November 9, 2019
Motortrivia Team (10191 articles)

Peugeot 3008 & 5008 ลองขับ 2 รุ่น กรุงเทพฯ-เขาใหญ่

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●   เปอโยต์ กลับมาทำตลาดในเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้การดำเนินงานของ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประเดิมตลาดด้วยเอสยูวี 2 รุ่น 3008 แบบ 5 ที่นั่ง และ 5008 แบบ 7 ที่นั่ง พร้อมเปิดโชว์รูมแห่งแรก ไลอ้อน ออโตโมบิล แยกนวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว หลังจากนั้นก็เชิญสื่อมวลชนทดลองขับรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น บนเส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ พร้อมทดลองใช้โหมดขับเคลื่อนต่างๆ ระยะทางรวมประมาณ 200 กิโลเมตร

ดร. ยอร์ก บรอยเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย

●   เริ่มต้นกิจกรรมที่โชว์รูม ไลอ้อน ออโตโมบิล โดยมี ดร. ยอร์ก บรอยเออร์ (Joerg Breuer) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย กล่าวต้อนรับ พร้อมเจ้าหน้าที่จากเปอโยต์ ประกอบด้วย คุณอนุสรณ์ บุตรสุนทร, คุณกุลธวัช เกตวัลห์ และ คุณนราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ ร่วมกันอธิบายรายละเอียดผลิตภัณฑ์

คุณอนุสรณ์ บุตรสุนทร

●   เปอโยต์ ถือกำเนิดในปี 1810 หรือกว่า 200 ปีที่แล้ว โดย Mr. Armand Peugeot รุ่นปัจจุบันทั้ง 3008 และ 5008 เป็นผลงานของ Mr. Gilles Vidal ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของเปอโยต์ ที่ต้องการให้รถทั้ง 2 รุ่น เป็นเอสยูวีที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ทรงพลัง ออกแบบให้เส้นสายมีความต่อเนื่องลื่นไหล ไฟหน้าแบบ Full LED ปรับอัตโนมัติ และกันชน ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเขี้ยวสิงโต ส่วนไฟท้ายออกแบบให้เป็นรอยเล็บของสิงโต Lion Claws

คุณกุลธวัช เกตวัลห์

●   ภายนอกของ 5008 ได้รับการออกแบบฝากระโปรงหน้าให้แบนกว้าง เส้นสายต่อเนื่องจากกระจกหน้า มาพร้อมรูฟแร็คสเตนเลส กาบกันกระแทกด้านข้าง และขอบโป่งล้อสีดำ รับกับล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว มีสีเฉพาะรุ่นคือ Emerald Crystal ส่วนรุ่น 3008 มีสีพิเศษ Metallic Copper เน้นความสปอร์ตด้วยเส้นตัวถังด้านข้างช่วงท้ายที่ยกขึ้นเล็กน้อย หลังคาด้านหลังลาดลงรับกับกระจกบานท้าย น้ำหนักรุ่น 3008 ประมาณ 1,290 กิโลกรัม ส่วน 5008 หนักกว่าประมาณ 60 กิโลกรัม

คุณนราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์

●   ภายในห้องโดยสารมีจุดน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่การออกแบบพวงมาลัยให้เป็นทรงแบน วงด้านบนและด้านล่างถูกปาดออก ปาดด้านบนเพื่อให้มองข้ามพวงมาลัยแล้วเห็นมาตรวัดได้ชัดเจน ต่างจากรถรุ่นอื่นที่ต้องมองลอดวงพวงมาลัยเพื่อให้เห็นมาตรวัด หลังคาพาโนรามิกซันรูฟควบคุมการเปิด-ปิดกระจกและม่านบังแสงด้วยระบบไฟฟ้า เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับมีที่ดันหลังไฟฟ้า พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง 5008 เป็นแบบ 7 ที่นั่ง เบาะแถว 2 ออกแบบให้เลื่อนได้และพนักพิงปรับเอนได้ ทั้ง 2 รุ่นมีประตูบานท้ายแบบไฟฟ้าควบคุมได้ทั้งจากรีโมทคอนโทรล สวิตช์ที่คอนโซลฝั่งผู้ขับ และการแหย่เท้าไปใต้กันชนหลังโดยต้องพกกุญแจไว้กับตัว บานประตูมีระบบป้องกันการหนีบ

