August 19, 2020
Motortrivia Team (10196 articles)

Mercedes-Benz SUV Driving Events ถอดสูทปลดเนคไทไปลุยออฟโรด

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●  เพื่อพิสูจน์ว่าระบบขับเคลื่อน 4MATIC ในเอสยูวีของ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG ไม่ได้เพิ่มการยึดเกาะถนนเฉพาะบนทางเรียบเท่านั้น แต่ยังสามารถตะกายผ่านอุปสรรคต่างๆ บนทางออฟโรดได้ด้วย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงจัดกิจกรรม Mercedes-Benz SUV Driving Events ขับเอสยูวีหรูหลากรุ่นบนเส้นทางออฟโรดรูปแบบต่างๆ โดยมีไฮไลท์คือ Mercedes-Benz GLB 200 Progressive คอมแพ็คเอสยูวี 7 ที่นั่ง ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา งานนี้จัดขึ้นที่ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์ ปาร์ค จังหวัดกาญจนบุรี

●  อำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยการให้ไปรับรถตั้งแต่วันศุกร์เพื่อเดินทางในวันจันทร์ ได้รถ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe ที่เคยทดลองขับไปแล้ว นั่ง 2 คนสบายๆ ไม่มีผู้โดยสารด้านหลัง แวะตุนพลังงานที่ร้านอาหารกลางวัน Keeree Mantra Restaurant กาญจนบุรี จากนั้นจึงเดินทางต่อไปที่ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์ ปาร์ค โดยได้รับเกียรติจาก มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานและร่วมกิจกรรมการทดสอบ เอสยูวีที่ใช้ในการทดสอบประกอบด้วย GLA, GLB, GLC, GLE และ GLS ส่วน Mercedes-AMG ประกอบด้วย Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe และ Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe

ลงน้ำ ขึ้นเนิน เข้าป่า คลุกฝุ่น

●  เพื่อความรวดเร็วจึงแบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 3 กลุ่ม หมุนเวียนกันทำกิจกรรมในโซนต่างๆ ประเดิมด้วย 10 STATIONS THAILAND 4X4 ACADEMY ประกอบด้วย หลุมสลับ, บ่อโคลนและทางโคลน, ทางระนาดซุง หินและดิน, ทางเอียงหรือเนินเอียง 20- 35 องศา, ขับขึ้น-ลงเนินที่มีความลาดชัน, การขับผ่านพื้นผิวที่เป็นหินกรวดและทางขรุขระ, การขับข้ามบ่อน้ำและลำธาร มีความยาว 50 เมตร ความลึก 50-80 เซนติเมตร, การขับบนเนินเอียงและโค้งครึ่งวงกลม และการขับผ่านสะพานซุง และน้ำตกจำลอง

●  ตลอดการขับมีเจ้าหน้าที่นั่งไปด้วยเพื่อช่วยแก้ไขในกรณีฉุกเฉิน บางจุดต้องปิดระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เพื่อให้รถมีกำลังขับเคลื่อนไปได้ ส่วนการไต่เนินชันนั้นไม่มีปัญหา ด้วยแรงบิดและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC แม้ยางที่ใช้จะสำหรับทางเรียบ แต่ก็ขับผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี บางจุดที่เป็นสันเนินชัน ต้องวางตำแหน่งล้อหน้าและหลังไว้บนสันเนินในแนวทแยง เพื่อไม่ให้ชิ้นส่วนใต้ท้องรถที่มีระยะห่างจากพื้นไม่มากนักครูดกับพื้น สำหรับเอสยูวี Merdedes-AMG บางรุ่น มีระบบยกตัวรถให้สูงขึ้น ก็ต้องยกเพื่อลดโอกาสการกระแทก

●  ผ่านสถานีแรกไปได้ด้วยดี ต่อเนื่องด้วย Twin Track Speed Circuit ระยะทางรอบละ 3 กิโลเมตร เป็นทางออฟโรดที่พอจะใช้ความเร็วสูงได้ บางช่วงก็ต้องระวังและลดความเร็วเพราะเป็นเนินสูง ถ้าขับเร็วเกินไปรถอาจลอยและกระแทกได้ในช่วงขาลง นับเป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส อนุญาตให้ปิดระบบ ESP เพื่อให้รับรู้อาการที่แตกต่างกันของเอสยูวีขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง

●  ปิดท้ายด้วยการขับชิลๆ ชมวิว กับ 4×4 Adventure ขับในเส้นทางธรรมชาติ ระยะทางรวม 4.5 กิโลเมตร มีทั้งขึ้นเนินชัน หัวรถเชิดขึ้นจนไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า นอกจากมีคนช่วยบอกเส้นทางแล้ว ยังต้องอาศัยเปิดกล้องรอบคันเพื่อดูสภาพเส้นทางด้วย กล้องทำงานที่ความเร็วต่ำไม่เกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กับเซ็นเซอร์กะระยะรอบคันที่เหมือนจะดี แต่สุดท้ายต้องปิดเสียง เพราะเตือนตลอดเวลาเนื่องจาก 2 ข้างทางเป็นหญ้ารก

