February 17, 2021
Motortrivia Team (10197 articles)

Mazda BT-50 Double Cab 1.9 SP HI-RACER พลิกโฉม เปลี่ยนบุคลิก

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●  มาสด้า เปิดตัวกระบะรุ่นใหม่แบบโมเดลเชนจ์ ไปเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นได้จัดให้สื่อมวลชน ได้ทดลองขับสั้นๆ ในสนามทดสอบ ล่าสุดทีมงานมอเตอร์ทริเวียได้ทดลองขับอีกครั้งกับรุ่น Double Cab 1.9 SP HI-RACER 6AT ตัวถัง 4 ประตู ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1,070,000 บาท ในรูปแบบ One Day Trip เส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี ระยะทางรวมไปกลับกว่า 300 กิโลเมตร

ภายนอกภายในทันสมัยลงตัว

●  รูปลักษณ์ออกแบบภายใต้แนวคิด KODO Design ด้านหน้าใส่เอกลักษณ์ของมาสด้าไว้อย่างครบถ้วน ทั้งกระจังหน้า Signature Wing และโคมไฟหน้าทรงเพรียวที่ถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยสมกับตัวรถ ส่วนด้านหลังยังคงมีส่วนคล้ายกับฝาแฝดที่พัฒนาร่วมกันอย่างอีซูซุ การออกแบบภายในดูดีเกินหน้าเกินตาปิกอัพ เทียบชั้นเอสยูวีด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันในรุ่น SP คุณภาพวัสดุภายในอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ต่างจากรถเก๋งและเอสยูวีรุ่นอื่นของมาสด้า ที่ใช้วัสดุภายในคุณภาพสูงเกินราคา ภายใน BT-50 ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแข็งฉีดขึ้นรูป ที่ทำพื้นผิวให้ดูดี มีส่วนที่เป็นแบบ Soft Touch ในจุดที่สัมผัสบ่อยๆ

●  มาตรวัดเป็นแบบอะนาลอคทรงกลม อ่านค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว พวงมาลัย 3 ก้านวงอวบกระชับมือ ปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้ามีความโอบกระชับกำลังดี คอนโซลกลางติดตั้งจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ใช้งานสะดวก โดยเฉพาะในทริปนี้ต้องขับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ก็แค่ใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code บนแผนที่แล้วเสียบสาย USB เลือก Google Map แสดงบนหน้าจอ มองง่ายไม่ต้องยึดสมาร์ทโฟนบนกระจกให้เกะกะสายตา

●  ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี ใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเสียงลมปะทะแค่แผ่วๆ รวมทั้งเสียงเครื่องยนต์ก็แทบไม่ได้ยิน ยกเว้นกดคันเร่งลากรอบสูง เสียงยางก็ค่อนข้างเงียบในสภาพพื้นผิวปกติ การสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ก็แทบไม่รู้สึกทั้งการขับปกติและเร่งแซง ทัศนวิสัยรอบคันอยู่ในเกณฑ์โปร่งโล่งดี แม้จะมีหมอนรองศีรษะเบาะหลังบดบังไปบ้าง หลังจากขับแล้วย้ายไปนั่งเบาะหลังจนจบทริป พบว่าที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะมีเหลือเฟือกับความสูง 169 เซนติเมตร มีที่เท้าแขนกลางเบาะหลังและแอร์หลังพร้อมช่อง USB เพิ่มความสะดวกสบาย พนักพิงเบาะหลังระบุว่าปรับความเอนมาพอดีแล้ว แต่หลังจากนั่งไกลๆ รู้สึกว่าถ้าเอนมากกว่านี้ 2-3 องศาน่าจะนั่งสบายขึ้น

เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร พึ่งพาได้ถ้าไม่ใจร้อน

●  เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบ มีให้เลือก 2 รุ่น 3.0 ลิตร 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.1 กิโลเมตรต่อลิตร (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ) และรุ่นที่ได้ทดลองขับคือ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ) เริ่มขับไม้แรกออกจากโชว์รูมแถวบางแค รวดเดียวไปพักที่คลองโคนก่อนถึงแยกวังมะนาว จากนั้นขับต่อไปถึงร้านอาหารกลางวัน ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร

●  ด้วยสไตล์การขับแบบไปเรื่อยๆ เพิ่มความเร็วตามจังหวะ และใช้ความเร็วตามกฎหมาย ถือว่าเครื่องยนต์ตอบสนองได้ทันใจเหลือเฟือ เกียร์อัตโนมัติทำงานได้อย่างราบเรียบไม่กระชากเมื่อคิกดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ความฉับไวในการเปลี่ยนเกียร์อยู่ในระดับมาตรฐาน เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก บางช่วงเป็นถนน 2 เลนสวน ต้องเร่งแซงให้เร็วที่สุดเผื่อคันอื่นในขบวนที่ขับตามมาด้วย บางจังหวะอยากให้เครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองไวขึ้นอีกนิด ลองใช้โหมด +/- ก็เพิ่มความกระฉับกระเฉงขึ้นอีกพอสมควร และในโหมดนี้จะคิกดาวน์ไม่ลง ต้องใช้การโยกคันเกียร์เท่านั้น ตลอดการเดินทางช่วงแรก 150 กิโลเมตร มีการจราจรหนาแน่นบ้าง ลองกดคันเร่งชู๊ตเพิ่มความเร็วบ้าง 2-3 ครั้ง และเร่งแซงบนถนน 2 เลนสวนหลายครั้ง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับลักษณะการขับ แต่บางคนอาจคิดว่ากินน้ำมันมากไปหน่อยกับเครื่องยนต์ความจุแค่ 1.9 ลิตร

ช่วงล่างเปลี่ยนบุคลิกจากสปอร์ตเป็นนุ่มนวล

●  BT-50 ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 รุ่น นอกจากเครื่องยนต์ที่ตอบสนองดีแล้ว อีกจุดเด่นคือ ช่วงล่างที่หนึบแน่นกว่าคู่แข่งแบบรู้สึกได้ แต่สำหรับ BT-50 โฉมใหม่ล่าสุดนี้ เน้นการเซตช่วงล่างเพื่อความนุ่มนวลเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับการวางตำแหน่งกลุ่มเป้าหมายที่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นกึ่งๆ เอสยูวีที่ยังบรรทุกของได้ โดยใช้ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระปีกนกคู่ และด้านหลังแหนบซ้อนคานแข็ง ในรุ่น 4 ประตู ที่เน้นการโดยสารเป็นหลัก ช่วงล่างจึงออกแนวนุ่มนั่งสบาย ซับแรงสะเทือนได้ดี พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ก็เบาแรง น่าจะเน้นขับง่ายขับสบายเป็นหลัก ใช้งานในเมืองได้คล่องตัว ไม่หนักแรง

●  มาสด้า BT-50 Double Cab 1.9 SP HI-RACER 6AT ปิกอัพ 4 ประตู ที่มีรูปลักษณ์ การตกแต่ง และอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งความรู้สึกในการขับและโดยสารใกล้เคียงเอสยูวี ช่วงล่างนุ่มนวล ควบคุมง่ายและเบาแรง ภายในกว้างขวางนั่งสบายพอสมควร แล้วยังมีกระบะให้บรรทุกของได้อีกพอสมควร เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร อาจจะดูเล็กไปสำหรับปิกอัพคันใหญ่ แต่ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้รีดสมรรถนะออกมาได้เกินตัว แรงเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตามระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เฉลี่ยประมาณ 17,000-23,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและประเภทน้ำมันเครื่องที่ใช้ น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาปิกอัพไว้ใช้ประกอบอาชีพ ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้พอสมควร   ●

ขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Group Test : Mazda BT-50 Double Cab 1.9 SP HI-RACER 6AT