December 1, 2020
Motortrivia Team (10073 articles)

Motor Expo 2020 : มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 เมืองทองธานี

เรื่อง – ภาพ : Motortrivia Team

●  Motor Expo 2020 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 พร้อมเปิดให้เข้าชมแล้ววันนี้ ผู้จัดระบุมีแบรนด์รถยนต์เข้าร่วมงาน 31 แบรนด์ และมอเตอร์ไซค์รวม 20 แบรนด์ ตัวงานมีขึ้นที่อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2563 ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซท์ motorexpo.co.th หรือสามารถใช้บริการ Motor Expo 2020 Online Platform ล่วงหน้าได้ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลหรือราคาจำหน่ายก่อนไปชมงานจริง

●  นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 กล่าวว่า ปีนี้ Motor Expo จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พร้อมขับเคลื่อน ไปในความเปลี่ยนแปลง : Whatever Changes will be…Move on” และมีมาตรการป้องกัน COVID-19 สูงสุดเพื่อความปลอดภัย ส่วนกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมจะมีทั้งหมด 5 รายการ ประกอบด้วย:

●  (1) ซื้อรถ… ชิงรถ : จองหรือซื้อรถภายในงาน รับสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ BMW 218i Gran Coupe M Sport มูลค่า 2,399,000 บาท จำนวน 1 รางวัล (2) ซื้อบัตร… ชิงรถ : ผู้ซื้อบัตรชมงานรับสิทธิ์ชิง MG3 Hatchback D มูลค่า 554,000 บาท จำนวน 1 รางวัล (3) ซื้อสินค้า… ชิงรถ : ซื้อสินค้าภายในงานจากร้านที่ร่วมรายการ รับโชค 2 ชั้น ชั้นที่ 1 รับสิทธิ์จับสลากลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากผู้จัดงาน 2,054 รางวัล (จำกัดสิทธิ์การจับสลาก 1 ท่าน / ครั้ง / วัน) ชั้นที่ 2 ทุก 2,000 บาท รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นชิงรถ Mitsubishi Mirage 1.2 GLX CVT ราคา 509,000 บาท จำนวน 1 รางวัล (4) ซื้อมอเตอร์ไซค์… ชิงบิกไบค์ จองหรือซื้อจักรยานยนต์ในงาน รับสิทธิ์ชิงรางวัล Honda CB 1000RS มูลค่า 566,670 บาท จำนวน 1 รางวัล และ (5) ชม Motor Expo Online ชิงรางวัล : ชมงานผ่าน Motor Expo 2020 Online Platform ผ่านลิงค์ ve.motorexpo.co.th รับสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อชิงรางวัล Apple Watch SE GPS มูลค่า 9,400 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 94,000 บาท

ASTON MARTIN

●  รุ่นเด่นในงานคือ Aston Martin DBX ซึ่งเปิดตัวในบ้านเราราวช่วงกลางปีที่ผ่านมา ตัวรถนับเป็น SUV รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์แอสตัน มาร์ติน งานออกแบบใช้เค้าโครงของต้นแบบ Aston Martin DBX Concept ที่เราเห็นกันไปในงาน 2015 Geneva Motor Show แรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ Shift by wire และมีระบบ cylinder deactivation หยุดการทำงานของบางสูบในบางจังหวะเพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิง กำลังสูงสุดผลิตได้ 550 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 291 กม./ชม.

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

AUDI

●  รถรุ่นใหม่ล่าสุดของอาวดี้ในปีนี้คือ รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ในตระกูล e-tron รุ่นที่ 2 Audi e-Tron Sportback หรือเวอร์ชั่นท้ายลาดสไตล์ Coupe-like ที่เปิดตัวในตลาดโลกช่วงกลางปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า Electric Quattro ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติซิงเกิล สปีด แบบฟิกซ์อัตราทด กำลังสูงสุด 408 แรงม้า (HP) เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพค 95 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้สูงสุด 463 กม. ตามมาตรฐาน NEDC เดิมของยุโรป ราคาเริ่มต้นที่ 5,299,000 บาท

●  ส่วนรถสมรรถนะสูงตระกูล RS มีรุ่นเด่นให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วย Audi TT RS Coupé quattro ราคา 5,299,000 บาท, Audi RS Q8 ราคา 10,899,000 บาท และ Audi RS 4 Avant ราคา 5,899,000 บาท

●  นอกจากนี้ อาวดี้ยังมีรถรุ่นอื่นๆ ที่ลดราคาจำหน่ายเฉพาะในงานนี้ เช่น A1 Sportback 35 TFSI S line จากราคาปกติ 2,149,000 บาทเหลือ 1,888,000 บาท, Q2 35 TFSI จาก 2,249,000 บาทเหลือ 1,999,000 บาท, Q5 40 TDI quattro จาก 3,399,000 บาทเหลือ 2,999,000 บาท, Q7 45 TDI quattro จาก 4,849,000 บาทเหลือ 4,499,000 บาท, Q8 55 TFSI quattro S line จาก 6,799,000 บาทเหลือ 6,199,000 บาท และ A8 L 55 TFSI quattro Premium จาก 6,799,000 บาทเหลือ 5,799,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : แคมเปญพิเศษมีให้ทุกรุ่น อาทิ รุ่นพื้นฐานรุ่นต่างๆ ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ไม่มีบอลลูน หรือเลือกรับส่วนลดพิเศษเริ่มต้น 1.888 ล้านบาทขึ้นไป (เฉพาะบางรุ่น) ส่วนรถใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.29% ผ่อนนาน 7 ปี ไม่มีบอลลูน (รวมถึง e-tron และรถสมรรถนะสูงตระกูล RS เช่น RS4 Avant) ทุกคันรับ Audi Protection รับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

