October 28, 2019
Motortrivia Team (10185 articles)

Toyota ประเทศไทย พาชม Tokyo Motor Show 2019 (ตอนที่ 1)

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●   โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 จัดขึ้นภายใต้ธีม OPEN FUTURE สื่อถึงความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุดของเทคโนโลยียานยนต์ สำหรับปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการขยายพื้นที่จัดงานจากเดิมที่โตเกียว บิ๊กไซต์ ไปยังอาโอมิ และพื้นที่ Open Road ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอาริอาเกะและอาโอมิ เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็น “ธีมปาร์คด้านยานยนต์” อันกว้างใหญ่สำหรับผู้ชมงาน และ Future Expo จัดบนพื้นที่ของเมกาเว็บ (Megaweb) เปิดประสบการณ์ของชีวิตประจำวันในอนาคต

●   สำหรับโตโยต้า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้มีขึ้นภายใต้แนวคิด การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน หรือ Mobility for All เน้นการแสดงทิศทางการพัฒนารถยนต์ของโตโยต้าในอนาคต ผ่านรถต้นแบบรุ่นต่างๆ บางรุ่นเตรียมผลิตจริงในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า และอีกหลายรุ่นจะถูกนำไปใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 และพาราลิมปิก 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น โดยโตโยต้าเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของทั้ง 2 การแข่งขัน

●   โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เชิญสื่อมวลชนกว่า 30 ชีวิตเข้าร่วมงาน วันที่ 22 ตุลาคม 2562 อุ่นเครื่องเบาๆ ด้วยการเดินทางไปที่โรงแรมฮิลตัน โอไดบะ ช่วงเช้าเข้าร่วมฟังการพรีวิวข้อมูลรถรุ่นต่างๆ ที่จัดแสดงในงาน ช่วงบ่ายทดลองขับและนั่งรถรุ่นใหม่ ปิดท้ายด้วยงานเลี้ยงสื่อมวลชนจากหลากหลายประเทศในช่วงค่ำ

1. LQ-Learn, Grow, Love

●   ยานยนต์ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ความรู้สึกกับผู้ขับ ตัวแทนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในตัวรถ (Onboard Artificial Intelligence Agent) ที่ชื่อว่า “Yui” (ยุอิ) สร้างประสบการณ์ในการขับขี่ส่วนบุคคล และมีความสามารถในการ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ SAE Level 4

●   โตโยต้า LQ ใหม่ พัฒนาภายใต้แนวคิด เรียนรู้ เติบโต รัก (Learn, Grow, Love) โดยร่วมกับสถาบันวิจัยโตโยต้า (Toyota Research Institute หรือ TRI) พัฒนา Yui และเทคโนโลยีการขับอัตโนมัติของโตโยต้า LQ ซึ่งจะทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับเคลื่อนที่เฉพาะบุคคล ผ่านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรถกับผู้ขับ จากการเรียนรู้และตอบสนองความชอบและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยชื่อรุ่น LQ ยังสื่อถึง ความมุ่งหวังของโตโยต้าว่า วิธีการนี้จะเป็นการส่งสัญญาณ (cue) ถึงแนวทางการพัฒนายนตรกรรมในอนาคต ที่สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ระหว่างรถกับผู้ขับได้

●   มร. ไดสุเกะ อิโดะ หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “ในอดีต ความรักที่มีต่อรถ เกิดจากความสามารถในการเป็นยานพาหนะที่พาเราไปสถานที่ที่อยู่ไกล และทำให้เกิดการผจญภัยขึ้น เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้เรามีพลังในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่สร้างความตื่นเต้นและการมีส่วนร่วมที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เรามีความภูมิใจในการนำเสนอโตโยต้า LQ ใหม่ ยานยนต์ที่สามารถสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล ตอบสนองความต้องการในการขับเคลื่อนที่เฉพาะบุคคลของผู้ขับขี่ และสร้างความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ระหว่างรถกับผู้ขับให้ผูกพันกันยิ่งกว่าเคย”

●   มร. กิลล์ แพรทท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันวิจัยโตโยต้า (Toyota Research Institute หรือ TRI) ผู้นำทีมพัฒนาการวิจัยระดับโลกของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และระบบการขับอัตโนมัติ กล่าวว่า “โตโยต้าตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเสริมความสามารถให้กับมนุษย์ มิใช่เพื่อทำหน้าที่แทนมนุษย์ หุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการช่วยเราทำหน้าที่ หรือยานยนต์ที่ช่วยให้ไม่เกิดการชนขณะขับ จะสร้างประโยชน์ให้กับปัจเจกบุคคลและให้กับสังคม เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้ผู้สูงอายุยังสามารถอาศัยในบ้านตนเองได้อย่างมีเกียรติ หรือทำให้เรามีความสุขยิ่งกว่าเคยไปกับการขับเคลื่อนส่วนบุคคล จะก่อให้เกิดคุณประโยชน์ทางด้านอารมณ์ความรู้สึกอย่างใหญ่หลวง ยิ่งไปกว่านั้น หากมีทั้ง 2 สิ่งผสานกัน ประโยชน์ที่ได้รับทางด้านอารมณ์และทางกายภาค จะช่วยก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ที่จะเติมเต็มการใช้ชีวิตของมนุษย์”

