May 28, 2020
Motortrivia Team (10076 articles)

Ferrari SF90 Stradale สปอร์ต PHEV เปิดตัวในไทย

motortrivia

●  บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เปิดตัวสปอร์ตไฮเทครุ่นใหม่ Ferrari SF90 Stradale รถที่ยกระดับเทคโนโลยีการผลิตสปอร์ตกึ่งไฟฟ้าของแบรนด์เฟอร์รารี่ไปอีกขั้น ด้วยการนำเครื่องยนต์ V8 มาใช้งานร่วมกับชุดระบบ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ยังผลให้ SF90 Stradale เป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ของเฟอร์รารี่ที่มีการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า นับจากการเผยโฉม Ferrari LaFerrari รุ่นปี 2014 ที่มีการใช้เครื่องยนต์ V12 พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า

●  และเนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19 ในปัจจุบัน คาวาลลิโน มอเตอร์ จึงทำการเปิดตัว SF90 Stradale แบบออนไลน์ผ่านแฟนเพจ cavallinoferrarithailand เมื่อช่วง 14.00 น. ของวันนี้ (28 พฤษภาคม 2563) ภายใต้ธีมงาน Thailand Premiere of SF90 Stradale

●  ชื่อรุ่น SF90 Stradale เป็นการผสมความหมายของคำว่า “SF” อิงถึงตัวแข่ง F1 : Ferrari SF90 ฤดูกาล 2019 ของทีม Scuderia Ferrari ต่อด้วย “90” การเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของการก่อตั้งทีมแข่ง Scuderia Ferrari โดย Enzo Ferrari ในช่วงปี 1929 และคำว่า “Stradale” หรือ Road ในภาษาอังกฤษ สื่อถึงสมรรถนะในระดับรถแข่งที่สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายบนถนนหลวง

จากซ้าย : คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และคุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด

งานออกแบบ

●  SF90 Stradale มากับแนวทางการออกแบบใหม่ ชุดไฟหน้าทรง L คว่ำ เทคโนโลยี Matrix LED ทำงานแบบแอคทีฟ ออกแบบให้เป็นแนวยาว ด้านล่างเชื่อมกับช่องดักอากาศทรง C ช่วยระบายความร้อนให้ระบบเบรค ชุดไฟท้ายแบบวงแหวนกึ่งวงกลม ช่วยลดขนาดให้ดูเล็กลง และยังช่วยให้ส่วนท้ายรถดูต่ำกว่าความเป็นจริงด้วย

●  ตัวรถมีโอเวอร์แฮงก์ด้านหลังสั้นกว่าด้านหน้า ตำแหน่งห้องโดยสารวางเยื้องมาทางด้านหน้า ขับเน้นความเด่นของเครื่องยนต์ที่วางกลางลำ กระจกหน้าโค้งมากขึ้น เสา A บางเฉียบ พื้นห้องโดยสารถูกกดต่ำลง 20 มม. เมื่อรวมกับฐานล้อกว้าง จะทำให้ SF90 Stradale เป็นรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุดรุ่นหนึ่งของเฟอร์รารี่ การกระจายน้ำหนักเฉลี่ยด้านหน้า 45% ด้านหลัง 55%

●  แชสซีส์ออกแบบใหม่หมด เพื่อให้เหมาะกับการติดตั้งชุดระบบ ปลั๊ก-อิน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เฟอร์รารี่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ การขึ้นรูปแบบกลวง, การใช้ผนังกั้นห้องโดยสารกับห้องเครื่องยนต์ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น, ใช้อลูมิเนียมอัลลอยแทนที่ชิ้นส่วนบางชิ้นที่เป็นแผ่นโลหะ ยังผลให้แชสซีส์ใหม่ทนต่อการบิดตัวได้เพิ่มขึ้น 20% แข็งแรงขึ้น 40% โดยยังคงมีน้ำหนักเท่าเดิมเมื่อเทียบกับแพลทฟอร์มปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนแบบใหม่ โดยการใช้อัลลอยแบบใหม่ที่เรียกว่า Quiet Aluminium กับพื้นรถด้วย

●  เทียบกับรุ่นพี่พลังไฮบริดอย่าง Ferrari LaFerrari ตัวรถจะมีขนาดใกล้เคียงกัน ความยาวรวมอยู่ที่ 4,710 มม. กว้าง 1,972 มม. สูง 1,186 มม. ความยาวฐานล้อ 2,650 มม. น้ำหนักตัวเปล่าแบบไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 1,600 กก.