BMW and MINI

●  ไฮไลท์ของบีเอ็มดับเบิลยูปีนี้มี BMW 430i Coupe M Sport เป็นรุ่นเด่น ตัวรถได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งภาพลักษณ์และสมรรถนะ ขนาดตัวใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกมิติ จุดเด่นคือกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้ง และช่องดักอากาศแบบตาข่ายที่เคยใช้ในรถ M เท่านั้น พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ กำลังสูงสุด 258 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 5.8 วินาที ราคา 3,969,000 บาท

●  ต่อด้วย BMW X1 sDrive18i (Iconic) ราคา 1,999,000 บาท, BMW X1 sDrive20d xLine ราคา 2,359,000 บาท, BMW X1 sDrive20d M Sport ราคา 2,559,000 บาท, BMW 220i Gran Coupe M Sport รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 2,169,000 บาท

●  นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังเป็นอีกบริษัทที่เปิดแพลทฟอร์มออนไลน์ BMW Virtual Showroom ผ่านทางเว็บไซต์ virtualshowroom.bmw.co.th เบื้องต้นมีบริการสนทนาผ่านทาง Live Chat ตลอด 24 ชั่วโมง มีวีดิโอรีวิวรถรอบคันแบบ 360 องศา และสามารถสอบถามรายละเอียด ราคา และโปรโมชั่นต่างๆ กับที่ปรึกษาด้านการขายผ่านระบบ VDO Call หรือข้อความแชทได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งสามารถสั่งซื้อรถผ่านช่องทางออนไลน์ได้

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : จองรถในงานรุ่นใดก็ได้ และมีกำหนดรับส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ฟรีขยายระยะเวลาโปรแกรมบำรุงรักษา BSI เป็น 5 ปี / 100,000 กม. พิเศษสำหรับ BMW 5-series ขยายระยะเวลาโปรแกรมบำรุงรักษา BSI เป็น 6 ปี / 120,000 กม.

●  ฝั่งมินิมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า MINI Cooper SE เป็นรุ่นเด่นบนพื้นที่ ตัวรถเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี และถูกสั่งจองผ่านระบบออนไลน์หมดเพียงไม่ถึง 1 นาที (จำกัดจำนวน 25 คัน) ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวหมุนล้อคู่หน้า, ชุดระบบส่งกำลังติดตั้งแบบควบรวมกันเอาไว้ทางด้านหน้า เชื่อมต่อกับดิฟเฟอร์เรนเชียลเป็นเส้นตรง แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน 32.6 กิโลวัทท์-ชม. กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.

●  เสริมด้วย MINI John Cooper Works GT Limited Edition รถรุ่นพิเศษจำกัดจำนวนที่ตกแต่งเพิ่มเติมโดยใช้พื้นฐานของ MINI Hatch John Cooper Works รุ่นล่าสุด และเร้าใจด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 246 กม./ชม.

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : สำหรับมินิ เบื้องต้นจะมีการยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI ให้สำหรับรถทุกรุ่น ในขณะที่ MINI Countryman ทุกรุ่นที่ซื้อภายในงานนี้โดยใช้ข้อตกลงทางการเงินกับ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย รับฟรี ประกันภัย MINI Protect ชั้นหนึ่งนาน 2 ปี

FORD

●  ฟอร์ดมีไฮไลท์เป็นการปรับไลน์อัพ Ford Ranger และ Ford Everest รุ่นปรับปรุงใหม่ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา โดย Ranger มีราคาอยู่ในช่วง 689,000 – 1,265,000 บาท และ Everest มีราคาอยู่ในช่วง 1,299,000 – 1,799,000 บาท

●  นอกจากนี้ฟอร์ดได้จัดแสดงตัวแข่ง Ford Ranger จากทีม Ford Thailand Racing ที่เพิ่งได้รับ 2 ถ้วยรางวัลจากการ]’แข่งขันรถยนต์ทางเรียบปีแรกในรายการ Thailand Super Series 2020 ด้วย

●  ปิดท้ายด้วย Ford Mustang รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 55 ปี ผลิตจำกัดจำนวน แยกเป็นรุ่น 5.0L V8 ราคา 4,899,000 บาท และรุ่น 2.3L EcoBoost ราคา 3,699,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : Ranger มีอาทิ ดาวน์ต่ำพร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, ฟรีชุดแต่งโรงงาน, โปรแกรมการขยายการรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 10 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีโปรแกรมบำรุงรักษาตามระยะ นาน 4 ปี หรือ 60,000 กม. และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 2 ปี ส่วน Everest มีโปรแกรมขยายการรับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 10 ปี หรือ 150,000 กม. และฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ, กล้องหน้ารถ, แท่นชาร์จไร้สายมูลค่ากว่า 10,000 บาท และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

HONDA

●  พื้นที่ของฮอนด้าในปีนี้ แน่นอนว่ารุ่นเด่นต้องเป็น Honda City Hatchback และ Honda City e:HEV ที่ใช้งานระบบขับเคลื่อนฟูล ไฮบริด เป็นรุ่นแรกในเซกเมนท์ซิตี้คาร์ ทั้งคู่เพิ่งเปิดตัวแบบเวิลด์พรีเมียร์ในบ้านเราเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง

●  Honda City Hatchback หรือรุ่นตัวถังแฮทช์แบค 5 ประตู ยังคงใช้พื้นฐานของ City เจนเนอเรชั่น 7 (เจนฯ 5 ในไทย) จุดเด่นคือชุดเบาะแบบ ULTR (Ultra Seat) ที่เลือกปรับพับได้ 4 โหมด และติดตั้งชุดระบบอำนวยความ Honda CONNECT ที่ทำงานร่วมกับแอพฯ บนสมาร์ทโฟน และชุดระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT กำลังสูงสุด 122 แรงม้า อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 100 กรัม/กม. มาตรฐาน EURO 5 รองรับ E20 การจำหน่ายจะแยกเป็น 3 รุ่นย่อย RS ราคา 749,000 บาท, SV ราคา 675,000 บาท และ S+ ราคา 599,000 บาท