●   คุณลักษณะเด่นและเทคโนโลยีของโตโยต้า LQ ใหม่ ประกอบด้วย:

●   1. Yui ผู้เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนที่ และตัวแทนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สุดชาญฉลาด : โดย LQ มาพร้อมกับตัวแทนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในตัวรถ (Onboard Artificial Intelligence Agent) ชื่อว่า Yui ที่สามารถมอบประสบการณ์การขับเฉพาะบุคคล ตามสภาวะด้านอารมณ์และความพร้อมด้านความปลอดภัย ยนตรกรรมนี้ออกแบบให้รองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบสามารถตอบโต้กับผู้ขับ ผ่านการสื่อสารด้วยเสียงในรูปแบบของการปฎิสัมพันธ์ ที่นั่งติดตั้งฟังก์ชันให้เพิ่มความพร้อมด้านความปลอดภัยหรือลดความเครียดให้กับผู้ขับ ตลอดจนการออกแบบแสงภายในตัวรถ เครื่องปรับอากาศ การใช้กลิ่นหอม และยังมาพร้อมเทคโนโลยีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับรถ หรือ Human-Machine Interactions (HMI) เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับจะได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบาย นอกจากนั้น Yui ยังสามารถเลือกและเล่นดนตรีให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมขณะขับ สามารถให้ข้อมูลตามเวลาจริงแบบ Real Time ตามหัวข้อที่ผู้ขับสนใจได้

●   นอกเหนือจาก การวิจัยภายใต้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยโตโยต้า (Toyota Research Institute หรือTRI) โตโยต้ายังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรดังต่อไปนี้ ในการพัฒนาและทดลองใช้งาน ตัวแทนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Yui ประกอบด้วย:

●   (1) JTB Corporation สนับสนุนข้อมูลด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและเส้นทางเดินรถ ตลอดจนเส้นทางที่เหมาะสมกับความชอบของผู้ขับ (2) AWA Co., Ltd. สนับสนุนดนตรีในการฟังเพลงรูปแบบออนไลน์ โดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง (streaming music) ที่เหมาะสมกับเส้นทางเดินรถ และความชอบของผู้ขับ และ (3) NTT DoCoMo, Inc. สนับสนุนเทคโนโลยีการสื่อสารที่รวดเร็วและมีความเสถียรสูง ด้วยการติดตั้งสถานีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 5G ขณะการทดลองขับ นอกจากนี้ ในอนาคตโตโยต้าจะพัฒนาเพื่อปรับปรุงการทำงานของ Yui ให้มีความสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น เช่น สมาร์ทโฟน

●   2. เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อมอบความปลอดภัย ความสบายใจ และประสบการณ์ในการขับเคลื่อนที่อันแสนสะดวกสบาย : ความสามารถในการ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ : LQ มาพร้อมความสามารถในการ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ SAE2 Level 4

●   ระบบค้นหาและจอดรถอัตโนมัติ : (พัฒนาร่วมกับ พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น) ระบบนี้จะทำให้ไม่จำเป็นต้องหาที่จอดรถอีกต่อไป ด้วยความสามารถในการขับอัตโนมัติ ระหว่างจุดรับ-ส่งและช่องจอดรถที่กำหนดไว้ในที่จอดรถที่อยู่ใกล้เคียง ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้มีข้อจำกัดในการเคลื่อนที่ ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย สตรีมีครรภ์ ผู้ที่เดินทางพร้อมทารก และผู้ที่ไม่สะดวกในการจอดรถ ระบบนี้ยังใช้พื้นที่ในที่จอดรถได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ด้วยการลดระยะห่างระหว่างรถคันอื่นถึง 20 เซนติเมตร

●   ระบบค้นหาและจอดอัตโนมัติ จะทำงานผ่านระบบที่ติดตั้งในตัวรถ เพื่อระบุตำแหน่งปัจจุบันของรถ ผ่านกล้องหลายตัว มีการใช้ระบบโซนาร์และเรดาร์ แผนที่ถนนแบบสองมิติ กล้องที่ติดตั้งในที่จอดรถและศูนย์กลางในการควบคุม ระบบเซนเซอร์และกล้องที่จอดรถ จะตรวจสอบยานพาหนะอื่น และผู้สัญจรเดินเท้า ภายในเส้นทางเดินรถที่อยู่ในระยะของระบบ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และจะหยุดรถอัตโนมัติเมื่อตรวจพบยานพาหนะอื่น และผู้สัญจรเดินเท้า

●   AR-HUD (พัฒนาร่วมกับ พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น) ระบบ Head up Display แบบโลกเสมือนจริง Augmented Reality Head’s Up Display (AR-HUD) ของ LQ ใช้เทคโนโลยีเสริมความเป็นจริง (Augmented Reality) เพื่อแสดงผลบนกระจกหน้ารถ Head’s Up Display (HUD) ช่วยทำให้เกิดการขับที่ปลอดภัย ด้วยการลดการเคลื่อนที่ของสายตาขณะขับ