●  เวอร์ชั่นสมรรถนะสูงที่ติดตั้งแพคเกจ “Assetto Fiorano” จะมีน้ำหนักตัวลดลงเหลือเพียง 1,570 กก. เบากว่าสปอร์ตไฮบริดอย่าง LaFerrari ราว -15 กก. ในขนาดมิติตัวรถที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้แพคเกจ Assetto Fiorano จะประกอบด้วย ช๊อคฯ แบบ Multimatic แบบเดียวกับรถแข่งคลาส GT, ประตูและแผงประตูผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์, แผ่นปิดใต้ท้องรถคาร์บอนไฟเบอร์, สปริง/ชุดระบายไอเสียใช้วัสดุไทเทเนียม และยางสมรรถนะสูง MICHELIN Pilot Sport Cup 2 ซึ่งมิชลินผลิตให้เฉพาะรุ่น เนื้อยางนิ่มกว่าเวอร์ชั่นโรงงาน และสามารถใช้วิ่งแทร็คเดย์ได้

ห้องโดยสาร

●  ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมดภายใต้แนวคิด “Eyes on the road, Hands on the wheel” ค็อคพิทลักษณะเดียวกับรถแข่ง ผู้ขับเป็นศูนย์กลางของรถ ชุดระบบ HMI (Human Machine Interface) จัดวางล้อมรอบผู้ขับเป็นวงโค้ง การแสดงผลทั้งหมดจะมีขึ้นผ่านจอเดี่ยวแบบฟูลดิจิทัลขนาด 16 นิ้วหลังวงพวงมาลัยเพียงจอเดียว

●  การแสดงผลหลักๆ จะมีวัดรอบทรงกลมแบบดั้งเดิม เสริมด้วยการแสดงผลสถานะแบตเตอรี่, ขนาบข้างด้วยการแสดงผลชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ทางด้านขวา และระบบนำทางทางด้านซ้าย ข้อมูลสำคัญบางส่วนแยกออกไปแสดงผลบนจอ Head Up Display

●  การควบคุมระบบทั้งหมดอยู่บนพวงมาลัย เริ่มตั้งแต่ทัชแพดระบบสัมผัสขนาดเล็ก ติดตั้งอยู่บนก้านพวงมาลัย ฝั่งขวาใช้ควบคุมหน้าจอบนแดชบอร์ด ฝั่งซ้ายมีระบบสั่งงานด้วยเสียง และครูสคอนโทรล พร้อมสวิทช์แบบโรตารี่สำหรับควบคุมครูสคอนโทรล ด้านล่างมีปุ่มเลือกระบบขับเคลื่อน โดยโหมดในการขับแบบใหม่นี้ถูกเรียกว่า “eManettino” ทั้งหมดนี้ถอดแบบและลดทอนความซับซ้อนมาจากการควบคุมของพวงมาลัยในรถ F1

ระบบขับเคลื่อน PHEV และรูปแบบของ 4 โหมดในการขับ

●  SF90 Stradale คือสปอร์ตปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกของเฟอร์รารี่ ชุดระบบประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร รหัส F154CD อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ (บล็อคเดียวกับ Ferrari F8 Tributo) เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หมุนล้อคู่หลังด้วยกำลังสูงสุด 780 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 81.5 กก.-ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ระบบส่งกำลังใหม่เป็นแบบ ดูอัล-คลัทช์ 8 จังหวะ อ่างน้ำมันแบบ Dry Sump คลัทช์ขนาดเล็กลง ชุดเกียร์ทั้งชุดเล็กลงกว่าเดิม 20% น้ำหนักเบาลง 7 กก. เกียร์ถอยติดตั้งควบรวมไว้กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า