●  ส่วนรุ่นสำคัญ Honda City e:HEV ชุดระบบขับเคลื่อนฟูล ไฮบริด i-MMD หรือชื่อทางการค้า e:HEV ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson-Cycle ความจุ 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 85 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 27.8 กม./ลิตร รองรับ E20 และมั่นใจได้ด้วยชุดระบบความปลอดภัย Honda SENSING

●  City e:HEV มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี, รับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง, โปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถ Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถใหม่เพิ่มอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีค่าแรงในการเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 839,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : แคมเปญ Honda Happy New Car อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษ 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี, ฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถ Honda Ultimate Care, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง Honda 24hr Roadside Assistance, ฟรีค่าแรงเช็คระยะตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน), รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับ Fitbit Smart Tracker Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท และ Honda Jacket มูลค่า 500 บาท หรือข้อเสนอ Double Smile ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท หรือเลือกผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 11,000 บาท และรับกระเป๋า Honda Canvas Tote Bag มูลค่า 350 บาท

●  และปีนี้ฮอนด้าก็ยังมีบริการออนไลน์ชมบูธแบบ 360 องศาผ่านเว็บไซท์ Honda Virtual Experience ที่ virtualexperience.honda.co.th ด้วย โดยสามารถติดต่อพูดคุยกับที่ปรึกษาการขายจากโชว์รูมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้เช่นกัน

H-SEM

●  เอช เซม มอเตอร์ มีทั้งรถเอนกประสงค์ในกลุ่ม 3 ล้อ / 4 ล้อ และมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามาจัดแสดงในงานนี้ครบทุกรุ่น โดยมีการแยกเป็นโซนสินค้าราคาพิเศษ และลานทดสอบรถขนาดย่อมๆ ภายในบูธด้วย

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : มีให้หลายทางเลือก อาทิ ไม่ต้องวางเงินดาวน์เอง เอช เซม ออกดาวน์ให้สูงสุด 20% หรือเลือกรับทองคำ, รับประกันแบตเตอรี่ 3 ปี, ผ่อนนานสูงสุด 36 เดือน หรือหากซื้อด้วยเงินสด รับส่วนลดทันที 20% หรือจะเลือกผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิตของธนาคารที่ร่วมรายการ และพิเศษ ผู้ที่ซื้อรถไฟฟ้าภายในงาน รับสิทธิ์ร่วมลุ้นรับทองคำ, รถ 3 ล้อไฟฟ้า Buddy S และของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท

●  นอกจากนี้ หากเป็นสมาชิก เอช เซม ผ่านแอพพลิเคชั่น H SEM Connect ดาวน์โหลดแอพฯ รับเสื้อฟรีทันที และสามารถมีสิทธิ์ลุ้นรับกล้อง Fuji SQ10

HYUNDAI

●  ฮุนได ประเทศไทย ใช้พื้นที่ในงานนี้เปิดตัวแวนเอนกประสงค์ H-1 รุ่นปรับปรุงใหม่ ใช้ชื่อรุ่นว่า Hyundai H-1 Impressive ภายนอกเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต ภายในมากับเบาะและลายไม้ใหม่ พร้อมเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ๆ ให้ โดยจะมีการจำกัดจำนวนการผลิตเอาไว้ที่ 200 คันเท่านั้น

●  ตัวรถมากับตัวถีงสีขาว Creamy White, ชุดแต่งโครเมียมรอบคัน, ซันรูฟคู่ และล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้, เบาะหนังสีเบจ ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น, ชุดระบบเครื่องเสียงใหม่, จอ LCD ขนาด 10.1 นิ้ว 2 ตำแหน่ง ติดตั้งที่บริเวณที่พักศีรษะเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนผู้ขับสะดวกด้วยกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ช่วยลดแสงรบกวนจากไฟหน้าของรถด้านหลัง, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และกล้องหลังพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ

●  พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น (CRDI) อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน (VGT) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมฟังก์ชั่น Sequential Shift กำลังสูงสุดผลิตได้ 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. ราคาจำหน่าย 1,629,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : Hyundai H-1 Impressive ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี และบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 25,000 บาท ลูกค้าเก่ารับสิทธิ์ส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท, Grand Starex Premium และ Grand Starex VIP ขับฟรี 90 วัน ดาวน์ต่ำ 10% ผ่อนนาน 84 เดือน หรือดอกเบี้ย 0.99% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีเช็คระยะ 5 ปี คูปองน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รับประกันคุณภาพ 5 ปี และช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี และพิเศษสุดสำหรับลูกค้าเก่าฮุนได รับส่วนลดเพิ่ม 50,000 บาท, H-1 รุ่นพื้นฐานเลือกรับขับฟรี 90 วัน ดาวน์ต่ำ 10% ผ่อนนาน 84 เดือน หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 60 เดือน ส่วนรุ่น Deluxe และ Elite ฟรีเช็คระยะ 5 ปี ฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 50,000 บาท นอกจากนี้ เฉพาะรุ่น Elite รับเพิ่มอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง กล้องมองหลัง และกล้องบันทึกหน้ารถมูลค่า 20,000 บาท รุ่น Touring ฟรีเช็คระยะ 2 ปีและบัตรเติมน้ำมันมันมูลค่า 20,000 บาท

●  ทุกรุ่นรับประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี รับประกันคุณภาพ 5 ปี และช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ลูกค้าเก่ารับส่วนลดเพิ่ม 30,000 บาทในรุ่น Deluxe และ Elite และ 25,000 บาทสำหรับรุ่น Touring

●  ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Hyundai Kona และ IONIQ ฮุนไดเตรียมมอบเงินที่ได้จากการจำหน่ายที่บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาสนับสนุนโครงการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้เพื่อลดมลพิษทางอากาศเมื่อเดือนกันยายนปี 2562 โดยจะหักเงินจำนวน 10,000 บาทจากทุกๆ การขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวให้กับมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ เพื่อที่จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในโครงการเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดใกล้เคียง