●   ข้อมูลการขับ เช่น การเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน สัญญาณบนท้องถนน และการแนะนำเส้นทาง สามารถแสดงผลในรูปแบบสามมิติที่เข้าใจได้ง่าย บนจอแสดงผลของกระจกหน้ารถ ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ (เทียบเท่าขนาด 230 นิ้ว) ที่มีมิติความลึก 7 เมตร ถึง 41 เมตร ระบบนี้จะช่วยทำให้สายตาของผู้ขับจับจ้องที่ท้องถนน

●   ที่นั่งพร้อมระบบเตือนเพื่อความปลอดภัยและระบบผ่อนคลาย (ครั้งแรกของโลก) (พัฒนาร่วมกับโตโยต้า โบโชคุ คอร์ปอเรชั่น) ระบบที่นั่งสุดล้ำสมัยของ LQ มีการบรรจุถุงลมแบบพองได้จำนวนมากเข้าไปในที่นั่งที่มีระบบเครื่องปรับอากาศ ช่วยทำให้ผู้ขับรู้สึกตื่นตัวหรือผ่อนคลาย ตามสภาพแวดล้อมขณะขับ หากระบบเรียนรู้ว่าผู้ขับมีอาการเหนื่อยล้า จะทำการเป่าลมภายในที่นั่งบริเวณด้านหลัง เพื่อทำให้เกิดลักษณะท่านั่งแบบหลังตรง พร้อมทำการปล่อยลมเย็นจากระบบหมุนเวียนภายในที่นั่ง เมื่อเกิดสภาวะที่ผู้ขับผ่อนคลายได้ เช่น ในขณะที่ระบบขับอัตโนมัติทำงาน ถุงลมภายในที่นั่งบริเวณด้านหลังจะค่อยๆ ยุบและพอง เพื่อให้เกิดการหายใจด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม

●   3. เทคโนโลยีและอุปกรณ์ล้ำสมัยอื่นๆ : เทคโนโลยีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับรถ (HMI) ใหม่ : LQ ใช้พื้นที่บริเวณหลังคาและพื้นรถเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารเฉพาะบุคคล เพื่อแบ่งปันข้อมูลระหว่างรถกับผู้ขับ แสงบนหน้าจอจะแสดงสีแตกต่างกัน เมื่อแสดงผลว่ารถกำลังเคลื่อนที่ด้วยระบบขับอัตโนมัติ หรือการขับโดยมนุษย์ และแสงบริเวณเท้าจะระบุว่า Yui กำลังสื่อสารกับผู้โดยสารท่านใด

●   LQ มีความสามารถในการสื่อสารข้อมูล เช่น สภาพพื้นผิวถนนให้คนที่อยู่ในและนอกตัวรถทราบ ผ่านการใช้อุปกรณ์ ดิจิตัล ไมโครมิเรอร์ Digital Micromirror Device (DMD) ซึ่งติดตั้งในไฟหน้าของรถ ระบบจะทำงานผ่านกระจกเล็กๆ จำนวนหนึ่งล้านชิ้นที่อยู่ภายใน เพื่อแสดงผลสภาพพื้นผิวถนนอันซับซ้อนที่รถกำลังมุ่งหน้าไป

●   เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ Organic LED: (ครั้งแรกของโตโยต้า) เป็นครั้งแรกที่โตโยต้าใช้เทคโนโลยี Organic LEDs (OLEDs) สำหรับหน้าปัดรถและการแสดงผลของ LQ ซึ่งเป็นการออกแบบแผงควบคุมรอบคนขับที่มีดีไซน์ล้ำหน้า ทั้งทำให้เกิดการแสดงผลที่ชัดเจน

●   ระบบตัวกรองอากาศ : (พัฒนาร่วมกับ Aisin Chemical Co., Ltd. และ Cataler Corporation) LQ ติดตั้งระบบตัวกรองอากาศแบบใหม่ที่จะย่อยสลายโอโซนในก๊าซออกซิเจน ผ่านพัดลมหม้อน้ำ ส่งผลให้โอโซนที่อยู่บริเวณพื้นดิน ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุของหมอกควันแบบโฟโตเคมี (photochemical smog) ถูกย่อยสลายขณะรถเคลื่อนที่ โตโยต้าประเมินว่าผลจากระบบดังกล่าว จะช่วยทำให้เกิดการกรองอากาศของโอโซนประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่อยู่ในอากาศปริมาณ 1,000 ลิตร ระหว่างระยะเวลาการขับ 1 ชั่วโมง

●   โตโยต้ามุ่งหวังว่านวัตกรรมดังกล่าว จะช่วยลดมลพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างโอโซนจากอากาศที่เกิดขึ้นระหว่างขับขี่ และยังพิจารณาให้ยนตรกรรมที่จะจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในอนาคต มีการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้

●   4. ดีไซน์ : ห้องโดยสารของ LQ ออกแบบให้มีโครงสร้างแห่งอนาคต ดูล้ำสมัย ด้วยการนำเอา Yui ไว้ที่กึ่งกลางแผงควบคุม ผ่านเส้นสายที่วาดจากภายในตัวรถมายังภายนอก