●   ชุดมาตรวัดของทั้ง 3008 และ 5008 เป็นแบบ i-Cockpit Dials สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะให้ข้อมูลใดแสดงผลตรงตำแหน่งไหน ควบคุมด้วยปุ่มหมุนฝั่งซ้ายบนพวงมาลัย คอนโซลกลางมีจอสัมผัส ควบคุมระบบต่างๆ ได้ แสดงผลจากกล้องมองรอบทิศทางด้วย ถัดลงมาเป็น Piano Keys กดลงเพื่อเข้า Application, โทรศัพท์, การขับ, เนวิเกเตอร์, ระบบปรับอากาศ, เครื่องเสียง และปุ่มหมุนปรับระดับเสียง

●   ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน รหัส EP6FDT เบนซิน ไดเร็คอินเจ็คชั่น PURE TECH 4 สูบ เทอร์โบ Twin Scroll ความจุ 1,598 ซีซี กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาทึ แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Quickshift มีโหมด M พร้อม Paddle Shift และโหมด Sport มาพร้อมระบบ Advanced Grip Control เปลี่ยนโหมดการขับสำหรับสภาพพื้นผิวต่างๆ ให้เลือกได้สะดวกด้วยปุ่มหมุน ประกอบด้วย Normal, Snow, Mud, Sand และ ESP Off

●   ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ด้านหลังคานบิด คอยล์สปริง ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ยาง 225/55/18

●   ทั้ง 2 รุ่นแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยตามอุปกรณ์มาตรฐาน 3008 ACTIVE 1.549 ล้านบาท ALLURE 1.699 ล้านบาท 5008 ACTIVE 1.749 ล้านบาท ALLURE 1.899 ล้านบาท มาพร้อมการประกันคุณภาพ 3 ปี 100,000 กิโลเมตร บำรุงรักษาฟรี 3 ปี 60,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วประเทศ 3 ปี

5008 ทรงครอบครัว เบาะแถว 2 ปรับได้ ขับสบายไม่อืด

●   เริ่มต้นทดลองขับด้วยรุ่น 5008 รับหน้าที่ขับไม้แรกจากศูนย์บริการแถวเกษตร-นวมินทร์ ใช้ทางด่วนต่อเนื่องกาญจนาภิเษก ไปยังจุดเปลี่ยนผู้ขับครั้งแรกแถววังน้อย ระยะทางที่ได้ขับประมาณ 50 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางใช้ความเร็วเดินทางปกติไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่ง 3 คน อัตราเร่งอยู่ในระดับกลางๆ เหมาะสมกับสไตล์ของรถครอบครัว จุดเด่นของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังอยู่ที่ความราบเรียบนุ่มนวล เพราะแรงบิดสูงสุดมาในรอบต่ำ ทำให้ขับง่าย ไม่ต้องลากรอบหรือเค้นกำลังกันมากนัก ยกเว้นการเร่งแซงฉุกเฉินต้องใช้รอบเครื่องยนต์ช่วยบ้างเป็นเรื่องปกติ

●   เกียร์แบบฟันเฟือง 6 จังหวะ เปลี่ยนขึ้นลงได้รวดเร็วนุ่มนวล ลองเข้าโหมด Sport เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมาอีกนิด อัตราเร่งติดเท้ามากขึ้น กดปุ่ม M แล้วใช้ Paddle Shift ในการเปลี่ยนเกียร์ ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงได้พอสมควร และในโหมดนี้ยังกดคันเร่งคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำได้ เผื่อขับในโหมด M เพลินๆ แล้วต้องเร่งฉุกเฉิน พวงมาลัยทรงยานอวกาศ ดูว่าน่าจะขับไม่ถนัดเเพราะวงไม่กลม แต่แค่ได้ขับก็เปลี่ยนใจ เพราะการใช้งานไม่ต่างจากพวงมาลัยปกติ วงพวงมาลัยที่เล็ก อัตราทดพวงมาลัยที่พอดีและการผ่อนแรงที่แปรผันตามความเร็วได้ดี ช่วยให้การขับที่ความเร็วต่ำเลี้ยวได้คล่องตัว และมั่นคงไม่วูบวาบเมื่อใช้ความเร็วสูง

●   ระบบกันสะเทือนออกแนวแข็งๆ แน่นๆ แต่ไม่กระด้าง มีความหนักแน่นตามสไตล์รถยุโรปชั้นดี ยางที่ให้มาเป็นแบบกึ่งลุยจึงเพิ่มความแข็งขึ้นมาอีกนิด ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ จับตัวเร็วไปนิด ขับแรกๆ เบรกแล้วผู้โดยสารหัวทิ่มหัวตำ ต้องปรับตัวพักใหญ่จึงเบรกได้นุ่มนวล ส่วนเรื่องการสร้างแรงเบรกแรงดึงทำได้ดีเยี่ยม เหลือๆ เมื่อเทียบกับสมรรถนะของเครื่องยนต์

