March 28, 2020
Motortrivia Team (10196 articles)

2016 Volkswagen Budd-e Concept คอนเฟิร์ม Micro Bus คืนชีพในปี 2020

เรื่อง : AREA 54 / โพสท์ครั้งแรก 4 กุมภาพันธ์ 2016

●   หลังจากที่ลุ้นกันมาหลายปี ในที่สุดโฟล์คสวาเกนก็ให้ไฟเขียวในการคืนชีพ Microbus ค่อนข้างแน่นอนแล้ว โดยงานออกแบบนั้นจะไม่ใช้ทรงเหลี่ยมสันแบบ Bulli Concept แต่จะใช้เค้าโครงของต้นแบบรุ่นล่าสุดอย่าง Budd-e Concept เป็นหลัก

●   “คุณจะได้เห็นรถที่ดูเหมือนกับต้นแบบคันนี้มาก ใช้แพลทฟอร์ม MEB พร้อมขึ้นสายการผลิต ผมยังบอกไม่ได้หรอกว่าเมื่อไหร่ น่าจะปี 2020 หรือราวๆ นั้น” Dr. Volkmar Tanneberger หัวหน้าทีมพัฒนาระบบอิเลคทรอนิคโฟล์คสวาเกน ให้ข้อมูลกับ carmagazine.co.uk.

●   “แนวคิดพื้นฐานก็คือการพัฒนา modular toolkit (แพลทฟอร์มใหม่ที่มีความยืดหยุ่นในการผลิตรถหลายๆ รุ่น ในที่นี้คือ MEB) แล้วก็ใส่แบตเตอรี่ลงในการผลิต มอเตอร์ไฟฟ้าวางไว้ด้านหน้าตัวนึง ด้านหลังอีกตัวนึง ส่วน California (รุ่นรถที่ใช้พื้นฐานของ T5 Multivan) และ Transporter ก็จะแยกตัวออกไปต่างหากเป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน”

●   เบื้องต้นข้อมูลทางเทคนิคก็น่าจะคล้ายๆ ข่าวเดิมทางด้านล่างครับ รูปแบบตัวถังคงไม่หนีไปจากนี้นัก ทว่าภายในคงจะต้องหั่นอุปอุปกรณ์ไฮเทคออกไปจนหมด สิ่งที่น่าจะเพิ่มเติมเข้ามาก็คือ ฟังก์ชั่นการปรับ/พับเบาะในรูปแบบใหม่ๆ และมีการใช้งานระบบอินโฟเทนเมนท์ที่มีการอิงกับฐานข้อมูลมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ขับมีความสะดวกมากกว่าในยุคปัจจุบัน

UPDATE 1 : ข้อมูลเพิ่มเติม

Saturday, 9 January, 2016

●   การจัดแสดงต้นแบบ Volkswagen Bulli Concept เมื่อ 5 ปีที่แล้ว สร้างความหวังให้กับผู้ที่อยากเห็นการคืนชีพของ Hippie Bus หรือ Microbus ในยุค 60 – 70s ทว่าจนแล้วจนรอดแผนงานนั้นก็ไม่เป็นจริงขึ้นมาสักที ล่าสุดโฟล์คสวาเกนนำความหวังนั้นกลับมาอีกครั้งกับต้นแบบรุ่นล่าสุด Volkswagen Budd-e Concept ไมโครบัสพลังไฟฟ้าล้วน จัดแสดงเป็นครั้งแรกภายในงาน 2016 CES – Consumer Electronics Show ลาสเวกัส

●   Volkswagen Budd-e Concept นับเป็นรถรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ล่าสุด MEB platform (Modular Electric Drive Kit) ซึ่งจะใช้สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเครือโฟล์คฯ กรุ๊ปโดยเฉพาะในอนาคต แน่นอนว่าแผนงานนี้ไม่ได้ถูกคิดขึ้นวันสองวันภายหลังคดีความอื้อฉาวเรื่องเครื่องยนต์ดีเซล ทว่าในขณะนี้ แผนงานเดินหน้าลุยงานด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ได้ถูกยกขึ้นมาเป็นแผนงานสำคัญลำดับแรกๆ ของโฟล์คฯ เพื่อจัดการกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปให้กลับคืนมาบ้าง โดยรถโปรดัคชั่นรุ่นต่อไปที่คาดว่าจะทำตลาดในอนคตอันใกล้บนแพลทฟอร์ม MEB ก็คือ Volkswagen Phaeton ซาลูนหรูขนาดฟูลไซส์ ซึ่งน่าจะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วน

●   ส่วนต้นแบบรุ่นล่าสุด Budd-e Concept ชุดระบบขับเคลื่อนต้นแบบประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แยกติดตั้งด้านหน้าและด้านหลังสำหรับขับเคลื่อนแบบ AWD แบตเตอรี่แพคความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟต่อ 1 ชม. สูงถึง 92.4 กิโลวัตต์-ชม. (มากกว่า Tesla Model X ซึ่งมีความจุสูงที่สุดในปัจจุบัน 90 กิโลวัตต์-ชม.) กำลังรวมอยู่ที่ 301 แรงม้า (HP) ความเร็วสูงสุดกำลังดี 180 กม./ชม. ไม่มากจนเกินขนาดตัว ระยะทางในการวิ่งต่อ 1 รีชาร์จ 533 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ของยุโรป ระยะเวลาในการชาร์จสำหรับไฟแรงดันสูง ความจุ 80% จากจำนวนเต็ม 30 นาที

●   โฟล์คฯ ออกแบบห้องโดยสารในลักษณะ mobile home รวมความหรูหราในแบบเลานจ์ การติดต่อสื่อสารผ่าน cloud และอำนวยความสะดวกด้วยการสั่งงานผ่านอุปกรณ์พกพาในแบบต่างๆ อาทิ สมาร์ทโฟน, แทบเลท หรือสมาร์ทวอช ส่วนแผงแดชบอร์ดแสดงผลผ่านจอทัชสกรีนแบบเต็มพื้นที่ ผนังด้านข้างติดตั้งจอแสดงผลขนาด 34 นิ้วความละเอียดสูง ใช้สำหรับรองรับการประชุม ซึ่งชุดเบาะด้านหน้าสามารถหมุนกลับ 180 องศาเพื่อใช้งานเป็นเบาะประชุมได้ ทั้งนี้ชุดระบบสื่อสารทั้งหมดสามารถใช้งานร่วมกัน และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง (voice control) และการสั่งการด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (gesture control) ทั้งหมดทุกจุด

●   โฟล์คฯ ยังไม่ประกาศแผนงานในการพัฒนา Budd-e Concept เป็นรุ่นจำหน่ายจริงในเวลานี้ และจะว่าไปแล้ว Bulli Concept ยังดูมีความเป็นรถโปรดัคชั่นมากกว่าเมื่อวัดจากงานออกแบบภายในห้องโดยสาร อย่างไรก็ตาม แผนงานที่สำคัญกว่าการคืนชีพ Microbus สำหรับโฟล์คฯ ในขณะนี้ น่าจะเป็นการเปิดตัว Phaeton เจนเนอเรชั่นที่ 2 มากกว่าครับ  ●


2016 Volkswagen Budd-e Concept