●   การออกแบบภายในดูเรียบง่ายและมีความเงางาม มีการซ่อนอุปกรณ์หลักอย่างเครื่องปรับอากาศให้อยู่ ในบริเวณที่มองไม่เห็น คอนโซลกึ่งกลางพิมพ์สามมิติ การใช้เทคโนโลยีด้านการออกแบบ topology optimization ส่งผลให้เกิดความแข็งแรงสูงสุด และทำให้ภายในตัวรถดูทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยโครงสร้างอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารที่ผู้ขับขี่มองเห็นมีจำนวนน้อยลง ประตูภายนอกตัวรถมีการใช้แก้วที่เชื่อมโดยปราศจากรอยต่อ เข้ากับด้านในตัวรถ ทำให้เกิดดีไซน์ที่เป็นเอกภาพ ดูหรูหราสง่างาม

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,530 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,480 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร รองรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่ง น้ำหนักตัวรถ 1,680 กิโลกรัม ระยะทางการขับต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ประมาณ 300 กิโลเมตร

2. Ultra-Compact BEVs

●   เตรียมเปิดตัวช่วงปลายปี 2020 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ของโตโยต้าที่ให้ความสำคัญในการสร้างความแพร่หลายของยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ทั้งนี้ ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) โตโยต้ารุ่นอื่นๆ ได้แก่ Walking Area BEV (ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่วิ่งบนเขตผู้สัญจรเดินเท้าได้) และ Toyota i-Road

●   Ultra-compact BEV (ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ อัลตรา คอมแพกต์) รุ่นใหม่ เป็นรถที่ผลิตเพื่อวางจำหน่ายจริง ก่อนเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่น ปี 2020 ออกแบบสำหรับการเดินทางระยะใกล้ โดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

มร. อะคิฮิโระ ยานะคะ หัวหน้าทีมพัฒนายานยนต์ Ultra-compact BEV

●   มร. อะคิฮิโระ ยานะคะ หัวหน้าทีมพัฒนายานยนต์ Ultra-compact BEV กล่าวว่า “เราตั้งใจที่จะพัฒนารูปแบบการขับเคลื่อนที่ตอบสนองสังคมผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่น ทั้งสามารถมอบอิสระทางการเคลื่อนที่ให้กับผู้คนในทุกช่วงชีวิต เราจึงภูมิใจที่จะแนะนำ Ultra-compact BEV เพื่อนำเสนอยานพาหนะ ที่มิใช่แค่เพียงมอบอิสรภาพในการเดินทางที่ดียิ่งขึ้น หากแต่ยังสามารถวิ่งโดยที่ใช้พื้นที่น้อยลง ก่อให้เกิดเสียงลดลง ทั้งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในปริมาณที่น้อย”

●   การแนะนำ Ultra-compact BEV ในปี 2020 เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ของโตโยต้า ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความแพร่หลายของยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ตลอดทุกช่วงอายุการใช้งาน นับตั้งแต่กระบวนการผลิต การขาย การขายต่อ และการรีไซเคิล เพื่อก่อให้เกิดคุณค่าสูงสุด

●   สำหรับแผนงานระยะสั้น โตโยต้ามุ่งขยายแนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งออกแบบเพื่อนำเอาแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมาประเมินมูลค่า และอาจมีการนำมาใช้ใหม่ตามความเหมาะสมในรถยนต์ใช้แล้ว รวมถึงการใช้งานในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ เช่น สถานีเติมพลังงานเชื้อเพลิง และการคุ้มครองด้านประกันภัย

●   โตโยต้ายังสำรวจความต้องการในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ขนาดเล็ก สำหรับการสัญจรระยะสั้น ที่นอกเหนือจากการใช้งานส่วนบุคคล เช่น พบว่าการใช้รถประเภทดังกล่าวเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเขตเทศบาลเมือง เพื่อให้เกิดทางเลือกการคมนาคมในเขตตัวเมืองและชุมชนที่อยู่บริเวณภูเขาให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ไร้ข้อจำกัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

●   ปัจจุบันโตโยต้ามีพันธมิตรองค์กรและหน่วยงานราชการประมาณ 100 แห่ง ในการร่วมสำรวจรูปแบบการคมนาคมแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ เช่น Ultra-compact BEV ทั้งยังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกับที่อื่นๆ อีก สามารถตรวจสอบรายนามพันธมิตรปัจจุบันได้ที่นี่

●   อรรถประโยชน์และคุณลักษณะเด่นของยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่โตโยต้า ประกอบด้วย:

●   Ultra-compact BEV Concept Model for Business ตอบสนองการใช้งานเชิงธุรกิจ สำหรับการสัญจรหรือการเดินทางระยะทางใกล้ๆ ในรูปแบบที่ขับไปและจอดแบบเป็นกิจวัตร ทั้งยังทำหน้าที่เป็นที่ทำงานเคลื่อนที่ (mobile office) ด้วยรูปแบบการทำงาน 3 แบบ เพื่อรองรับการสัญจร การทำงาน และการพักเบรค ภายในรถ

●   Walking area BEV ประเภทยืนขับ ตอบสนองการใช้งานเป็นรถตรวจการ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย หรือขนย้ายสัมภาระที่มีน้ำหนักมากรอบสถานที่ขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน หรือโรงงาน

