัสดุน้ำหนักเบา ช่วยให้โครงสร้างของรถมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง แต่แข็งแกร่ง และสามารถกระจายแรงได้เป็นอย่างดี

●   ระบบควบคุมการยึดเกาะ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL จำลองค่าแรงเสียดทานภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที เพื่อเตรียมระบบต่างๆ ของรถให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนน โดยมี LSD แบบกลไกเป็นตัวช่วย, เสาค้ำล้อคู่หน้าช่วยลดแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุ, ยางรองแท่นเครื่องยนต์และยางรองแท่นเกียร์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ สามารถปรับแต่งความยืดหยุ่นแต่ละชิ้นได้อิสระ ช่วยกระจายแรงกระทำด้านข้างได้ดีขึ้น ปิดท้ายด้วยระบบระบายไอเสีย AMG Performance ทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ท่อเก็บเสียงผลิตจากไทเทเนียม และเหล็กกล้าไร้สนิม ให้เสียงคล้ายคลึงกับเสียงรถแข่ง

●   ชุดระบบ AMG DYNAMIC SELECT สามารถเลือกโหมดหลักได้ 5 แบบ คือ C (Comfort) สำหรับการขับในชีวิตประจำวัน, S (Sport) และ S+ (Sport Plus) เพิ่มความเร้าใจในการขับ, I (Individual) ช่วยจดจำรูปแบบการขับ, RACE โหมดเสริมสำหรับผู้ขับที่ต้องการความแรง และเกียร์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่ง

●   ทั้งนี้ ผู้ขับสามารถสร้างข้อกำหนดทั้งหมดในแต่ละโหมดการขับเองได้ด้วยการกดปุ่ม M (Manual) ที่อยู่ตรงกลางแผงควบคุม นอกจากนี้ ชุดเพลาหลังแบบแอคทีฟ (active rear axle steering) จะหมุนเพลาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเพลาล้อคู่หน้าเมื่อใช้ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย แต่หากความเร็วสูงสุดเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ทั้งล้อคู่หน้าและหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ช่วยให้ท้ายไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว

●   แรงด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ จ่ายเชื้อเพลิงตรง ไดเรค อินเจคชั่น ส่งกำลังด้วยเกียร์คลัทช์คู่ 7 จังหวะ seven-speed dual clutch transmission) กำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. ที่ช่วง 2,100 – 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม.

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือ แฟนเพจ : facebook.com/MercedesBenzThailand  ●