ISUZU

●  อีซูซุมี SUV ขนาดกลางรุ่นใหม่ Isuzu MU-X มาโชว์ตัวส่งท้ายปี 2563 ตัวรถออกแบบใหม่ทั้งหมด อุปกรณ์มาตรฐานได้รับการยกระดับใหม่หมดทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร ไฮไลท์สำคัญคือการติดตั้งชุดระบบช่วยขับยุคใหม่ในกลุ่ม ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ประกอบด้วย กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำงานร่วมกับมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน เพื่อประเมินสถานการณ์รอบตัวรถแบบรีลไทม์, ระบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go, ระบบ Forward Collision Warning แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ

●  นอกจากนี้ยังมีระบบ Lane Departure Warning แจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Automatic High Beam ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Pedal Misapplication Mitigation ตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด, ระบบ Manual Speed Limiter ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง, ระบบ Blind Spot Monitoring แจ้งเตือนจุดอับสายตา, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอย, ระบบ Parking Aid System เซ็นเซอร์ช่วยจอด และระบบ Multi-Collision Brake ช่วยเบรคอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ลดการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

●  รุ่นเครื่องยนต์เลือกได้ระหว่าง ดีเซล 4 สูบ 3.0 ลิตร Ddi Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า หรือดีเซล 4 สูบ 1.9 ลิตร Ddi Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ระบบส่งกำลังมีธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบ Genius Sport Shift หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมด Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ส่วนระบบขับเคลื่อนยังคงมีทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ แบบ Part Time ระบบไฟฟ้า ควบคุมด้วยสวิทช์ Terrain Command ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 1,109,000 – 1,591,000 บาท

JAGUAR LAND ROVER

●  จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ประเทศไทย นำรถที่มีจำหน่ายในปัจจุบันเข้าร่วมงาน อาทิ SUV พลังงานไฟฟ้า Jaguar I-Pace ที่มากับโปรโมชั่นพิเศษ ผ่อน 0% นาน 4 ปี พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1, ฟรี Wall Box, รับประกันบำรุงรักษา และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 5 ปี ในขณะที่รุ่นอื่นๆ ของจากัวร์ มากับราคาเริ่มต้นที่ 2.9 ล้านบาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ Jaguar Care ระยะเวลานาน 5 ปี

●  ทางฝั่ง แลนด์ โรเวอร์ รุ่นเด่นก็คือ SUV ออฟ-โรด ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง Land Rover Defender ใหม่นั่นเอง ใครสนใจราคาเริ่มต้นที่ 5,600,000 บาท เสริมด้วยรุ่นอื่นๆ ในราคาเริ่มต้น 3,799,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ Land Rover Care ระยะเวลา 5 ปี

KIA

●  ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ มากับมินิแวน KIA Carnival รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 4 ตัวรถมากับภาพลักษณ์ใหม่ที่ดูหรูขึ้นในทุกมุมมอง เทียบกับ Carnival รุ่นก่อนหน้าจะใหญ่ขึ้นในทุกมิติ และมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ครบกว่า รองรับการใช้งานในแบบครอบครัวใหญ่ด้วยจำนวนเบาะแบบ 4 แถว 11 ที่นั่ง พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ตระกูล Smartstream แบบ 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร CRDi อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 202 แรง มาตรฐานการคายมลพิษระดับ Euro 5

●  KIA Carnival ใหม่จะแยกจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Carnival EX ราคา 2,144,000 บาท และ Carnival SXL ราคา 2,459,000 บาท

LEXUS

●  เลกซัส กรุ๊ป ลุยตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่เป็นครั้งแรกในไทย ด้วยการเปิดตัว SUV รุ่นใหม่ Lexus UX 300e เสริมด้วยรถหรูรุ่นปรับปรุงใหม่อีก 2 รุ่น ประกอบด้วย Lexus LS และ Lexus IS

●  Lexus UX 300e เป็นรถหรูในกลุ่มซับคอมแพคท์ ครอสโอเวอร์ SUV พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 30.5 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 54.3 กิโลวัทท์-ชม. รีชาร์จแบตเตอรี่ 80% จากจำนวนเต็มในโหมดฟาสท์ชาร์จได้ภายใน 50 นาที และชาร์จเต็มจาก 0% ด้วยไฟบ้านได้ภายใน 7 ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 360 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 3,490,000 บาท

●  ต่อด้วย Lexus LS รถหรูฟูลไซส์ในกลุ่ม F-segment ที่ปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ด้หลายจุดทั้งภายนอกภายใน แยกขายเป็น 4 รุ่นย่อย LS350 Luxury ราคา 11,550,000 บาท, LS500 Executive ราคา 13,110,000 บาท, LS500h Executive ราคา 14,530,000 บาท และ LS500h Executive Pleat ราคา 15,860,000 บาท

●  ปิดท้ายด้วย Lexus IS รถซีดานหรูในกลุ่ม D-segment แยกขายเป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย IS300h Luxury ราคา 2,690,000 บาท, IS300h Premium ราคา 3,370,000 บาท และ IS300h F-Sport ราคา 3,890,000 บาท

MASERATI

●  มาเซราติ ประเทศไทย มีรถกรีนรุ่นแรกแล้ว โดยงานนี้มีการเปิดตัว Maserati Ghibli Hybrid รถหรูในกลุ่ม E-segment เป็นทางการ โดยพื้นฐาน Ghibli Hybrid ก็คือรุ่นปรับโฉมของ Ghibli M157 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน Mild hybrid ใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก และใช้กระแสไฟฟ้าช่วยเพิ่มกำลังในบางจังหวะ ชุดระบบประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จไฟฟ้า ที่ใช้ชื่อทางการค้าว่า e-Booster ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เสริมกำลังด้วยชุดระบบ Mild hybrid กำลังไฟ 48-volt เทคโนโลยี BSG หรือ Belt-Driven Starter Generator ใช้สายพานที่ออกแบบให้ควบรวมกับสตาร์ทเตอร์ทำหน้าที่แทน Alternator หรือไดชาร์จแบบปกติ และนำกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ระบบไฟ 48 โวลท์ ไปช่วยเพิ่มแรงบิดและลดการใช้เชื้อเพลิง

●  กำลังสูงสุดผลิตได้ 330 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยประมาณ 10.4 – 11.7 กม./ลิตร ตามาตรฐาน WLTP ใหม่ของยุโรป ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 5,990,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : รับประกันคุณภาพนาน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมแพ็กเกจบำรุงรักษา Premium Maintenance Program นาน 3 ปี หรือ 60,000 กม.