●   Walking area BEV ประเภทนั่งขับ อำนวยความสะดวกด้านคมนาคมสำหรับผู้มีสัมภาระจำนวนมาก หรือผู้ที่มีความยากลำบากในการเดิน

●   Walking area BEV ประเภทเชื่อมต่อเข้ากับรถเข็นวีลแชร์ เชื่อมต่อเข้ากับรถเข็นวีลแชร์เพื่อให้ขับเคลื่อนได้โดยเครื่องยนต์ สำหรับใช้งานภายในสถานที่ขนาดใหญ่หรือสถานที่ท่องเที่ยว

●   Toyota i-ROAD ตอบสนองการใช้งานเพื่อการสัญจรระยะสั้น โดยยานพาหนะขนาดรถจักรยานยนต์ที่มีเสถียรภาพดีขึ้น รองรับการเดินทางเขตเมืองใน ช่วงท้ายสุดของการเดินทาง (last-mile) หรือใช้งานเชิงท่องเที่ยว

ชื่อ Ultra-compact BEV Ultra-compact BEV Concept Model for Business Walking area BEV ประเภทยืนขับ Walking area BEV ประเภทนั่งขับ Walking area BEV ประเภทเชื่อมต่อเข้ากับรถเข็นวีลแชร์ Toyota i-ROAD
เวลาเปิดตัว ฤดูหนาว 2020 ฤดูหนาว 2020 2021 2020
จำนวนผู้โดยสาร 2 คน 1 1 1 1 1/2
ความยาว 2,490 มม. 2,490 มม. 700 มม. 1,180 มม. 540 มม. 2,345 มม.
ความกว้าง 1,290 มม. 1,290 มม. 450 มม. 630 มม. 630 มม. 870 มม.
ความสูง 1,550 มม. 1,550 มม. 1,200 มม. 1,090 มม. 1,090 มม. 1,455 มม.
ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. 60 กม./ชม. 10 กม./ชม. (ปรับได้) 2, 4, 6 กม./ชม. (ปรับได้) 2, 4, 6 กม./ชม. (ปรับได้) 60 กม./ชม.
ระยะทางที่วิ่งได้ ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 100 กิโลเมตร 100 กิโลเมตร 14 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร 20 กิโลเมตร 50 กิโลเมตร
ระยะ เวลาในการชาร์จโดยประมาณ  5 ชั่วโมง (ไฟ200 โวลต์ ) 5 ชั่วโมง (ไฟ200 โวลต์ ) 2.5 ชั่วโมง (เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้) 2 ชั่วโมง (เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้) 2.5 ชั่วโมง (เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้) 3 ชั่วโมง

3. Mirai Concept

●   Mirai ใหม่ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์พลังงานเชื้อเพลิง ใช้งานได้ไกลกว่ารุ่นปัจจุบัน 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงปรับปรุงอัตราการเร่งและสมรรถนะของรถ โดยได้รับการออกแบบใหม่หมด บนสถาปัตยกรรมยานยนต์ล่าสุด TNGA เพื่อมอบประสบการณ์ในการขับที่เหนือระดับ ความสะดวกสบายที่ดียิ่งกว่า และดีไซน์ที่คล่องแคล่วปราดเปรียว

●   มร. โยชิกะซึ ทานะกะ หัวหน้าวิศวกร โตโยต้า มิไร กล่าวว่า “เรามุ่งสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกสนุกกับการขับ ยนตรกรรมที่พร้อมด้วยเสน่ห์ของดีไซน์ที่น่าดึงดูด ทั้งสายตาและด้านความรู้สึก ตลอดจนสามารถตอบสนองสมรรถนะด้านการขับได้อย่างดีเยี่ยม และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยินลูกค้าพูดว่า สาเหตุที่ซื้อรถรุ่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าเป็นรถไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง แต่เป็นเพราะเหตุผลที่ว่า เขากำลังมองหารถสักคัน และบังเอิญรถที่เลือกนั้น เป็นยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง”

มร. โยชิกะซึ ทานะกะ หัวหน้าวิศวกร โตโยต้า มิไร

●   โตโยต้า แนะนำ มิไร เจเนอเรชั่นที่ 1 ในเดือนธันวาคม 2014 ยนตรกรรมรุ่นนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในระดับโลกของสังคมแห่งพลังงานไฮโดรเจน ด้วยรูปแบบของยนตรกรรมที่ให้การขับเคลื่อน ที่ใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน และมีระยะทางในการเดินทางและใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงเทียบเท่ายานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่มีจุดเด่นในเรื่องปราศจากการทำให้เกิดมลภาวะ โดยจะปล่อยของเสียออกมาเป็นน้ำ นับตั้งแต่การแนะนำรุ่นดังกล่าว ยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกของโตโยต้า มิไร อยู่ที่ประมาณ 10,000 คัน ถือเป็นการช่วยปูทางสู่สังคมแห่งพลังงานไฮโดรเจน ที่มีการปล่อยมลพิษน้อยลง มีความหลากหลายของแหล่งกำเนิดพลังงานเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับโลก

