July 26, 2020
Motortrivia Team (10190 articles)

เดินชมรอบคัน Mercedes-Benz GLB 200 Progressive ที่ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์

เรื่อง-ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

●  ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Primus Star Phenomenon The ALL-IN Offer พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด The new GLB 200 Progressive คอมแพค เอสยูวี 7 ที่นั่ง ราคา 2.86 ล้านบาท ใช้แพลทฟอร์ม MFA2 หรือ Mercedes Front Antrieb Platform ร่วมกับ A-Class และ GLA-Class แต่เพิ่มความยาวฐานล้อขึ้นอีก 10 เซนติเมตร ทำตลาดแทรกระหว่าง GLA และ GLC

ภายนอกแกร่งสไตล์เอสยูวี

●  รูปลักษณ์ออกแบบภายใต้แนวคิด Sensual Purity เส้นสายบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเอสยูวี ด้วยด้านท้ายที่ออกแบบให้ตัดตรงไม่ลาดเอียง เพื่อรองรับผู้โดยสารแถว 3 เน้นความแข็งแกร่งบึกบึนสไตล์ตัวลุย กระจังหน้าลายแกร่งพร้อมแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถด้านหน้า ประกบข้างด้วยไฟหน้า LED High Performance พร้อมไฟ daytime ที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อเปิดไฟเลี้ยว ฝากระโปรงหน้ามี Power Domes เสริมความดุดัน

●  มุมมองด้านข้างให้ความรู้สึกแข็งแรง ด้วยเส้นขอบหลังคาที่ลากขนานไปกับเส้นขอบล่างของกระจก ที่ยกระดับเล็กน้อยที่ด้านท้ายเพื่อรับกับโป่งล้อหลัง สเกิร์ตข้างสีดำตกแต่งด้วยโครเมียมเป็นชิ้นเดียวกับบานประตู ช่วยลดความเปรอะเปื้อนบริเวณขาขณะก้าวขึ้น-ลงจากรถหลังจากลุยทางวิบาก ล้อแม็กลาย 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R18 ด้านหลังดูแบนกว้างมั่นคงด้วยการออกแบบชุดไฟท้ายทรงยาว กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมปลายท่อไอเสียแยกซ้าย-ขวา ประตูบานท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบ Hand-Free Access ติดตั้งสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3

●  มิติตัวรถมีความยาว 4,634 มิลลิเมตร กว้าง 1,834 มิลลิเมตร สูง 1,663 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,829 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 200 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 1,480 กิโลกรัม ถ้าเทียบกับ GLC โฉมปัจจุบัน GLB จะสั้นกว่า 40 มิลลิเมตร แคบกว่า 60 มิลลิเมตร สูงกว่า 20 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบากว่าประมาณ 100 กิโลกรัม

เด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยและความเอนกประสงค์

●  การออกแบบห้องโดยสารเน้นความแข็งแกร่งลุยๆ แต่ไม่ทิ้งความหรูหราด้วยเบาะหนัง ARTICO แซมด้วยสเตนเลส พร้อมวัสดุตกแต่งภายในแบบ Spiral-look trim elements และไฟ Ambient Light รอบห้องโดยสาร เปลี่ยนได้ 64 สี แต่ที่น่าสนใจคือ การออกแบบเบาะนั่งแถว 2 และ 3 ให้ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ รองรับการใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์ตามประเภทรถ เริ่มจากเบาะแถว 2 แยกพับได้แบบ 40:20:40 คือ เบาะนั่ง 2 ฝั่ง และที่เท้าแขนตรงกลาง เบาะแถว 2 ปรับเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ ที่เท้าแขนตรงกลางมีที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้ กระจกประตูคู่หลังบานใหญ่ให้มุมมองที่โปร่งโล่งและเปิดลงได้สุด

●  เบาะแถว 3 พับราบได้ แต่ด้วยพื้นที่แล้วน่าจะเหมาะกับเด็กโตที่ไม่ต้องนั่งบนเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ในเวบไซต์ของเบนซ์ ระบุว่ารองรับความสูงได้ถึง 168 เซนติเมตร) พื้นห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายเปิดได้ เป็นที่เก็บแผ่นบังสัมภาระด้านท้าย เบาะแถว 2 และ 3 ปรับและพับด้วยระบบกลไกทั้งหมด ทำได้อย่างเบาแรง ผู้โดยสารแถว 2 และ 3 ได้รับการเอาใจใส่อย่างดีด้วยช่องจ่ายไฟฟ้าและที่วางแก้วน้ำ พื้นที่เก็บสัมภาระ 630-1,800 ลิตร ขึ้นอยู่กับการพับเบาะ

●  ย้ายมาดูด้านหน้าบ้าง เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำฝั่งผู้ขับ พวงมาลัยมิลติฟังก์ชั่น มี Paddle Shift คันเกียร์อยู่ที่ฝั่งขวาของพวงมาลัย มาตรวัดและหน้าจอที่คอนโซลกลางเป็นชิ้นเดียวกัน แสดงผลแบบดิจิตอลเต็มระบบ All-digital instrument display หน้าจอกลางควบคุมด้วยระบบสัมผัสหรือที่ Touchpad รองรับสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และ Android