●  มอเตอร์ไฟฟ้าตัวแรก จะติดตั้งเอาไว้ตรงกลางระหว่างเครื่องยนต์และชุดระบบส่งกำลัง อีก 2 ตัวติดตั้งที่เพลาหน้า ทำหน้าที่หมุนล้อคู่หน้า มีฟังก์ชั่น Torque Vectoring ช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าซึ่งเฟอร์รารี่ใช้ชื่อทางการค้าว่า “RAC-e” หรือ Rotation Axis Control-electric กำลังสูงสุดเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารวม 220 แรงม้า เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟภายใน 1 ชม. เท่ากับ 7.9 กิโลวัทท์-ชม. มีระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรค

●  กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 1,000 แรงม้า (PS หรือ 986 HP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.5 วินาที 0-200 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 25 กม. (ขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น)

●  โหมดในการขับเลือกได้ 4 แบบ โดยฟังก์ชั่นใหม่ eManettino นี้ สามารถเลือกโหมดต่างๆ ได้ระหว่าง Hybrid, Performance, Qualify หรือ eDrive

●  โหมด (1) Hybrid จะถูกเซ็ทอัพให้เป็นค่าเริ่มต้นทุกครั้งที่สตาร์ท โหมดนี้ชุดระบบควบคุมจะเน้นความประหยัดเป็นหลัก เครื่องยนต์ V8 จะทำงานหรือหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ ทว่าในขณะทำงาน ระบบจะไม่จำกัดการทำงานใดๆ ของเครื่องยนต์ เพื่อให้ผู้ขับสามารถเรียกกำลังได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ส่วนโหมด (2) Performance ระบบจะเรียกการทำงานของเครื่องยนต์ตลอดเวลา โดยชุดควบคุมอิเลคทรอนิคจะจัดลำดับความสำคัญใหม่ให้มีการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่มีความสำคัญที่สุด เพื่อให้ผู้ขับมีกำลังสำรองให้ใช้งานตลอดเวลา

●  โหมด (3) Qualify อิงถึงการวิ่งควอลิฟายเพื่อจับเวลาในการแข่งขัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาที่ผู้ขับเปิดโหมดนี้ การชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่จะถูกลดความสำคัญลง ทรัพยากรทั้งหมดในระบบขับเคลื่อนจะถูกเทไปให้ความสำคัญเรื่องพละกำลังเท่านั้น ส่วนโหมด (4) eDrive จะเป็นโหมดที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองด้วยไฟฟ้าล้วน โหมดนี้ใช้ความเร็วสูงสุดได้ 135 กม./ชม. วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 25 กม.

MGUK ย่อส่วนมาจากตัวแข่ง F1

●  SF90 Stradale มีตัวช่วยแบบเดียวกับตัวแข่ง F1 ของทีมเฟอร์รารี่ นั่นคือ “MGUK” (หรือ MGU-K) หลักการทำงานโดยพื้นฐานเป็นแบบเดียวกัน โดย MGUK หรือ Motor Generator Unit, Kinetic ในที่นี้ก็คือมอเตอร์ไฟฟ้าตัวแรกที่ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง หน้าที่หลักคือการเปลี่ยนพลังงานที่สูญเปล่าจากการเบรคไปเป็นพลังงานไฟฟ้า พร้อมกับสำรองพลังงานไปเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่แพค และจะถูกเรียกออกมาใช้งานในยามที่ต้องการพละกำลังเสริม

●  สำหรับชุดระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ Side Slip Control ยังคงมีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่ๆ ของเฟอร์รารี่ โดยใน SF90 Stradale จะถูกอัพเกรดเป็น “eSSC” หรือ electronic Side Slip Control แยกการทำงานเป็น 3 ส่วนเพื่อควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา

●  ส่วนแรกคือ (1) eTC หรือ Electric Traction Control ควบคุมแรงบิดระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเรียกการยึดเกาะให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต่างกัน ต่อด้วย (2) ระบบ Brake-by-wire control with ABS/EBD แยกการควบคุมแรงบิดเบรค (Brake torque ที่เกิดจากการหยุดการเคลื่อนที่ของวัตถุ) ระหว่างชุดระบบไฮดรอลิค และมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อสั่งการให้ระบบเก็บเกี่ยวพลังงานที่สูญเปล่าจากการเบรค