●   สำหรับ โตโยต้า มิไร เจเนอเรชั่นที่ 2 วางแผนว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2019 โดยเริ่มจากประเทศญี่ปุ่น ทวีปอเมริกาเหนือ และในทวีปยุโรป โดยรถรุ่นนี้เป็นยิ่งกว่ารถที่ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งก้าวเพื่อมุ่งสู่อีกขั้นของยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์พลังงานเชื้อเพลิง และยังมีถังเก็บพลังงานไฮโดรเจนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โตโยต้าตั้งเป้าหมายให้รถรุ่นนี้มีระยะการเดินทางที่ไกลกว่ารุ่นปัจจุบัน 30 เปอร์เซ็นต์

●   โตโยต้า มิไร เจเนอเรชั่นที่ 2 ได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยใช้สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA แบบระบบขับเคลื่อนล้อหลังอันเหนือระดับของโตโยต้า เพื่อผสานความคล่องตัว และสมรรถนะด้านการขับที่ดียิ่งกว่า ให้เข้ากับรูปทรงภายนอกที่หรูหราปราดเปรียว ซึ่งคุณลักษณะเด่นของยานยนต์ต้นแบบโตโยต้ามิไรประกอบด้วย

●   โดดเด่น ปราดเปรียว มอบสมรรถนะในการขับขี่เหนือระดับ ทั้งมีรูปทรงสวยงาม เร้าอารมณ์ : ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ของโตโยต้า (TNGA) ทั้งมีเส้นสาย สัดส่วนที่้ดูสวยงาม ตัวถังแข็งแกร่งปราดเปรียว ล้อรถขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้ว โดยองค์ประกอบทั้งหมดทำให้เกิดดีไซน์ทรงพลัง และ โดดเด่น สะกดสายตา

●   สีภายนอกที่จะนำมาเปิดตัว คือ สีใหม่ (สีน้ำเงิน Force Blue Multiple Layers) ที่เน้นการใช้หลาย ชั้นสี เพื่อทำให้เกิดความสว่างและมิติความลึกแบบพิเศษ

●   การออกแบบภายใน มีพื้นที่แบบเรียบง่าย ทันสมัย ให้ความรู้สึกของความอบอุ่นและความสบาย ด้วยวัสดุต่างๆ บริเวณแผงควบคุมตรงกลางเชื่อมต่อเข้ากับหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว รวมทั้งแผงหน้าปัดที่รอบล้อมคนขับ นอกจากนั้น การออกแบบระบบเซลล์พลังานเชื้อเพลิงให้อยู่บนสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA รองรับได้ 5 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากรุ่นปัจจุบันที่มี 4 ที่นั่ง

●   สมรรถนะในการขับที่พัฒนาให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง : นับตั้งแต่เริ่มต้น ตลอดทุกขั้นตอนในการออกแบบรถรุ่นนี้ โตโยต้าได้คำนึงถึงการทำให้สมรรถนะของระบบส่งกำลังโตโยต้า รวมทั้งประสิทธิภาพของเซลล์เชื้อเพลิงอยู่ในระดับสูงสุด โดยการใช้สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ของโตโยต้า ทำให้ยานยนต์ต้นแบบมีความแข็งแกร่งของตัวรถมากขึ้น ส่งผลให้รถมีความคล่องตัว และมีการตอบสนองดียิ่งขึ้น ตลอดจนจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองได้ดั่งใจ

●   นอกจากการพัฒนาระบบเซลล์พลังงานเชื้อเพลิง ให้รถมีระยะทางในการวิ่งที่ไกลขึ้นแล้ว ยังทำให้รถออกตัวได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง ทั้งทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อมีการเหยียบคันเร่งและเมื่อรถส่งกำลังเพื่อทำให้เกิดอัตราเร่ง การควบคุมรถมีความเบา และทำได้ง่าย แม้วิ่งบนถนนในขณะลมพัด รวมทั้ง เมื่อรถวิ่งบนถนนหลวงก็รู้สึกได้ถึงสมรรถนะอันทรงพลังที่ทุกระดับความเร็ว

●   อีกขั้นของเทคโนโลยีเซลล์พลังงานเชื้อเพลิง : โตโยต้า มิไร เจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมระบบเซลล์พลังงานเชื้อเพลิงใหม่ พัฒนาประสิทธิภาพของเซลล์พลังงานเชื้อเพลิง (FC Stack) ให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก โตโยต้าตั้งเป้าหมายให้รถรุ่นนี้มีระยะขับที่ดีขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากรุ่นปัจจุบัน ด้วยการทำให้ถังเก็บพลังงานไฮโดรเจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในการพัฒนายนตรกรรมรุ่นใหม่นี้

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,975 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 85 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร ลดลงจากรุ่นเดิม 35 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 140 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ภายในแบ่งเป็น 2 การตกแต่ง White & Silver ให้ความหรูหราผ่อนคลาย และ Black & Silver เน้นความเข้มขรึม

●   จบการพรีวิวผลิตภัณฑ์ในช่วงเช้า ก็พักทานอาหารกลางวันในบริเวณจัดงาน จากนั้นเริ่มงานในช่วงบ่ายด้วยการบรรยายเรื่องแผนงานสำหรับรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า ทำอย่างไรให้มีการใช้อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น โดยมี มร. ชิเกะคิ เทราชิ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้าทีมเทคโนโลยี บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้บรรยาย