MAZDA

●  มาสด้าเปิดตัว Mazda CX-3 2021 Collection แยกจำหน่ายเป็น 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย CX-3 Base ราคาจำหน่าย 769,000 บาท, Base Plus ราคา 809,000 บาท, Comfort ราคา 879,000 บาท และ Proactive ราคา 959,000 บาท

●  ต่อด้วย 3 รุ่นพิเศษ 100th Anniversary Edition ฉลองครบรอบ 100 ปีแบรนด์มาสด้า นับจากการก่อตั้งบริษัทในปี 1920 ประกอบด้วย Mazda2, Mazda3 และ Mazda CX-30 เวอร์ชั่น 100th Anniversary Edition ซึ่งมีการเปิดจองผ่านเว็บไซท์ Mazda SKY Booking ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกรุ่นผลิตแบบจำกัดจำนวน ตัวรถตกแต่งแบบเฉพาะตัว เน้นความเรียบง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 677,000 – 1,237,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : มีอาทิ ดอกเบี้ย 0%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี, ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร, ฟรี Mazda Care Program 5 ปี หรือฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี เป็นต้น ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ส่วนรุ่นพิเศษ 2021 Collection มีดอกเบี้ย 0 – 0.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี

MERCEDES-BENZ

●  เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีรถใหม่เป็นรุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่น ประกอบด้วย Mercedes-Benz GLA-Class ครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์ เจเนอเรชั่น 2 และ Mercedes-Benz A-Class รถหรูในกลุ่มซับคอมแพคท์

●  Mercedes-Benz GLA-Class ใหม่พร้อมจำหน่ายด้วยรุ่นย่อย GLA 200 AMG Dynamic ตัวรถมากับชุดแต่งภายใน AMG Interior Package, บริการ Mercedes me connect และใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 1,332 ซีซี. เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 207 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 130 – 137 กรัม/กม. ราคาจำหน่าย 2,399,000 บาท

●  ส่วน Mercedes-Benz A-Class ใหม่จะแยกจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Mercedes-Benz A 200 Progressive และ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ทั้งคู่ออกแบบโดยเน้นความเรียบหรู ทว่าจะมีแคแรคเตอร์ที่ต่างกันจากแพคเกจตกแต่ง เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ ความจุ 1,332 ซีซี. กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ภายใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 119 – 124 กรัม/กม. A 200 Progressive ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเบาๆ ที่ 1,990,000 บาท ส่วน A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : แคมเปญพิเศษส่งท้ายปี 2563 สำหรับผู้ที่ซื้อและรับมอบรถทั้งเมอร์เซเดส และ AMG รุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2563 รับฟรี iPhone 12 มูลค่ากว่า 32,000 บาท (1 เครื่อง/รถ 1 คัน) ทั้งในงานและที่ดีลเลอร์เมอร์เซเดสทั่วประเทศ

MG

●  เอ็มจี ประเทศไทย เอาจริงในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ เปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นที่ 2 MG EP โดยนับเป็นการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในกลุ่มรถสเตชั่นแวกอนเป็นรุ่นแรกในไทย ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ส่งกำลังด้วยเกียร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 50.3 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 380 กม. ตามมาตรฐานยุโรปเดิม NEDC

●  ระยะเวลาในการชาร์จแบบเร็ว (DC Quick Charge) 80% จากจำนวนเต็ม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ส่วนการชาร์จแบบปกติ 0 – 100% เต็มด้วยไฟ AC ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 988,000 บาท

●  อีกรุ่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้าคือ MG HS PHEV ซึ่งเริ่มจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent Magnet Synchronous กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ EDU II 10 จังหวะ แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 16.6 กิโลวัทท์-ชม. กำลังรวมทั้งระบบ 284 แรงม้า ราคาจำหน่าย 1,359,000 บาท

MITSUBISHI

●  มิตซูบิชิเปิดตัวรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นสำคัญ Mitsubishi Outlander PHEV อย่างเป็นทางการในงานนี้ ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 305 แรงม้า และเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่จะได้ใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC หรือ Super All Wheel Control อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 52.6 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเพียง 43 กรัม/กม.

●  Outlander PHEV ยังสามารถใช้ตัวรถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัทท์ได้ด้วย เพียงเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ

●  มิตซูบิชิจะแยกการจำหน่าย Outlander PHEV เป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท และรุ่น GT Premium ราคา 1,749,000 บาท ทั้ง 2 รุ่นรับแพคเกจ Worry-free ประกอบด้วย ฟรีรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ฟรีเซอร์วิส แพ8เกจ 5 ปี, ฟรีช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. 5 ปี, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี, ฟรีรับประกันคุณภาพพร้อมค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี และพิเศษ จองรถภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 และรับรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 รับค่าสนับสนุนการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านรวมมูลค่าสูงสุด 20,000 บาท

●  พิเศษ จอง Outlander PHEV ภายในวันที่ 1 – 13 ธันวาคม 2563 และรับรถภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 รับสิทธิ์ลุ้นรับเครื่องชาร์จ Ultra EV Gen-1 รุ่น 3.7 kW จาก ปตท. มูลค่า 64,900 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 194,700 บาท

