July 12, 2020
Motortrivia Team (10160 articles)

BMW ทดลองขับซีรี่ส์ 2 ซีรี่ส์ 3 และ X5 ตระกูล M Sport

เรื่อง-วีดิโอ • สันติภพ นิ่มเล็ก

●  บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พาเปิดประสบการณ์การขับขี่ด้วยยนตรกรรมใหม่ 3 แบบ 3 สไตล์ อย่างบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ซึ่งเป็นปลั๊กอินไฮบริดถึงสองรุ่น ทั้งเส้นทางทางเรียบในเมืองและนอกเมือง พร้อมทดสอบประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างตามแบบฉบับ Sports Activity Vehicle (SAV) บนพื้นผิวต่าง ๆ ณ สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี

●  สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้เราจะได้ทดลองขับบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport บนถนนจริง ทั้งระบบการขับเคลื่อน เทคโนโลยีการขับขี่และระบบการเชื่อมต่อภายในรถต่าง ๆ เช่น ฟังก์ชั่น XtraBoost ใน 330e M Sport นอกจากนี้ยังได้ทดลองขับ X5 xDrive45e M Sport ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติทั้งในแบบออฟโรดและออนโรด ต่อด้วยการทดลองขับขี่แบบ Gymkhana เป็นการปิดท้าย

BMW 218i Gran Coupe M Sport เล็ก ปราดเปรียว และคล่องตัว

●  สำหรับช่วงแรกของกิจกรรมในวันนี้เราต้องขับเจ้า BMW 218i Gran Coupe M Sport เพื่อเดินทางจากกรุงเทพฯมุ่งสู่ สนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี โดย 218i Gran Coupe M Sport เป็นรถยนต์สไตล์คูเป้ 4 ประตู โคมไฟหน้าสี่ตาแบบ LED ที่ดีไซน์ทันสมัยพร้อมเสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้ารูปไตเอกลักษณ์ประจำค่ายที่คุ้นเคย ตัวกระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้งหมด ตัวรถมีแนวหลังคาลาดต่ำและระยะฐานล้อทรงกว้างส่งให้บุคลิกบนถนนดูโฉบเฉี่ยวอย่างมาก หลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดออกได้เส้นสายด้านข้างเฉียบคมต่อเนื่องสู่ด้านท้าย ตัวไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่รับกับฝากระโปรงท้ายที่ยกขึ้นเป็นเหมือนสปอยเลอร์ขนาดย่อมๆ BMW 218i Gran Coupe M Sport มากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว

●  ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าที่คิด เพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางไกลระยะยาว แผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยตามแบบฉบับของค่ายนี้ที่เน้นการออกแบบเพื่อผู้ขับโดยเฉพาะ พวงมาลัยแบบ M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศ บริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย ‘Illuminated Boston’และ BMW 218i Gran Coupe M Sport ยังมาพร้อมกับระบบ Parking Assistant ช่วยถอยหลังเข้าช่องจอด 90 องศาหรือจอดแบบขนานอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองหลังอีกด้วย

●  ตัว BMW 218i Gran Coupe M Sport บรรจุขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Steptronic แบบคลัทช์คู่ ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม.ภายใน 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 215 กม./ชม.เลยทีเดียว

●  สำหรับช่วงแรกของการเดินทางเราควบเจ้า 218i Gran Coupe M Sport ออกเดินทางจากอาคารออลซีซั่นเพลส ผ่านถนนวิทยุ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร สำหรับช่วงแรกนี้ต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดไม่น้อย 218i Gran Coupe M Sport ก็ยังสามารถแสดงสมรรถนะเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี

●  การออกตัวทำได้ดีด้วยแรงบิดที่เริ่มมาตั้งแต่ 1,480 รอบต่อนาที ทำให้กดคันเร่งไม่มากตัวรถก็พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างใจ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดยิ่งช่วยให้อัตราเร่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ขนาดสัดส่วนตัวรถที่กระทัดรัดและปราดเปรียว ช่วงล่างค่อนข้างนุ่มนวลและนั่งสบาย บางช่วงต้องขับรถข้ามทางรถไฟรวมถึงยังต้องขับผ่านถนนที่มีการปะซ่อม ผู้ขับยังคงรู้สึกนั่งสบายเนื่องจากการสั่นสะเทือนส่งเข้ามาให้รู้สึกน้อยมาก พอเข้าสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานครเริ่มสามารถใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นมาได้หน่อยยิ่งรู้สึกว่าเจ้า 218i Gran Coupe M Sport ขับง่ายและเหมาะมากสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันทุกวัน สามารถ “ไหล” ไปตามสภาพการจราจรได้อย่างลงตัว

●  เริ่มเดินทางออกนอกเมืองด้วยเส้นทางด้วยทางพิเศษศรีรัช ต่อด้วย ทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ช่วงนี้เราเริ่มใช้ความเร็วได้มากขึ้น 218i Gran Coupe M Sport ยังคงตอบสนองการใช้งานได้ดี อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ที่แจ้งไว้ว่าสามารถทำได้ 8.7 วินที ช่วยให้เราเร่งแซงได้อย่างทันใจและปลอดภัยเพราะไม่ต้องลุ้นกันมากนัก ส่วนแรงม้า 140 ตัวนั้นสามารถขับเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงๆได้อย่างสบาย

●  ช่วงล่างจากเดิมในเมืองที่นุ่มนวลนั่งสบายพอมาเจอกับการใช้ความเร็วสูงหน่อยจะดู “นุ่ม” ไปหน่อย บางจังหวะต้องผ่านคอสะพานโหดๆ จะมีอาการโยนตัวอยู่บ้าง แต่การเกาะถนนยังคงยอดเยี่ยมอยู่เหมือนเดิมเพราะไม่มีอาการ “เป๋” หรือสียหลักออกข้างทางแต่อย่างใด การบังคับควบคุมพวงลัยมั่นคงและเฉียบคมเป้นเอกลักษณ์ของค่ายนี้อยู่แล้ว 218i Gran Coupe M Sport เป็นรถที่มีขนาดสัดส่วนกระทัดรัดที่ยังสามารถขับได้อย่างสนุกและมีชีวิตชีวาทั้งในเมืองและนอกเมือง เราขับรถมาไม่นานกับระยะทาง 100 กม.กว่าๆก็ถึงจุดหมายสนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี กัน จากนี้ก็มีคิวต้องไปลองขับ X5 xDrive45e M Sport ต่อเลย

BMW X5 xDrive45e M Sport ปลั๊กอินไฮบริดใหม่ ลุยได้ทุกเส้นทาง

●  เดินทางมาถึงสนามเอ็นดูโร พาร์ค จังหวัดชลบุรี แล้ว เราก็ต้องมาลองขับเจ้า BMW X5 xDrive45e M Sport ปลั๊กอินไฮบริด กันอย่างต่อเนื่องเลย เมื่อมาถึงสนามแบบ Off Road ดูแล้วเหมาะสำหรับการทดลองขับ X5 xDrive45e M Sport ไม่ใช่น้อย ช่วงแรกทาง BMW ได้ให้เราขึ้นไปเตรียมความพร้อมกันบนรถเลย จากนั้นก็มีการอธิบายการทดลองขับ X5 xDrive45e M Sport ในครั้งนี้ว่ามีทั้งหมด 5 ช่วงด้วยกัน คือ เส้นทาง Off Road ในสนามฯ การทดลองเบรกบนทางลื่น การทดลองวิ่งบนถนนทางเรียบ การขับ Off road บนเส้นทางธรรมชาติ และจบด้วยการทดลองขับรถยนต์ในรูปแบบ Gymkhana

●  สำหรับ X5 xDrive45e M Sportเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของ X5 ในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริดที่ผสมผสานการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเข้ากับตัวรถในแบบ “Sports Activity Vehicle” (SAV) ตัว BMW X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังถึง 210 กิโลวัตต์ หรือ 286 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู EfficientDynamics และเจเนอเรชั่นที่ 4 ของเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู eDrive ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังสูงสุดที่ 83 กิโลวัตต์ หรือ 113 แรงม้า ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจุพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยระบบไฟฟ้าทั้งหมดได้รับการพัฒนามาเพื่อให้มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบปลั๊กอินไฮบริดของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e M Sport ประหยัดพลังงานและเชื้อเพลิงดีเยี่ยม