GLB นำเข้าเท่านั้น GLA ประกอบไทยแน่ และรถไฟฟ้ายังอยู่ในแผน

●  หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมก็เดินทางกลับที่พัก และรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทานอาหารค่ำ และปิดท้ายค่ำคืนด้วยการสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองโดยมี มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตามมาสมทบกับ มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด และคุณพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้า สองผู้บริหารที่เดินทางมาพร้อมคณะสื่อมวลชน

●  เริ่มด้วยการแจ้งยอดจำหน่ายครึ่งปีแรก กับตัวเลข 4,032 คัน ครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45 เปอร์เซ็นต์ของยอดจำหน่ายรวมในกลุ่มรถยนต์นั่งระดับหรู หรือ Luxury Car แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 40 เปอร์เซ็นต์ เอสยูวีและ Dream Car อย่างละ 20 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือเป็นรถในกลุ่มคอมแพกต์ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปียังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากนั้นในช่วงเดือน 4-6 จึงได้รับผลกระทบ ทั้งจากการที่บริษัทแม่ให้งดเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ และเป็นช่วงที่ผู้คนไม่ค่อยใช้เงิน จากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมเริ่มมีทิศทางที่ดี เพราะตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดทั่วโลก

●  การตัดสินใจไม่เข้าร่วมมอเตอร์โชว์ เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเป็นการตัดสินใจที่ยากและเสี่ยง ว่าจะมีผลกระทบทำให้ยอดจองลดลงหรือไม่ แต่ด้วยการหมุนเวียนจัดงานตามโชว์รูมต่างๆ ในกิจกรรม Star Phenomenon และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจองมากกว่า 1 พันคัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มีคุณค่ามากเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าต่อไปจะไม่เข้างานแสดงรถยนต์แล้ว เพราะยังต้องดูว่าสถานการณ์โควิด-19 จะมีระลอกต่อไปหรือไม่ และถ้าจัด จะเป็นไปในรูปแบบไหน เพราะอย่างไรแล้วก็ยังต้องทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันต่อไป

●  สำหรับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นล่าสุด GLB มีการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คนไม่ค่อยอยากใช้เงิน แต่มีคนอยากได้รถรุ่นนี้ ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่ทดลองให้จองรถผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการตลาด และการจองรถด้วยแพลทฟอร์มใหม่ ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ต้องพยายามหารถรุ่นนี้มารองรับความต้องการของลูกค้า และด้วยแนวโน้มทางการตลาดที่ดีขึ้น และการที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จตามที่ตกลงไว้กับบริษัทแม่ ทำให้บริษัทแม่มองว่าถ้าให้โควต้ารถรุ่นนี้กับประเทศไทย รถก็จะถึงมือผู้บริโภคจริงๆ ดีกว่าให้ประเทศอื่นที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้รถไปค้างอยู่ตามโชว์รูม ถึงแม้รถรุ่นนี้จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคชาวไทย แต่ก็ไม่มีแผนจะประกอบในเมืองไทย รถรุ่นที่จะประกอบในเมืองไทยแน่ๆ คือ GLA

●  ในส่วนของรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังอยู่ในแผนการทำตลาด แต่ยังเป็นความลับของบริษัทจึงบอกไม่ได้ว่าเป็นรถรุ่นไหน และเพื่อให้เข้ากับความพร้อมในปัจจุบัน จึงเน้นไป Charge to Change รณรงค์ให้เจ้าของรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทุกรุ่นที่มีอยู่ในเมืองไทยประมาณ 3-4 หมื่นคัน ชาร์จไฟฟ้าบ่อยๆ เพื่อลดฝุ่นและมลพิษในอากาศ และเพื่อให้เจ้าของธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้า เห็นว่ามีกลุ่มลูกค้าที่คุ้มค่ากับการลงทุนสร้างสถานีชาร์จ เมื่อมีสถานีชาร์จมากขึ้น คนก็จะอยากใช้รถไฟฟ้าหรือปลั๊ก-อิน ไฮบริด กันมากขึ้น จากการสำรวจลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ 30-50 เปอร์เซ็นต์ อยากใช้รถไฟฟ้า แต่โครงสร้างพื้นฐานต้องพร้อมรองรับ นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านภาษีรถยนต์จากภาครัฐ และสิทธิพิเศษอื่นๆ

●  ปิดท้ายค่ำคืนด้วยข้อมูลด้านศูนย์บริการและอะไหล่ ปัจจุบันมีลูกค้ากลับมาเข้าศูนย์บริการแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ และการตอบรับที่ดีของการขยายเวลารับประกันเป็น 8 ปี แสดงให้เห็นว่าลูกค้าเห็นคุณค่าของรถ และต้องการใช้รถยนต์ในระยะยาว ในช่วงที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีการเปลี่ยนระบบการส่งอะไหล่ให้ศูนย์บริการ โดยใช้วิธีพยากรณ์ความต้องการอะไหล่ ช่วยลดมูลค่าการสต๊อกอะไหล่ได้ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ยังมีการปรับราคาอะไหล่รถในกลุ่ม 2 และ 3 คือ รถที่มีอายุ 4-20 ปี เฉลี่ยลดลงประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย โดยสามารถดึงลูกค้าเบนซ์ที่ใช้รถรุ่นเก่าให้กลับมาเข้าศูนย์บริการได้ถึง 74 เปอร์เซ็นต์   ●

2020 Mercedes-Benz SUV Driving Events