NISSAN

●  นิสสันยังคงเน้นไปที่รถรุ่นสำคัญอย่าง Nissan Kicks e-Power ที่เติมความสดด้วยสีใหม่ 2 สี เหลือง Sunlight Yellow และน้ำเงิน Night Blue พร้อมชุดแต่งห้องโดยสาร Stylish package เพิ่มไฟแอมเบียนท์ที่แผงข้างประตู, พื้นห้องโดยสารตอนหน้า, ไฟ Welcome เมื่อเปิดประตูหน้า และชุดแต่งสีเงินบริเวณแผงอุปกรณ์ต่างๆ โดยยังคงจำหน่ายในราคาเดิม

●  อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของนิสสันในปีนี้คือการบุกตลาดปิคอัพอีกครั้งด้วย Nissan Navara รุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งไลน์อัพ… รุ่นเด่นก็คือ Nissan Navara PRO Series ทั้ง 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย PRO-4X ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ PRO-2X ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งจะมากับสีเทา Stealth Gray ที่เป็นสีเฉพาะรุ่น เสริมด้วยชุดแต่งด้านใน เบาะสีดำแบบสปอร์ต เดินตะเข็บบนเบาะหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์ พร้อมโลโก้ PRO-4X พวงมาลัยแบบสปอร์ต คอนโซลตกแต่งด้วยสีดำเงาเปียโนแบล็ค หัวเกียร์และแผงประตูหุ้มด้วยหนังแท้ และมีการตกแต่งด้วยแอคเซนท์สีส้ม-แดงภายในห้องโดยสาร

●  ราคาจำหน่าย Navara เริ่มต้นที่ 599,000 – 1,129,000 บาท ส่วนรุ่นไฮไลท์ PRO-2X 2WD 7AT ราคา 999,000 บาท และ PRO-4X 4WD 7AT ราคา 1,149,000 บาท

●  ปิดท้ายที่สปอร์ตสมรรถนะสูง Nissan GT-R รุ่นปี 2021 ที่ปรับโฉมด้วยการอัพเกรดชุดโคมไฟหน้าและชุดไฟท้ายสีใหม่, ปรับกระจังหน้าและสเกิร์ตรอบคัน , ล้ออัลลอยลายใหม่ และมีการตกแต่งภายในใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 10,700,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : แคมเปญ Happy Moment is Back อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0% หรือผ่อนสบายๆ กับ Nissan Easy Pay เริ่มต้น 1,800 บาท/เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี และขับฟรี 90 วัน

PEUGEOT

●  เปอโยท์ใช้พื้นที่จัดพรีวิว SUV ขนาดเล็ก Peugeot 2008 อีกครั้ง ตัวรถอยู่ในคลาสครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์ ซึ่งเป็นรถ SUV ในกลุ่ม entry-level ของเปอโยท์ในปัจจุบัน คู่แข่งในกลุ่มนี้ที่ทำตลาดบ้านเรามีอาทิ Hyundai Kona Electric, Mazda CX-3, MG ZS หรือ Nissan Juke เป็นต้น การเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในช่วงปีหน้าครับ

●  ดังนั้นรุ่นที่พร้อมจำหน่ายยังคงเป็น Peugeot 3008 และ Peugeot 5008 ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน รับฟรีประกันภัยนาน 3 ปี เมื่อจัด Finance กับ Alphera รูปแบบลีสซิ่ง หรือบอลลูน หรือฟรีประกันภัยนาน 1 ปี พร้อม iPhone 12

PORSCHE

●  ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัว Porsche Panamera รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ และเป็นครั้งแรกในอาเซียน ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจับคู่เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ กำลังรวม 462 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 56 กม. ตามมาตรฐาน WLTP อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 43.4 – 47.6 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 51 – 47 กรัม/กม. ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7,300,000 บาท (Panamera 4 E-Hybrid)

●  รุ่นอื่นๆ บนพื้นที่มีอาทิ Porsche 911 Targa 4S, 911 Carrera S, Taycan Turbo, 718 Spyder, Cayenne E-Hybrid, Cayenne E-Hybrid Coupe และ Macan

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : ชุดแต่ง Porsche Tequipment สำหรับผู้ที่จอง 911, 718, Cayenne และ Macan ภายในงาน, สินค้าพรีเมียม Porsche Driver’s Selection พร้อมส่วนลดพิเศษ (สินค้าที่ร่วมรายการ), สิทธิในการซื้อแพคเกจการรับประกัน Porsche Approved Warranty จากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี นานสูงสุด 15 ปี
สำหรับผู้ที่จองรถกับ AAS และ Gift Voucher สำหรับใช้เป็นส่วนลดซื้อนาฬิกา TAG Heuer รุ่นที่ร่วมรายการ เฉพาะผู้ที่จองรถภายในงาน

ROLLS-ROYCE

●  โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก มากับ Rolls-Royce Ghost เจนเนอเรชั่น 2 รุ่นฐานล้อยาว Extended Wheelbase รถรุ่นนี้นับเป็นรุ่นสำคัญในตลาดโลก เนื่องจากเป็นตัวแทนอัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ ที่ใช้ปรัชญาการออกแบบใหม่ Post-Opulence เรียบง่าย แต่ไร้กาลเวลา ตัวรถมากับเทคโนโลยีและการตกแต่งใหม่หลายรายการ พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน V12 ความจุ 6.75 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมเทคโนโลยี Satellite Aided Transmission ใช้ GPS ตรวจสอบเส้นทางและเตรียมปรับการทำงานของเกียร์ให้เหมาะสมล่วงหน้า กำลังสูงสุดผลิตได้ 563 แรงม้า อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียเฉลี่ย 348 – 359 กรัม/กม.

