มโนยนต์ ตั้งเป้า 2563 โตกว่า 10% เปิดตัวช๊อคฯ TOKICO
ประชาสัมพันธ์
● กลุ่มบริษัทมโนยนต์ มั่นใจตลาดสินค้าอะไหล่ทดแทนในไทยยังเติบโต เผยแผนงานในปีนี้ เตรียมรุกตลาดชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ทดแทนระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวช๊อค แอบซอร์บเบอร์ TOKICO สำหรับรถรุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น คาดปีนี้โตกว่า 10%
● ช๊อคฯ TOKICO รุ่นใหม่สำหรับปี 2563 นี้ นอกจากช๊อคฯ มาตรฐานติดรถแล้ว มโนยนต์จะเน้นไปยังกลุ่ม Series ใหม่ 3 Series ได้แก่:
● 1. Power-Plus Series : ช๊อคฯ น้ำมันกระบอกยาว แกนใหญ่ 16 mm. เพิ่มความยาวกว่าช๊อคฯ มาตรฐาน เหมาะสำหรับรถกระบะที่มีการเสริมแหนบให้สูงขึ้นตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป และทนต่อการใช้งานหนัก
2. Alpha-Plus Series : ช๊อคฯ ขนาดใหญ่พิเศษชนิดแก๊ส สมรรถนะสูง ออกแบบและทดสอบโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่น รองรับการใช้งานด้วยความเร็วในขณะบรรทุกหนัก ช่วยให้รถทรงตัวได้ดี ไม่เสียการควบคุม เหมาะสำหรับรถกระบะ, รถ MPV และรถตู้
3. S-Plus Series : ช๊อคฯ เกรดพิเศษชนิดแก๊ส สมรรถนะสูง พัฒนาขึ้นเพื่อสนองตอบการขับในสไตล์มอเตอร์สปอร์ต สามารถใช้กับสปริงโหลดได้ (ไม่เกิน 40 มม.) เหมาะสำหรับรถยนต์นั่งที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของช่วงล่างให้เกาะถนนมากขึ้นขณะใช้ความเร็วสูง
● สำหรับช๊อคฯ รุ่นใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย (1) Toyota รุ่น Altis 2019, Commuter 2019, Camry 2018, C-HR 2018 และ Alphard (2) Honda รุ่น BR-V 2016, CR-V 2012-2016 และ Freed 2013 (3) Mazda รุ่น CX-3 2015 และ CX-5 2017 (4) Nissan รุ่น Teana 2013, Caravan E25 2001-2012 และ Caravan E26 (5) Suzuki รุ่น Swift 2018 และ Ciaz2015
● ดร. ปรเมศร์ ลี้โกมลชัย กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทมโนยนต์ และ รองประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “กว่า 5 ทศวรรษ กลุ่มบริษัทมโนยนต์ ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย โดยกลุ่มบริษัทมโนยนต์ในส่วนของธุรกิจสายการค้า (Trading Business) ดูแลตลาดสินค้าชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน (Replacement Market) ทั้งในประเทศและส่งออก มีบริษัทในเครือ 14 บริษัท โดยจำหน่ายสินค้าอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทน เช่น สินค้าในกลุ่มคลัทช์, เบรก, ช่วงล่าง, กลุ่มน้ำมันและผลิตภัณฑ์ของเหลว ชิ้นส่วนอะไหล่ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องยนต์สำหรับรถบรรทุก เครื่องจักรเพื่อการเกษตร และก่อสร้าง ที่มีคุณภาพ ด้วยแบรนด์สินค้าที่ได้มาตรฐาน OEM ส่งให้กับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเป็นแบรนด์ได้รับการยอมรับจากลูกค้า”
● “รายได้จากกลุ่มธุรกิจสินค้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนของกลุ่มบริษัทมโนยนต์ เติบโต 7% จากปี 2561 ยอดขายรวมกว่า 6,800 ล้านบาท และในปีนี้ 2563 บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า และเวียดนาม) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจากวิสัยทัศน์ที่มุ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนในประเทศ (REM) ยังคงมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันตามจำนวนรถยนต์สะสม โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ตามอายุและระยะทางการใช้งาน”
● “โช้คอัพ TOKICO จะเป็นหนึ่งในสินค้าหลัก ที่จะมีส่วนผลักดันให้บริษัทบรรลุได้ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจาก TOKICO เป็นแบรนด์โช้คอัพอันดับ 1 ที่ส่งให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศ ซึ่งบริษัทได้นำโช้คอัพ TOKICO เข้ามาทำตลาด Aftermarket เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และในช่วง 6 ปี ได้ทำตลาดอย่างจริงจัง โดยหลังจากที่ได้ขยายตลาดมาที่ตลาดทดแทน โช้คอัพ TOKICO มียอดขายเติบโตประมาณ 3 เท่า หรือ คิดเป็น 300% ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยในระยะ 6 ปีที่ผ่านมา TOKICO ได้ออกโช้คอัพรุ่นใหม่มาแล้ว 3 Series และออกโช้คอัพเบอร์ใหม่มาแล้วมากกว่า 150 เบอร์ โดยครอบคลุมทุกประเภทการใช้งาน และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี”
จากซ้าย : ดร. ปรเมศร์ ลี้โกมลชัย กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทมโนยนต์ และ รองประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด และ นายนิติ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด
● นายนิติ ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอ็น. อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันโช้คอัพในตลาด Aftermarket มีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยต่างๆ อาทิ ปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น รอบการบำรุงรักษาของรถ อายุการใช้งานของโช้คอัพ ทำให้เกิดการแข่งขันของแบรนด์โช้คอัพอย่างดุเดือด ดังนั้นทาง TOKICO จึงให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่และคุณภาพของโช้คอัพที่ได้มาตรฐานระดับสากลในราคาที่เหมาะสม”
● “การวางแผนกลยุทธ์ ได้แก่ 1. Leader in product coverage ออกสินค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้รถ 2. Strong in distribution channel ผ่านผู้แทนจำหน่าย ร้านอะไหล่ และ Modern Trade ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมี Warehouse และระบบ Logistic ที่มีประสิทธิภาพ สามารถจัดส่งและกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของลูกค้า และ 3. Leader in customer satisfaction จัดโปรโมชั่นตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังมีการสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาด โดยผ่านกิจกรรม Below the line ไม่ว่าจะเป็น Trade Fair, Road show หรือการจัด Training ให้กับลูกค้า รวมทั้งการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ผ่านทาง Social Media อาทิเช่น line@, facebook, E-catalogue ผ่าน website และ application”
● มโนยนต์ตั้งเป้าการเติบโตของ TOKICO ในปี 2563 เอาไว้มากกว่า 10% เพื่อรองรับ Demand ในตลาดตามจำนวนรถยนต์สะสม โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไปที่ถึงรอบระยะการบำรุงรักษา หรือเปลี่ยนช๊อคฯ ที่เข้ามาใช้บริการกับศูนย์บริการโมเดิร์นเทรด, อู่ หรือร้านอะไหล่ทั่วไป
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ manoyontchai.com ●