●   ขับเสร็จแล้วลองย้ายไปนั่งเบาะแถว 2 พบว่าความกว้างขวางเหลือเฟือ จนต้องสะกิดให้ผู้โดยสารด้านหน้าเลื่อนเบาะถอยหลังมาได้อีก คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ลองเลื่อนเบาะแถว 2 และปรับความเอนให้พอดี ดึงที่เท้าแขนกลางเบาะลงมา ก็นั่งได้อย่างสบาย กระจกข้างคู่หลังออกแบบให้มีขนาดใหญ่ บวกกับเพดานที่ค่อนข้างโปร่งและมีพาโนรามิกซันรูฟ ทำให้ดูกว้าง นั่งชมวิวทิวทัศน์ได้เต็มตา แม้รถคันที่ทดลองขับจะไม่ได้ติดฟิล์ม แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็น เพราะมีช่องแอร์พร้อมสวิตช์ปรับแรงลมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 พร้อมช่องจ่ายไฟฟ้า USB 1 ตำแหน่ง เปลี่ยนผู้ขับครบ 3 คนแล้วแวะเติมพลังมื้อกลางวัน ก่อนออกเดินทางต่อพร้อมสลับรถเป็น 3008

ลองช่วงล่าง 3008 บนทางคดเคี้ยว

●   สลับรถแล้วเป็นผู้โดยสารไปก่อน ขับขึ้นเขาใหญ่มุ่งหน้าจุดชมวิวจุดแรก แวะถ่ายรูปพร้อมสลับผู้ขับ มุ่งหน้าจุดหมายต่อไปคือ น้ำตกเหวสุวัต ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร รับหน้าที่เป็นผู้ขับ ได้ลองช่วงล่างและการควบคุมรถแบบพอหอมปากหอมคอ เพราะใช้ความเร็วตามที่อุทยานกำหนด ความรู้สึกโดยรวมไม่ต่างจาก 5008 มากนัก พวงมาลัยแม่นยำและมีความหนืดที่พอเหมาะ ไม่เบาหวิวจนขาดความมั่นใจ เบรกจับตัวเร็วเหมือน 5008 ช่วงล่างหนึบแน่น เข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ขับผ่านเนินชลอความเร็วก็ดูดซับแรงสะเทือนได้ดี

●   ช่วงนี้ได้ใช้โหมด M พร้อม Paddle Shift กันอย่างจุใจ เลือกตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมกับความชันไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ขับขึ้นเนินได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเสียจังหวะคิ๊กดาวน์ ส่วนช่วงลงเนินก็คาเกียร์ไว้ช่วยหน่วงความเร็ว ลดภาระระบบเบรก (ไม่ได้เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพื่อเบรก) ขับผ่านโค้งต่างๆ ด้วยความเร็วตามกำหนดได้อย่างสนุก รถมีความคล่องแคล่วกว่าที่คิด ขับง่ายและรู้สึกหนักแน่นปลอดภัย

●   ระหว่างทางแวะลองระบบ Advanced Grip Control บนทางลาดชันที่เป็นหินลอย เป็นเส้นทางที่ทางเปอโยต์จัดไว้ให้ ระบบจะปิดและเปิดการทำงานของ ESP โดยอัตโนมัติเพื่อให้รถสามารถตะกุยไต่ขึ้นไปได้ ส่วนขาลงได้ลองระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อลงทางลาดชันด้วยความเร็วต่ำ ขากลับมุ่งหน้าที่พักอีก 33 กิโลเมตร ตีตั๋วนั่งเบาะหลังยาวๆ พื้นห้องโดยสารแบบเรียบ ทำให้มีที่วางเท้าเพิ่มขึ้นอีกนิด

●   เปอโยต์ 3008 และ 5008 เด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกและภายในล้ำสมัยมีเอกลักษณ์ น่าจะถูกใจคนที่ต้องการความแปลกใหม่ ราคาไม่ดุเดือดมากนัก สูสีกับแบรนด์ญี่ปุ่น แต่อาจเสียเปรียบเรื่องความกว้างขวาง แลกกับคุณภาพมาตรฐานยุโรปที่โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการควบคุม เครื่องยนต์ไม่แรงจัดจ้านและไม่อืด สมรรถนะสอดคล้องกับตัวรถที่ออกแนวรถขับเที่ยวกับครอบครัว เรื่องคุณภาพของตัวรถไม่ใช่ปัญหา ถ้าสามารถสร้างความมั่นใจด้านบริการหลังการขายได้ ก็คงจะได้เห็นรถเปอโยต์บ่อยขึ้น  ●


2019 Peugeot 3008 & 5008 : Group Test