●  รุ่นที่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก นำมาจัดแสดง ตัวถังจะมากับสีดำ Diamond Black, กระจังหน้าเรืองแสง, ล้อขนาด 21 นิ้ว, ห้องโดยสารสีขาว Arctic White สลับดำ ตัดด้วยสีเหลือง Forge Yellow, ตกแต่งด้วยไม้แบล็ควู๊ด ผิวธรรมชาติ, ตู้แช่กลางเบาะหลัง, เบาะหลังแบบ Immersive Seating, ชุดระบบเอนเตอร์เทนสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Micro-Environment Purification System หรือ MEPS รุ่นปรับปรุงใหม่

●  ออปชั่นตกแต่งพิเศษ ประกอบด้วย โค้ชไลน์เส้นเดี่ยวสีเหลือง Forge Yellow, ชุดปลายท่อไอเสียคู่ชุบโครเมียม, ห้องโดยสาร Bespoke, หมอนรองศีรษะปักตราสัญลักษณ์ RR, กุ๊นขอบสีเหลือง Forge Yellow เพิ่มเป็นแนวยาวบริเวณคอนโซลกลาง, ขอบเบาะกุ๊นด้วยสีเหลือง Forge Yellow พร้อมเดินตะเข็บด้วยด้ายเหลือง Forge Yellow, เพิ่มตราสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy บริเวณประตู, ลายไม้แบบเปิดผิวธรรมชาติ หรือ Open Pore, ก้านพวงมาลัยลายไม้, แพคเกจตกแต่งแบบสเตนเลสปัดเงา, ชุดพรมขนแกะ, แผ่นป้ายรหัสตัวถังแบบวินเทจ และกุญแจรีโมท Signature Key สีเหลือง Forge Yellow

●  ราคาจำหน่าย Rolls-Royce Ghost ใหม่รุ่น Extended Wheelbase เริ่มต้นที่ 35,900,000 บาท หากรวมออปชั่นพิเศษจะอยู่ที่ 42,500,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : จองรถภายในงาน Rolls-Royce Cullinan ผ่อนเริ่มต้น 392,000 บาท/เดือน, Rolls-Royce Wraith ผ่อนเริ่มต้น 345,000 บาท/เดือน ทุกรุ่นรับ Warranty 4 ปีจากโรงงานที่เมืองกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ

SUBARU

●  ทีซี ซูบารุ ประเทศไทย เปิดตัวอุปกรณ์ตกแต่งใหม่สำหรับ Subaru XV ได้แก่เบาะ LSD ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น สำหรับลูกค้าในประเทศไทยและมาเลเซียเท่านั้น โดยเบาะ LSD จะมีการผสมผสานวัสดุภายในเกรดพรีเมี่ยม 2 ชนิด เสริมด้วยผิวสัมผัสที่นุ่มนวลและสะดวกสบายให้ Subaru XV 2.0i-P พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยสีดำ, สีเงิน และลายเส้นด้ายสีส้มแบบสปอร์ตภายในห้องโดยสาร

●  นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Subaru Safety Ambassador หรือตุ๊กตาตัวแทนความปลอดภัย 3 แบบ ประกอบด้วย (1) หมี : ตัวแทนความรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย (2) ยีราฟ : ตัวแทนความปลอดภัยตลอดเวลา และ (3) ม้าลาย : ตัวแทนความสนุกสนานอย่างปลอดภัย

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : Subaru WRX รับข้อเสนอพิเศษมูลค่า 300,000 บาท พร้อมรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กม. และบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง 5 ปี ต้อด้วยข้อเสนอ You Drive, I Pay สำหรับ Subaru XV และ Subaru Forester ดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน (XV) และ ดอกเบี้ย 0.69% 48 เดือน (Forester) ทั้งคู่ ฟรี ค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม., ฟรีประกันชั้นหนึ่ง และฟรีบัตรเติมน้ำมัน

SUZUKI

●  ซูซูกิยังคงใช้ Suzuki Swift GL Max Edition เวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษที่เปิดตัวไปในช่วงกลางปีที่ผ่านมาเป็นไฮไลท์ในงานนี้ ตัวรถใช้พื้นฐานของ Swift รุ่นย่อยเกรด GL ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดสเกิร์ทรอบคัน, สปอยเลอร์หลัง, เสาอากาศครีบฉลาม, ซุ้มล้อสีดำ, ปลายท่อไอเสียคู่ และชุดสติกเกอร์เฉพาะรุ่น Max Edition ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเดิม เบนซิน 1.2 ลิตร 83 แรงม้า รองรับ E20 ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 541,000 – 546,000 บาท

●  รุ่นอื่นๆ ยังคงเดิม เช่น Suzuki Celerio ราคาเริ่มต้น 318,000 บาท, Suzuki Ciaz ราคาเริ่มต้น 523,000 บาท, Suzuki Ertiga ราคาเริ่มต้น 659,000 บาท, Suzuki XL7 ราคา 779,000 บาท, Suzuki Swift ราคาเริ่มต้น 499,000 บาท และรถเพื่อการพาณิชย์ยอดนิยมในแวดวง Food Truck อย่าง Suzuki Carry ราคา 385,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : จองรถในงาน รับสิทธิพิเศษขับฟรี 90 วัน, ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ), ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0% (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

TOYOTA

●  โตโยต้าปีนี้พิเศษสุดๆ ด้วยการเปิดตัวฮอทแฮทช์สุดแรง Toyota GR Yaris อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตัวรถเป็นผลงานการพัฒนาของโตโยต้าและ Gazoo Racing โครงสร้างบางจุดเปลี่ยนไปใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ช่วงล่างด้านหลังเปลี่ยนจากทอร์ชั่น บีม ไปเป็นดับเบิล วิชโบน, ชุดเบรคดิสค์แบบมีครีบระบายความร้อน จานดิสค์หน้าเส้นผ่านศูนย์กลาง 356 มม. จับคู่คาลิเปอร์ 4 พอท ด้านหลัง 297 มม. คาลิเปอร์ 2 พอท ล้อขนาด 18 นิ้วสวมยาง MICHELIN Pilot Sport 4s ขนาด 225/40 และลดน้ำหนักตัวรถด้วยหลังคา, ชิ้นส่วนบอดี้, ฝากระโปรงหน้า-หลัง, ประตู และปีกหน้าด้วยอลูมิเนียม น้ำหนักตัวรวม 1,280 กก.