●   โตโยต้า มีการคิดค้นพัฒนาแบตเตอรี่มาตั้งแต่ปี 1925 และก่อตั้งห้องทดลองเกี่ยวกับแบตเตอรี่ในปี 1939 โดยมีแนวคิดในการพัฒนาว่าต้องมีพลังงานสูง ชาร์จซ้ำได้อย่างรวดเร็ว มีความต้านทานต่ำ ผลิตง่ายและทนทาน จากนั้นก็เปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นพริอุส เจนเนอเรชั่นแรก ในปี 1997 ใช้แบตเตอรี่แบบ นิเกิล เมทัล ไฮดราย จากนั้นในปี 2003 ก็เปิดตัวแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ส่วนในอนาคตอันใกล้จะพัฒนาแบตเตอรี่แบบ Solid-State และแบบ Metal Air

●   เมื่อเปรียบเทียบแบตเตอรี่รถไฮบริดรุ่นปัจจุบันกับรุ่นก่อนหน้า จะพบว่าแบตเตอรี่ของรถไฮบริดรุ่นใหม่ๆ จะใช้งานได้ระยะทางมากกว่าเมื่อรถผ่านการใช้งานไปแล้ว 10 ปี แสดงว่าตัวแบตเตอรี่มีความทนทานมากขึ้น มีการเสื่อมสภาพน้อยลง และยังคงประสิทธิภาพการเก็บและจ่ายไฟฟ้า แม้ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน รถพลังงานไฟฟ้าและรถไฮบริด มีส่วนสำคัญจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง นอกจากนี้ยังช่วยลด CAFE หรือ Corporate Average Fuel Economy ให้ได้ตามข้อกำหนด และช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้รถพลังงานไฟฟ้าให้มากขึ้นด้วย

4. e-Palette-ยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ

●   โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จะจัดสรรให้มียานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ อี-พาเลตต์ รุ่นออกแบบพิเศษ โตเกียว 2020 เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคม ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกปี 2020 ณ กรุงโตเกียว (โตเกียว 2020) โดยจะมีความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และวิ่งตามเส้นทางที่กำหนดไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมสำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของงาน ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ขับเคลื่อนแบบไร้คนขับนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ สำหรับการใช้งานระหว่างโตเกียว 2020 บนพื้นฐานความคิดเห็นจากนักกีฬา ที่มีต่อความต้องการด้านการสัญจร โดยรวบรวมจากประสบการณ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่านมา

●   มร. ทะคะฮิโระ มุตะ หัวหน้าทีมพัฒนายานยนต์รุ่น อี-พาเลตต์ (รุ่นโตเกียว 2020) กล่าวว่า “นักกีฬาที่ร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกต่างทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และเราต้องการมอบบริการเพื่อการเคลื่อนที่ ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักกีฬาระหว่างการแข่งขันโตเกียว 2020” ระหว่างการพัฒนายานยนต์รุ่นนี้ นักกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ร่วมการแข่งขันพาราลิมปิก ช่วยทำให้เราเข้าใจว่าควรปรับปรุงและพัฒนารถรุ่นนี้อย่างไร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการในการเคลื่อนที่ซึ่งง่าย สะดวก และสบาย เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกับนักกีฬาในการพัฒนายนตรกรรมที่มิใช่เพียงมอบการขับเคลื่อนทางกายภายในหมู่บ้านนักกีฬา หากแต่ยังมอบโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น แบ่งปันประสบการณ์ใหม่ๆ และขับเคลื่อนด้านอารมณ์ความรู้สึกอีกด้วย”

มร. ทะคะฮิโระ มุตะ หัวหน้าทีมพัฒนายานยนต์รุ่น อี-พาเลตต์

●   โตโยต้าแนะนำ อี-พาเลตต์เป็นครั้งแรกใน 2018 เป็นรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าคันแรกของโตโยต้าซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autono-MaaS*1) โดยเฉพาะ สื่อถึงความตั้งใจในการปรับเปลี่ยนบทบาทองค์กรจากการเป็นเพียงผู้ผลิตรถยนต์สู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน ทั้งนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยเข้ามาสนับสนุนธุรกิจพัฒนาการขับเคลื่อนแบบใหม่ในอนาคต

●   อี-พาเลตต์ (รุ่นโตเกียว 2020) ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการเฉพาะสำหรับการสัญจรภายในหมู่บ้านของนักกีฬาด้วยการติดตั้งประตูที่มีขนาดใหญ่ ทางลาดระบบไฟฟ้าให้กับรถรุ่นนี้ เพื่อให้สะดวกสำหรับนักกีฬาที่เดินทางเป็นหมู่คณะ รวมทั้งนักกีฬาพาราลิมปิกในการขึ้นลงรถได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย รถจะให้บริการด้วยระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยความเร็วสูงสุด 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะมีความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ SAE Level2 4 ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประจำรถ

●   การนำยานยนต์รุ่นนี้มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกด้านคมนาคมสำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ นับเป็นพันธกิจหลักของโตโยต้าที่จะมอบทางแก้ปัญหาด้านการสัญจร ซึ่งมีเทคโนโลยีอ้นก้าวหน้า ล้ำสมัย ในฐานะผู้สนับสนุนระดับโลกด้านการขับเคลื่อนเป็นรายแรก ของการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก นอกจากนั้น โตโยต้ายังมีแผนที่จะนำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับจากการนำเอา อี-พาเลตต์ รุ่นออกแบบพิเศษ มาใช้ระหว่างโตเกียว 2020 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เกี่ยวกับบริการด้านการสัญจรในอนาคต

●   รายละเอียดยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ e-Palette รุ่นออกแบบพิเศษ โตเกียว 2020 ประกอบด้วย:

●   ดีไซน์ที่เหมาะสมเพื่อมอบบริการแห่งการขับเคลื่อนที่สะดวกสบาย : สัดส่วนตัวรถด้านหน้าและด้านหลังมีความสมดุลลงตัว ล้อของรถออกแบบให้อยู่ที่บริเวณมุมของตัวรถ ทำให้พื้นที่ภายในตัวรถกว้างมากขึ้น

●   สะท้อนความมุ่งมั่นในการมอบบริการแห่งการขับเคลื่อนสำหรับทุกคน ออกแบบราวจับและที่นั่งให้ใช้งานได้ง่ายสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมีส่วนสูงเท่าไรก็ตาม นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้น การออกแบบเส้นสาย ที่นั่ง รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ มีองค์ประกอบความแตกต่างของสีที่ชัดเจน เอื้อต่อผู้ที่มีภาวะตาบอดสี

●   ผู้โดยสารสามารถขึ้นลงรถได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย : ด้วยการติดตั้งประตูที่มีขนาดใหญ่ ระดับของพื้นรถที่ต่ำ ทางลาดระบบไฟฟ้าให้กับรถรุ่นนี้ มาพร้อมระบบควบคุมเมื่อรถเคลื่อนใกล้ถึงจุดหมาย Arrival Control3 เพื่อให้ผู้โดยสาร รวมทั้งผู้ที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ ขึ้นลงรถได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

●   ด้วยฐานล้อที่ยาวและพื้นรถที่ราบเรียบทำให้สามารถให้บริการผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์มากถึง 4 คัน และผู้โดยสารยืน เดินทางร่วมกันด้วยยานพาหนะนี้ได้ในหนึ่งเที่ยว

●   ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย : อี-พาเลตต์จะให้บริการด้วยระบบการ ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ออกแบบเป็นพิเศษ ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัย เช่น กล้องและเซ็นเซอร์ วัดแสงเทคโนโลยีไลดาร์ (LiDAR) ทำงานร่วมกับ ตัวการทำแผนที่สามมิติ (3D mapping) และระบบควบคุมการปฏิบัติการ เพื่อให้มีความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ SAE ระดับ 4

●   เพื่อสนับสนุนระบบการทำงานที่ปลอดภัย อี-พาเลตต์จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแสดงให้เห็นการทำงาน และการควบคุมเครื่องจักร (Human-Machine Interface) ช่วยสื่อสารกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวรถ รวมทั้งคนเดินเท้า ขณะรถให้บริการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไฟรถด้านหน้าและหลังจะเลียนแบบการทำงานของมนุษย์ด้วยการสื่อสารทางสายตาเพื่อแจ้งคนเดินเท้าให้ทราบสถานะการทำงานของรถ

●   ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติจะคอยตรวจสอบสิ่งกีดขวางด้วยมุมมองแบบ 360 องศารอบตัวรถ และจะปรับระดับความเร็วให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยเชิงรุก เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประจำรถจะคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของรถ และพร้อมทำการควบคุม ในกรณีที่มีความจำเป็น

ยาว / กว้าง / สูง / ฐานล้อ 5,255 มม. / 2,065 มม. / 2,760 มม. / 4,000 มม.
จำนวนผู้โดยสาร รองรับได้สูงสุด 20 คน * (รวมเจ้าหน้าที่ประจำรถ) *สำหรับผู้โดยสารที่ใช้รถเข็น : รองรับรถเข็นได้สูงสุดถึง 4 คัน  + ผู้โดยสารยืน 7 คน
ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ประมาณ 150 กิโลเมตร
ความเร็ว 19 กม./ชม.

*1 เป็นการผสมของคำว่า “autonomous” และ “mobility as a service” เพื่ออธิบายการให้บริการด้านการขับเคลื่อนของโตโยต้าด้วยยานพาหนะที่ขับเคลื่อนได้โดยไร้คนขับ
*2 ศึกษาข้อมูลอ้างอิงของระดับ SAE Level ได้ที่ automatedtoyota.com
*3 ระบบควบคุมรถให้หยุด ณ จุดจอดรับส่ง และลดระยะห่างจากจุดที่จอดอัตโนมัติ

อ่านต่อตอนที่ 2

●   Toyota@Tokyo Motor Show 2019 : ตอนที่ 1.
●   Toyota@Tokyo Motor Show 2019 : ตอนที่ 2.
●   Toyota@Tokyo Motor Show 2019 : ตอนที่ 3.


Toyota@Tokyo Motor Show 2019 : Part 1