June 30, 2020
Motortrivia Team (10191 articles)

2020 Land Rover Defender เปิดตำนานบทใหม่ในไทย

motortrivia

●  บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ในนาม แลนด์ โรเวอร์ ประเทศไทย เปิดตำนาน SUV จอมลุยบทใหม่ในไทยด้วยการเผยโฉม All-New Land Rover Defender เจนเนอเรชั่นใหม่แบบออนไลน์ โดยทำการไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊ค แฟนเพจ : Thailand LandRover ในวันที่ 30 มิถุนายน 2563

พัฒนาใหม่หมดทุกองค์ประกอบ

●  Defender ใหม่รหัสตัวถัง L663 เปิดตัวเป็นทางการครั้งแรกในงาน 2019 Frankfurt Motor Show โดยยังคงมีทั้งรุ่น 3 ประตู ฐานล้อ 90 นิ้ว และ 5 ประตู ฐานล้อ 110 นิ้ว เช่นเดียวกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ซีรี่ส์ D ของจากัวร์ แลนด์ โรเวอร์

●  แพลทฟอร์มนี้ เป็นแพลทฟอร์มย่อยที่มีชื่อว่า D7 นั้น ปัจจุบันแยกเป็น D7a ใช้งานอยู่ใน Jaguar F-Pace หรือ Range Rover Velar เป็นต้น ต่อด้วยแพลทฟอร์ม D7e ซึ่งใช้งานอยู่ใน Jaguar I-Pace และแพลทฟอร์ม D7u ที่ใช้งานใน Land Rover Discovery ส่วนแพลทฟอร์มที่ใช้งานใน Defender ใหม่นี้ นับเป็นแพลทฟอร์มย่อยใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่าแพลทฟอร์ม “D7x” และใช้งานอยู่ใน Defender เพียงรุ่นเดียว ณ เวลานี้

●  ขนาดตัวของ Defender 90 มากับความยาว 4,583 มม. กว้าง 2,008 มม. ความสูงแยกเป็นรุ่นช่วงล่างแบบถุงลม 1,974 มม. รุ่นคอล์ยสปริง 1,969 มม. ความยาวฐานล้อ 90 นิ้วตามรหัสตัวรถ ส่วน Defender 110 ความยาวตัวรถจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,018 มม. สูง 1,967 มม. ตัวถังวางอยู่บนฐานล้อ 110 นิ้ว

เทคโนโลยีใหม่ ทันยุคสมัย

●  ในตลาดโลก Defender จะมากับอุปกรณ์มาตรฐานที่ทันยุคสมัย เช่น ชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ DRL หรือชุดไฟแบบ Matrix LED พร้อมฟังก์ชั่นอย่าง Auto High Beam Assist ปรับไฟสูงอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

●  ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด อุปกรณ์มาตรฐานมีอาทิ มาตรวัดหลังพวงมาลัยแบบดิจิทัล, จอ Head-Up Display, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10 นิ้ว, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay, อัพเดทซอฟท์แวร์ได้แบบ Over-The-Air, จุดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, Keyless Entry ทั้งหมดทำงานภายใต้มาตรฐานสถาปัตยกรรมระบบไฟใหม่ของแลนด์ โรเวอร์ ซึ่งใช้ชื่อทางการค้าว่า EVA 2.0 หรือ Land Rover Electronic Vehicle Architecture

●  หนึ่งในไฮไลท์สำคัญในห้องโดยสารคือ เบาะเสริมระหว่างเบาะคู่หน้า หรือ “Jump Seat” ซึ่งออกแบบให้เป็นที่วางแขน กล่องเก็บของจิปาถะ พร้อมช่องใส่แก้วน้ำ/ขวดน้ำขนาดใหญ่ในขณะพับ… Jump Seat นี้จะมีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Defender 90 First Edition (รุ่นเปิดตัว) ส่วน Defender 110 จะแยกจำหน่ายเป็นออปชั่นเสริม โดยรุ่นที่ติดตั้ง Jump Seat จะสามารถนั่งกันได้แบบไหล่ชนไหล่ถึง 6 คนด้วยเลย์เอาท์เบาะแบบ 3 + 3

ลุยได้แบบไฮเทคฯ และปลอดภัยด้วย ADAS

●  แพลทฟอร์ม D7x ของ Defender ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานแบบลุยๆ มากกว่าแพลทฟอร์มอื่นในซีรี่ส์ D ของ JLR ระยะเคลียร์ใต้ท้องรถสูงสุด 11.5 นิ้ว ลุยน้ำได้ลึกสุด 35.4 นิ้ว มุมปะทะ (approach angle) 38 องศา, มุมจาก (departure angle) 40 องศา และมุมคร่อม (breakover angle) 28 องศา ความสามารถในการลากจูงสูงสุด 3,720 กก.

●  สำหรับชุดระบบช่วยฝ่าอุปสรรคนั้น นับเป็นครั้งแรกที่ Defender จะได้ใช้งานตัวช่วยไฮเทคเต็มรูปแบบอย่างระบบ Terrain Response, Center Slip Limited ทำงานร่วมกับ Rear Slip Limited, มีเซ็นเซอร์วัดระดับความลึกของน้ำ และยังสามารถแสดงผลเป็นภาพกราฟฟิคบนจอกลางในขณะที่ผู้ขับต้องการเลือกวางตำแหน่งของล้อคู่หน้าอย่างถูกต้องในขณะผ่านอุปสรรคด้วยระบบ ClearSight Ground View ผู้ขับสามารถปรับโหมดการขับได้อีก 3 รูปแบบในขณะขับ ซึ่งระบบจะตั้งค่าการตอบสนองของคันเร่ง, เกียร์, พวงมาลัย และระบบ Traction Control ให้ทำงานสัมพันธ์กันตามสภาพของพื้นผิวในเวลานั้นๆ