●  โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานร่วมกัน จะมีกำลังสูงสุดที่ 290 กิโลวัตต์ / 394 แรงม้า พร้อมแรงบิด 600 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังโดยตรงไปที่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic เจเนอเรชั่นล่าสุดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม.ภายใน 5.6 วินาที ดีกว่ารุ่นเดิม 1.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กม./ชม.

●  BMW X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติ พร้อมระบบควบคุมช็คอับฯแบบแปรผัน อีกทั้งยังมากับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ยังได้รับการพัฒนามาเพื่อให้เหมาะกับรถยนต์แบบ SAV ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ BMW X5 xDrive45e M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมกับ Parking Assistant Plus ที่มีกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera รวมทั้งมุมมองด้านบน มุมมองรอบคัน และมุมมอง 3D ยังมีระบบ BMW ConnectedDrive ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถดูภาพของรถที่จอดผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้อีก

●  BMW X5 xDrive45e M Sport ใหม่ มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 43.5 กม.ต่อลิตร ตาม ECO Sticker โดยเมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 135 กม./ชม. (จากเดิม 120 กม./ชม.) และสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 67-87 กิโลเมตรตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ของยุโรป

●  สำหรับการทดลองขับช่วงแรกในสนามเอ็นดูโร พาร์ค ซึ่งมีสภาพพื้นผิวเส้นทางเป็นหินลอยและเป็นดินโคนลื่นในหลายๆช่วง BMW X5 xDrive45e M Sport สามารถออกตัวได้อย่างนุ่มนวลและง่ายดายสมกับเป็นตัวรถระดับ X5 ระบบขับเคลื่อน xDrive สามารถปรับเปลี่ยนแรงสำหรับขับเคลื่อนได้อย่างเหมาะสม ระบบช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับเพิ่มความสูงของช่วงล่างให้เหมาะสำหรับการลุยได้ ช่วงทดลองขับผ่านเส้นทางแคบยังมีตัวช่วย Surround View Camera ที่สามารถปรับเพื่อดูมุมมองด้านหน้ารถ รวมถึงมุมมองรอบคัน ซึ่งช่วยให้การขับผ่านอุปสรรคมีความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

●  ช่วงขึ้นเนินด้วยพละกำลังระดับ 394 แรงม้า บวกกับแรงบิด 600 นิวตัน-เมตร ช่วยให้การขับขึ้นเนินชันเป็นไปอย่างง่ายดาย พอถึงช่วงทางลงยังมีระบบช่วยลดความเร็วตอนลงทางลาดชันมาให้ใช้งานอีกด้วย ต่อมาจุดที่สองนี้เราจะได้ลองประสิทธิภาพการหยุดบนทางลื่นของเจ้า BMW X5 xDrive45e M Sport กัน โดยเราต้องขับออกตัวด้วยความเร็วสูงจนมาถึงจุดเบรกซึ่งเป็นพื้นผิวหินลอยที่เปียกลื่น จากนั้นก็ได้ลองเบรกกันซึ่ง X5 xDrive45e M Sport ก็สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัยและมีอาการลื่นไถลน้อยมาก