●  เครื่องยนต์เป็นเครื่องบล็อคใหม่ที่รองรับกฏใหม่ของ WRC ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว พร้อมฟังก์ชั่น VVTi จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด D4S ความจุกระบอกสูบ 1.6 ลิตร กระบอกสูบ x ช่วงชัก 87.5 x 89.7 มม. อัตราส่วนการอัด 10.5:1 อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 261 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 36.6 กก.-ม. ความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์เอาไว้ที่ 230 กม./ชม.

●  ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเจนเนอเรชั่นใหม่ GR-FOUR ออกแบบใหม่ให้จัดสรรกำลังไปยังล้อทั้ง 4 อย่างเหมาะสม อัตราทดเกียร์ของเพลาหน้า/หลังถูกเซ็ทให้ต่างกันเล็กน้อย การกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้า/หลัง ควมคุมด้วย coupling ที่มีการออกแบบให้ตอบสนองได้รวดเร็วเป็นพิเศษ โดยพื้นฐานมันจึงมีการส่งแรงบิดไปยังล้อคู่หน้า/หลังได้แบบหมดจด 100:0 (ขับหน้า) และ 0:100 (ขับหลัง) ซึ่งโตโยต้าระบุว่าเหนือกว่าระบบ AWD on-demand ที่ใช้ coupling คู่ หรือ permanent AWD ที่ใช้งานดิฟฯ กลาง

●  โตโยต้าระบุว่า ราคาจำหน่าย “ไม่เกิน 2.7 ล้านบาท” ครับ มีจำนวนจำกัด ใครสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับสิทธิ์ในการจองได้ที่ www.toyota.co.th/gryaris

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : โตโยต้าจัดกิจกรรม “TOYOTA Last Minute Deals! ดีลด่วนท้ายปี นาทีสุดท้าย” ประกอบด้วย (1) ดีลเฮ : ลุ้นรถฟรี หรือโตโยต้าช่วยจ่าย 900,000 บาท พร้อมลุ้นรับเพิ่ม 100,000 บาททุกสัปดาห์, ขับฟรีนาน 90 วัน ขับก่อนผ่อนปีหน้า รวม 1,008 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 18 ล้านบาท (2) Fast Deal : เอกสารครบ ได้รถง่าย รู้ผลเร็วภายในงาน เพียงเตรียมภาพถ่ายของเอกสารหลักฐานสำคัญให้ครบถ้วน ได้แก่ เอกสารทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และสลิปเงินเดือน เพื่อรับการอนุมัติเบื้องต้น ติดตามเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ toyota.co.th/promotion/yearendcampaign2020

●  ปิดท้ายด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าแลกเปลี่ยนรถใหม่จากโตโยต้า ชัวร์ ได้แก่บริการประเมินราคารถฟรีที่บูธโตโยต้า พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงาน ประกอบด้วย ฟรีบริการประเมินราคารถ พร้อมรับบัตรกำนัล BIG C มูลค่า 200 บาท และลูกค้าโตโยต้าที่นำรถมาแลกเปลี่ยนเป็นโตโยต้าป้ายแดง รับมูลค่าคันเก่าเพิ่มสูงสุด 10,000 บาท

VOLVO

●  ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้ผลิตรถยนต์ต่างโหมโปรโมทรถยนต์พลังงานทางเลือกเป็นหลัก หมายความว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง… วอลโว่นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ลำดับต้นๆ ที่ทำตลาดรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในไทยมาอย่างต่อเนื่อง ใครมองหารถยนต์ในกลุ่มนี้ไม่ควรมองข้ามวอลโว่ครับ ทั้งชื่อชั้นของแบรนด์ คุณภาพของรถ และราคาที่น่าสนใจ

●  สำหรับรถรุ่นใหม่ในงานนี้คือ Volvo XC40 Recharge, plug-in hybrid T5 โดยคำว่า “Recharge” นี้ วอลโว่ใช้เป็นกิมมิคในแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีการประกาศเป็นแผนงานระดับโลกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ทั้งนี้ รถในตระกูล Recharge ก็คือรถทุกคลาสที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด นั่นเอง โดย XC40 Recharge เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,090,000 บาท

●  ข้อเสนอพิเศษในงาน : ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน* (เงื่อนไขเป็นไปตามที่วอลโว่กำหนด) หรือ เลือกรับฟรีประกันชั้นหนึ่ง 3 ปี และแพคเกจบำรุงรักษารถ Volvo Premium Service Program ในราคา 50% โดย Volvo Premium Service Program จะได้รับสิทธิเพิ่ม Volvo Maintenance Service เป็น 5 ปี หรือ 100,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน, ประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี พร้อมรับชุดชาร์จ EV Wall Box มูลค่า 59,000 บาท ฟรี สำหรับรถในกลุ่ม PHEV ทุกรุ่น… ข้อเสนอทั้งหมดมีผลจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2563 นี้

●  พิเศษ ผู้ที่ซื้อ Volvo XC, Sedan หรือ Estate ทั้งในงานหรือที่โชว์รูม ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2563 และร่วมกิจกรรม Volvo XC40 Recharge Photo Contest ผู้ชนะจะได้รับแพคเกจห้องพักโรงแรมหรู 2 วัน 1 คืน พร้อมรับสิทธิ์ทดลองขับ Volvo Recharge ในการเดินทางไป-กลับ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่วอลโว่กำหนด)   ●


Motor Expo 2020