●  อำนวยความสะดวกด้วยระบบ Mercedes me connect เชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ควบคุมทุกอย่างได้อย่างใจนึก พร้อมสร้างสรรค์สไตล์การขับของตัวเอง Personalization (Profile) ที่สามารถสร้างโปรไฟล์ผู้ขับ โดยระบบจะจดจำข้อมูลของโปรไฟล์นั้นๆ ทั้งตำแหน่งเบาะหรือวิทยุรายการโปรด พร้อมด้วยระบบ Parked Vehicle Locator ที่จะให้ข้อมูลที่จอดรถผ่านโทรศัพท์มือถือ พร้อมบอกเส้นทางกลับไปยังรถได้อย่างแม่นยำ และระบบ Live Traffic Information รายงานสภาพการจราจรเพื่อเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด พร้อมให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงทีด้วยระบบ Accident Recovery ส่งต่อข้อมูลรถยนต์ในกรณีอุบัติเหตุ ผ่านการเชื่อมต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉิน ที่จะประสานงานด้านความปลอดภัยเพื่อช่วยเหลือให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด

เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร เทอร์โบ

●  GLB 200 Progressive ใช้เครื่องยนต์รหัส M282 แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว CAMTRONIC ความจุ 1,332 ซีซี กระบอกสูบ 72.2 มิลลิเมตร ช่วงชัก 81.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 10.6:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ ไดเร็คอินเจ็คชั่น เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ หรือ 163 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620-4,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO6 ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 7G-DCT ตามสเปคระบุ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 9.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 207 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 16.6-16.6 กิโลเมตรต่อลิตร

Primus Autohaus เปิดประสบการณ์ใหม่ เพื่อความพึงพอใจสูงสุด

●  Primus Autohaus เป็น 1 ใน 15 โชว์รูมต้นแบบของโลก ที่ได้รับการสร้างสรรค์จาก Mercedes-Benz, GRAFT สำนักออกแบบชื่อดังจากเยอรมัน, FITCH ที่ปรึกษาระบบงานดูแลลูกค้ารีเทลจากอังกฤษ และ Primus Autohaus ผ่านแนวคิด “TOPOGRAPHY & SKY” สู่เส้นสายที่ลื่นไหลและบรรจบกันอย่างสวยงาม เฉกเช่นผืนฟ้าและผืนดิน ด้วยโทนสีขาว-ดำ ที่บ่งบอกถึงความเรียบหรู ล้ำสมัย ควบคู่อรรถประโยชน์สูงสุดและการบริการชั้นเลิศ

●  โชว์รูมแบ่งสรรพื้นที่สำหรับรองรับทุกความสะดวกสบายในการบริการ เริ่มจากจุดต้อนรับลูกค้า ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz หลากหลายรุ่น นำเสนอผ่าน LED Media Wall ขนาดใหญ่และจอทีวีดิจิตอลทั่วโชว์รูม พร้อมผู้ชำนาญด้านผลิตภัณฑ์ Product Expert บนพื้นที่ที่โอ่อ่ากว้างขวาง เพื่อการปรึกษาด้านงานขายหรืองานบริการ โดยมีพื้นที่ทั้งแบบเปิดและห้องรับรองที่เป็นส่วนตัว

●  ด้านในสุดออกแบบเป็นห้องส่งมอบรถใหม่ ขนาดใหญ่ 2 ห้องเชื่อมต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องขนาดใหญ่ สำหรับสร้างสรรค์ Theme การส่งมอบที่ประทับใจผ่าน Media Wall และการจัด Display ในแบบเฉพาะสำหรับลูกค้าทุกท่าน

●  ชั้น 2 ออกแบบฟังก์ชั่นเพื่อการจัดแสดงยานยนต์ที่บ่งบอกถึงสมรรถนะแห่งความแรง อย่าง Mercedes-AMG พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและหลากหลาย ด้วยเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่เลิศหรู อย่าง “DEAN & DELUCA”, ห้องเกมส์ Simulator และห้องพักผ่อนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมมุมด้านในที่จัดเป็นพื้นที่สุดพิเศษ Exclusive Lounge รองรับความเป็นส่วนตัวในการเลือกชมรถยนต์ที่สนใจโดยเฉพาะ ส่วนชั้น 3 และ 4 เป็นพื้นที่เก็บสต๊อกรถใหม่ เพื่อจัดเก็บรักษารถยนต์ให้ดีที่สุดสำหรับการส่งมอบให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ

●  อาคารด้านหลังเป็นศูนย์บริการ 5 ชั้น ออกแบบเฉพาะสำหรับรองรับงานบริการหลังการขาย พร้อม Service Lobby เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการนำรถยนต์เข้ารับบริการ และตอบรับความเร่งด่วนด้านบริการ ด้วย Express Service พร้อมศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ ที่จัดสรรช่องซ่อมมากถึง 40 ช่องซ่อม บนพื้นที่กว้างขวาง โดยดีไซน์ให้เป็นเสมือน cockpit ในสนามแข่ง

●  ในอาคารยังมีศูนย์บริการซ่อมสี-ตัวถังมาตรฐานระดับสูง ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุด เช่นระบบแขนกลอินฟราเรดอัตโนมัติ ที่ทำงานควบคู่กับทีมช่างมืออาชีพประสบการณ์เบนซ์กว่า 20 ปี ทำให้ทุกงานด้านบริการหลังการขายมีประสิทธิภาพและคุณภาพที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

●   ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-095-5555 หรือ www.benzprimus.com

2020 Mercedes-Benz GLB 200 Progressive : Primus Autohaus