●  ช่วงที่สามเราจะได้ลองขับ X5 xDrive45e M Sport บนถนนทางเรียบกัน สัมผัสแรงเราลองวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนดูก่อน ซึ่งก็ทำใหรู้สึกประทับใจในเรื่องความนุ่มนวล การออกตัวที่ทันใจ ความเงียบภายในห้อโดยสาร ยิ่งพอกดคันเร่งเพิ่มก็ได้สัมผัสกับอัตราเร่งที่เร้าใจแตกต่างจากเครื่องยนต์แบบธรรมดาไปอีกแบบหนึ่ง โดยสามารถไต่ความเร็วขึ้นไปได้เรื่อยๆ เลยทีเดียว เปลี่ยนมาใช้โหมด Sport ดูบ้าง อันนี้ต้องยอมรับเลยว่าอัตราเร่งและความเร้าใจในการขับขี่มีมาให้สัมผัสกันเพิ่มขึ้นไปอีก เสียงเครื่องยนต์ก็กระหึ่มเร้าใจน้องๆซุปเปอร์คาร์ การบังคับควบคุมในโค้งต่างๆยอดเยี่ยม ช่วงล่างเกาะหนึบ ยิ่งใช้โหมด ADAPTIVE ระบบช่วงล่างจะปรับโดยอัตโนมัติให้เหมาะกับสภาพของเส้นทางที่ขับและความเร็วที่ใช้

●  ขับมาได้สักระยะหนึ่งเราก็เข้าสู่ช่วงที่ 4 คือกาขับบนเส้นทาง Off Road ธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถเลือกปรับความสูงของช่วงล่างให้สูงสุดได้เพื่อให้สามารถเดินทางผ่านอุปสรรคข้างหน้าได้อย่างสบาย ด้วยแรงบิดระดับนี้การเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆโดยแทบไม่ต้องแตะคันเร่งเลย กล้องมองรอบทิศทางยิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางในรูปแบบนี้ด้วยมุมมองด้านหน้าและด้านข้างทำให้ผู้ขับสามารถเดินทางต่อไปด้วยความปลอดภัย X5 xDrive45e M Sport ยังมีฟังค์ชั่นแสดงผลมุมการเอียงของตัวรถในแบบ 3D อีกด้วย ทำให้ผู้ขับสามารถประเมินความปลอดภัยของตัวรถในการเดินทางได้ดียิ่งขึ้นไปอีก

●  ปิดท้ายด้วยการทดลองขับในรูปแบบ Gymkhana ที่จำลองเส้นทางการขับขี่ที่ท้าทายทั้งหมดมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นโค้งสลับซ้าย-ขวา วงเวียน โค้งมุมแคบ และการเบรก ซึ่งทั้งหมดต้องวิ่งบนเส้นทางที่เป็นโคลนซึ่งลื่นมาก ซึ่ง X5 xDrive45e M Sport ก็สามารถผ่านไปได้อย่างสบาย การบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ที่ส่งถ่ายกำลังการขับเคลื่อนได้ลงตัว สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เหลือเฟือสามารถพาตัวรถวิ่งไปได้อย่างสบายทุกสภาพเส้นทาง ช่วงล่างที่เกาะถนนได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเป็นทางโคลนลื่น สุดท้ายสามารถหยุดรถ “สนิท” บนเส้นทางที่ “แย่” ได้อย่างปลอดภัย

●  เมื่อจบจากการทดลองขับที่สนามเอ็นดูโร พาร์ค แล้ว เราก็ได้รับเจ้า BMW 330e M Sport มาทดลองขับเพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯกัน BMW 330e M Sport เป็นรถยนต์ในรูปแบบซีดานยุคใหม่ที่เส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้ากระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ในกรอบที่เป็นชิ้นเดียวกันซึ่งเป็นสไตล์การออกแบบใหม่ของทางค่ายนี้ ไฟหน้า LED คู่ทรงเรียวยาว ไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ เสริมความโดดเด่นบนท้องถนนด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ทั้งในส่วนด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถยนต์ ช่วงล่าง Adaptive M มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic คาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport ที่หล่อและประสิทธิภาพเยี่ยม ภายห้องโดยสารเร้าใจสุดด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M กาบบันไดและชุดแป้นเหยียบ

BMW 330e M Sport ใหม่ เร้าใจ ทุการขับขี่

●  BMW 330e M Sport มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมกับเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 215 กิโลวัตต์ หรือ 292 แรงม้า และสามารถเพิ่มกำลังให้ตัวรถเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost ซึ่งสามารถปลดปล่อยพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ทำให้ BMW 330e M Sport ใหม่ มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม.