●  ปิดท้ายด้วย (3) ระบบ RAC-e หรือระบบกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) สำหรับล้อคู่หน้าหน้า ใช้ควบคุมการกระจายแรงบิดเฉพาะล้อคู่หน้าในขณะใช้งานโหมดไฟฟ้าล้วนโดยตรง เพื่อให้การเข้าโค้งมีความเสถียรมากที่สุด เช่น ล้อด้านในโค้งจะหมุนด้วยรอบที่น้อยกว่าล้อที่อยู่ด้านนอกโค้ง เป็นต้น

ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์

●  SF90 Stradale นับเป็นรถเวอร์ชั่นถนนของเฟอร์รารี่ที่มี ประสิทธิภาพทางด้านอากาศพลศาสตร์ ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ตัวรถมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กแบบแอคทีฟ (Shut-off Gurney) เปิด/ปิดได้แบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ที่ส่วนท้ายของรถ ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของอากาศบริเวณส่วนบนของตัวถัง ช่วยลดแรงต้านที่ความเร็วสูง เพิ่ม ดาวน์ฟอร์ซ ทั้งในขณะเข้าโค้ง, เบรค และระหว่างที่ตัวรถเปลี่ยนทิศทางไปมา

●  ทั้งนี้ ฝาครอบห้องเครื่องยนต์ของ SF90 Stradale จะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการไหลของอากาศด้านบน จุดสำคัญคือสปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้ายที่แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกยึดติดแบบตายตัวพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 ส่วนที่ 2 จะทำงานแบบแอคทีฟโดยอัตโนมัติตามความเร็วรถ หลักการทำงานคล้ายๆ DRS หรือ Drag Reduction System ในรถ F1

●  SF90 Stradale ยังมีตัวเลขอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก (Power-to-weight ratio) ที่ดีที่สุดในโลก โดยม้า 1 ตัวจะรับหน้าที่แบกน้ำหนักเพียง 1.57 กก. เท่านั้น ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. แพคเกจแอร์โรไดนามิครอบคันโดยเฉพาะสปอยเลอร์หลัง จะสร้างแรงดาวน์ฟอร์ซซึ่งช่วยกดให้ตัวรถแนบกับพื้นถนนถึง 390 กก.

ราคาจำหน่าย

●  สำหรับการใช้บริการโชว์รูมและศูนย์บริการ คาวาลลิโน มอเตอร์ มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนผิวสัมผัสบนรถยนต์ทุกจุดอย่างพิถีพิถัน รวมถึงบริเวณโชว์รูมและศูนย์บริการโดยรอบ ด้วยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสประสิทธิภาพสูงที่ผ่านการรับรองโดยสถาบันจากยุโรป พร้อมผ่านการทดสอบความปลอดภัย ไม่ทำปฏิกิริยากับพื้นผิวสัมผัสทุกชนิด และยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

●  นอกจากนี้ยังมีจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ และจุดตรวจวัดอุณหภูมิด้วยกล้องอินฟาเรดในบริเวณที่ลูกค้ามาใช้บริการด้วย ทั้งนี้ การยกระดับมาตรการป้องกัน COVID-19 ของคาวาลลิโน มอเตอร์ ยังรวมถึงการรักษาสุขอนามัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกครั้ง พร้อมสวมหน้ากากอนามัย และใช้แอลกอฮอล์ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับรองความสะอาดและปลอดภัย รวมไปถึงการใช้มาตรการ Social Distancing ขณะปฏิบัติงาน

●  คาวาลิโนฯ เปิดราคาจำหน่าย SF90 Stradale เริ่มต้นที่ 40.9 ล้านบาทครับ โดยมี Warranty ฟรี 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการดูแลบำรุงรักษาฟรี 7 ปี โควต้าสำหรับประเทศไทยจะมีจำนวนไม่มากนัก ผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คาวาลิโน มอเตอร์ เพชรบุรีตัดใหม่ 02-319-6109 อีเมล [email protected] หรือเว็บไซท์ bangkok.ferraridealers.com

2020 Ferrari SF90 Stradale