●  ชุดระบบช่วยขับยุคใหม่ในกลุ่ม ADAS (Advanced driver-assistance systems) มีระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Rear Pre-Collision Monitor, ระบบ Rear Pre-Collision Monitor ตรวจจับวัตถุทางด้านหลัง พร้อมเตรียมการทำงานของระบบต่างๆ ในกรณีที่อาจเกิดเหตุฉุกเฉิน, ระบบ Rear Traffic Monitor แจ้งเตือนการชนกับวัตถุต่างๆ ขณะถอยออกจากที่จอด, ระบบ Clear Exit Monitor ตรวจสอบความปลอดภัยก่อนผู้ขับเปิดประตูรถหลังจอด (เช่น จักรยาน, มอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ ที่วิ่งขึ้นมาจากด้านข้าง)

●  ต่อด้วยระบบ Blind Spot Assist ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดบอด, ระบบ Emergency Braking ช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะฉุกเฉิน, ระบบ Lane Keep Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Traffic Sign Recognition ช่วยจดจำรูปแบบป้ายสัญญาณจราจร, ระบบ Driver Condition Monitor ตรวจสอบอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับ, กล้องรอบคัน 3D Surround Camera และระบบ 360⁰ Parking Aid ตรวจสอบความถูกต้องของตำแหน่งตั้งตรงในขณะจอดเข้าซองด้วยเซนเซอร์รอบคัน พร้อมแสดงผลเป็นภาพกราฟิคบนจอกลาง

ตลาดโลกมี Mild-Hybrid ให้เลือก

●  ในตลาดโลก Defender เลือกระบบขับเคลื่อนได้ระหว่าง:

●  (1) เครื่องยนต์ P300 เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จแบบ twin-scroll กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (HP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.1 วินาที อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 227 กรัม/กม. ตามมาตรฐานเก่า NEDC

●  (2) เครื่องยนต์ P400 เบนซิน 6 สูบ เทอร์โบชาร์จแบบ twin-scroll และซูเปอร์ชาร์จเจอร์ไฟฟ้า พร้อมชุดระบบเสริมกำลังแบบ Mild-Hybrid สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 48-volt (แบบเดียวกับ Range Rover Evoque เจนเนอเรชั่น 2) ใช้สายพานที่ออกแบบให้ควบรวมกับ starter generator พ่วงเอาไว้กับเครื่องยนต์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่แพคกระแสไฟแรงสูง 48 โวลท์ (Belt-Integrated Starter Generator) ทำงานร่วมกับ Converter แปลงกระแสไฟฟ้าแรงสูงจากแบตเตอรี่ไปจ่ายชุดระบบไฟ 12 โวลท์ (DC/DC Converter) กำลังสูงสุดผลิตได้ 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 56 กก.-ม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 220 กรัม/กม.

●  (3) เครื่องยนต์ D200 (หรือเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล Ingenium ของจากัวร์) ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ ทำงานแบบซีเควนเชียล กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียประมาณ 199 กรัม/กม.

●  (4) เครื่องยนต์ D240 ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 240 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเท่ากัน 43.8 กก.-ม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเท่ากัน… ทุกรุ่นเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล ใช้ระบบส่งกำลังแบบเดียวกันคือ อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF พร้อมเกียร์สโลว์

สเปคและราคาจำหน่ายในประเทศไทย

●  แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย โดย นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า บ้านเราจะมีรุ่นเครื่องยนต์ให้ครบทุกทางเลือก และครบทุกรุ่นตัวถัง ทั้ง 90 และ 110

●  “แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ รุ่นใหม่นี้เป็นสมาชิกใหม่ที่มาเติมเต็มไลน์โปรดักส์ของแลนด์โรเวอร์ให้มีผลิตภัณฑ์ที่ครบสมบูรณ์ ดีเฟนเดอร์รุ่น 5 ประตู เป็นจุดเริ่มต้นของรถตระกูลขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงและทนทานที่สุดในโลก มีห้องโดยสารแบบ 5+2 ที่นั่ง และดีเฟนเดอร์รุ่น 3 ประตู ที่มีขนาดเล็กกว่า กะทัดรัด ฐานล้อสั้น เหมาะสำหรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์ และมีความทนทานกว่ารุ่นอื่นๆ”

●  “ในปีนี้ เราเปลี่ยนวิธีการให้บริการลูกค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยระบบการสั่งซื้อผ่าน Online Car Configurator การออกแบบ-เลือกอุปกรณ์รถยนต์ตามความต้องการ ด้วยโปรแกรมภาพจำลองเสมือนจริงผ่านทางออนไลน์ ที่สามารถแสดงราคาทุกออปชั่นให้ลูกค้าเลือกได้อย่างชัดเจน ส่วนในด้านการบริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถทำการนัดหมายเข้ารับบริการผ่าน Online Booking Service โดยพบกับการนำเสนอสินค้าและบริการทางออนไลน์ของเราเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าได้ที่เว็บไซต์ www.landrover.co.th

●  Defender 90 ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,400,000 บาท ส่วน Defender 110 ราคาเริ่มต้น 5,800,000 บาท ครับ

●  ใครสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (1) โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ พระราม 4 โทร. 02-666-7500 (2) โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ สยามพารากอน โทร. 02-007-0008 และ (3) โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ภูเก็ต โทร. 076-218-838 ถึง 40 หรืออี-เมล : [email protected] หรือ www.landrover.co.th   ●

Grand Opening : 2020 Land Rover Defender

2020 Land Rover Defender 90

2020 Land Rover Defender 110