●  สำหรับในโหมดการขับขี่ HYBRID ของ BMW 330e M Sport ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. (มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม.) โดยใช้พลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปใช้พลังงานเครื่องยนต์ต่อเนื่องกัน และในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 140 กม./ชม. (มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม.) BMW 330e M Sport ยังพัฒนาให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามากกว่ารุ่นก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถทำระยะทางได้สูงสุดอยู่ที่ 55-68 กิโลเมตร อีกทั้งยังลดอัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่นๆได้มากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย และยังมีระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้คนภายนอกตัวรถได้ยิน ซึ่งจะถูกเปิดใช้ในขณะขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น

●  BMW 330e M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเหลืออีกมากมาย เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กม./ชม.ได้ และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมโดยอัตโนมัติ ระบบ Parking Assistant Plus มาพร้อมกับกล้องมองรอบทิศทาง Surround View Camera ที่มีมุมมองด้านบน มุมมองรอบทิศทาง และมุมมอง 3D ยังมีระบบ BMW ConnectedDrive ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถดูภาพของรถที่จอดผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้อีก

●  สำหรับการทดลองขับ BMW 330e M Sport เพื่อกลับสู่กรุงเทพฯนั้นเราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี แล้วต่อด้วยทางทางพิเศษศรีรัช กัน ภายในห้องโดยสารของรถไม่ค่อยกว้างเท่าตระกูลซีดานอื่นๆในค่าย อารมณ์คล้ายๆนั่งอยู่ในรถสปอร์ตที่ดูกระชับไปหมดทุกส่วน ตำแหน่งเบาะนั่งกระชับตัวตำแหน่งต่ำสไตล์สปอร์ต ทัศนวิสัยรอบคันชัดเจนดี ตำแหน่งปุ่มควบคุมต่างๆออกแบบเพื่อตำแหน่งผู้ขับโดยเฉพาะเลยสามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวก ขับออกตัวไปรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งที่ดี การออกตัวทำได้ง่าย การบังคับควบคุมให้เลี้ยวไปตามโค้งต่างๆทำได้ฉับไวดี ช่วงความเร็วต่ำอาจรู้สึกถีงความ “กระด้าง” ของช่วงล่างนิดหน่อยแต่พอใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นจะรู้สึกถึงความสนุกในการขับเจ้า BMW 330e M Sport คันนี้เลย

●  การเกาะถนนทำได้ดีทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง พอมีจังหวะต้องเร่งแซงพอกดคันเร่งลงสุดเพื่อเค้นกำลังออกมาระบบ XtraBoost ยิ่งช่วยเสริมอัตราเร่งให้ “จัดจ้าน” ขึ้นไปอีก ช่วยให้การเร่งแซงสามารถทำได้อย่างเฉียบขาด ในช่วงสภาพการจราจรที่มีรถยนต์ค่อนข้างหนาแน่น 330e M Sport ยังคง “มุด” เปลี่ยนเลนได้อย่างไหลลื่นไปตามสภาพการจราจร ระบบช่วงล่างเกาะถนนได้ดีมากโดยรู้สึกได้จากการ “โยก” เปลี่ยนเลนตัวรถไม่มีอาการเอียงเลยแต่ล้อและยางก็ยังสามารถ “จิก” พื้นผิวถนนได้อย่างมั่นคง

●  เข้าสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานครและลงสู่ถนนวิทยุ ช่วงนี้รถยนต์บนเส้นทางเริ่มหนาแน่นเราเลยเปลี่ยนไปใช้โหมดไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนดูบ้าง การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นมาก เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ไม่มีมาให้ได้ยินภายในห้องโดยสารเลยเงียบดีมาก อัตราเร่งยังถือว่าดีเยี่ยมการออกตัวตามกระแสการจราจรเลยทำได้ง่ายดาย ซึ่งเราก็ขับเจ้า BMW 330e M Sport กลับสู่อาคารออลซีซั่นเพลส ก็เป็นอันจบกิจกรรมการทดลองขับทั้ง 3 รุ่น 3 รส ตระกูล M sport ในวันเดียว   ●

2020 BMW Driving Experience