2022 Nissan Frontier ใหม่แบบยืนเดี่ยวในตลาดอเมริกาเหนือ

841views

เรื่อง : AREA 54

● นิสสัน สหรัฐอเมริกา (Nissan USA) เปิดโรงงานในมิสซิสซิปปีผลิต Nissan Frontier เจนเนอเรชั่น 3 รุ่นปี 2022 โดยจะนับเป็นครั้งแรกที่รถรุ่นนี้แยกงานออกแบบออกมาเพื่อทำการผลิตแบบเฉพาะตัวเป็นรุ่น Standalone model ทำตลาดแบบเดี่ยวๆ เฉพาะตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ Frontier (หรือ Nissan Navara) เวอร์ชั่นตลาดโลก

● เดิมทีนั้น นิสสันเริ่มทำตลาดปิคอัพ Series D21 เป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1980s ด้วยชื่อต่างกันตามแต่ละภูมิภาค เช่น Nissan Datsun ในญี่ปุ่นเอง, Nissan Camiones ในเม็กซิโก, Nissan D21 ในจีนและชิลี, Nissan Navara ในออสเตรเลีย หรือ Nissan Big M ในบ้านเรา เป็นต้น ในขณะที่อเมริกาเหนือนั้น นิสสันทำตลาด Frontier รหัสตัวถัง D22 เป็นครั้งแรกในช่วงปี 1997 ต่อด้วยตัวถังรหัส D40 ในเจนเจนเรชั่นที่ 2 และยิงยาวมาตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบัน (2021) รวมแล้วราวๆ เกือบ 17 ปี

● ขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2014 นั้น Nissan Navara เจนเนอเรชั่น 3 ที่ผลิตในบ้านเรา และในอีกหลายประเทศ ได้แยกออกมาเป็นรุ่นรหัสตัวถัง D23 (Nissan NP300 Navara) ทำตลาดในเม็กซิโก, สเปน, อาร์เจตินา, จีน ฯลฯ จนถึงปัจจุบัน โดยไม่เกี่ยวข้องกับ D40 ในอเมริกาเหนือ… ทว่าครั้งนี้จะนับเป็นครั้งแรกที่ Nissan Frontier เวอร์ชั่นอเมริกาเหนือ จะแยกตัวออกมาเป็นเอกเทศโดยไม่เกี่ยวข้องกับรุ่นใดๆ ในตลากโลกเลย

● Frontier ใหม่ MY2022 (นับเป็นเจนเนอเรชั่น 3) ยังคงผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์ม Nissan F-Alpha ทว่ามีการโมดิฟายใหม่บางจุด ปัจจุบันใช้งานอยู่ในรถปิคอัพและ SUV หลายรุ่น อาทิ Nissan Pathfinder, Nissan Titan, Nissan Patrol หรือ Nissan Xterra เป็นต้น ตัวรถยังคงอยู่ในกลุ่มปิคอัพขนาดกลาง เลย์เอาท์เครื่องยนต์แบบวางหน้า ขับหลัง หรือ 4WD รุ่นกระบะสั้น Short bed ความยาวตัวรถ 5,339 มม. ฐานล้อ 3,200 มม. ส่วนรุ่น Long bed ยาว 5,692 มม. ฐานล้อ 3,551 มม. ความกว้างและความสูงเท่ากัน คือ 1,854 มม. และ 1,839 มม. ตามลำดับ

● อุปกรณ์มาตรฐาน (แตกต่างกันตามรุ่นย่อย) มีอาทิ มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว Advanced Driver Assist Display, จอระบบอินโฟเทนเมนท์ NissanConnect® ขนาด 9 นิ้ว พร้อม WiFi Hotspot, รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, รองรับคำสั่งเสียงด้วย Siri® Eyes Free, พอร์ท USB มีทั้ง Type-A และ Type-C, ชุดเครื่องเสียง Fender® Premium Audio พร้อมลำโพง 9 ตำแหน่ง, เบาะ Zero Gravity, ช่องเก็บของใหญ่สุดเท่าที่นิสสันเคยออกแบบมา คอนโซลกลางจุของได้ 4 ลิตร, ช่องเก็บของประตูหน้าจุ 6.5 ลิตร และประตูหลังจุ 5.7 ลิตร

● ชุดระบบความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360 มีอาทิ ระบบ Nissan Intelligent Around View Monitor แสดงผลรอบทิศทาง, ระบบ Automatic Emergency Braking ช่วยเบรคในขณะฉุกเฉิน, ระบบ Pedestrian Detection ตรวจจับคนเดินถนน, ระบบ Blind Spot Warning ช่วยเตือนจุดอับสายตา, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ High Beam Assist ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนผู้ขับขณะถอยพร้อมฟังก์ชั่น Rear Automatic Braking ช่วยหยุดอัตโนมัติก่อนการชนขณะถอย, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบ Trailer Sway Control ควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง เป็นต้น

● พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 รหัส VQ38DD รุ่นปรับปรุงใหม่ ออกแบบชิ้นส่วนใหม่มากกว่า 93% ความจุ 3.8 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ กำลังสูงสุด 314 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 38.8 กก.-ม. รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 730 กก. สมรรถนะในการลากจูงสูงสุด 3,048 กก.

● เกรดรุ่นย่อยในการจำหน่ายมี King Cab S หรือ SV แยกเป็นรุ่น 2WD หรือ 4WD, Crew Cab S หรือ SV หรือ SWB แยกเป็น 2WD หรือ 4WD ปิดท้ายด้วยรุ่นออฟ-โรด ตัวถัง Crew Cab PRO-X 2WD และ PRO-4X 4WD (เกรด PRO-4X มากับ Skid plates เฉพาะรุ่น, ดิฟฟ์ล็อคแบบอิเลคทรอนิคส์, เพลา DANA และช๊อคแอบซอร์บเบอร์ Bilstein) นอกจากนี้อุปกรณ์เสริมภายใต้แบรนด์ Nissan เองและ NISMO รวมแล้วยังมีให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมอีกมากกว่า 85 รายการ

● นิสสันจะเริ่มจำหน่าย Frontier ใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2021 นี้ (ราวเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป) ราคาจำหน่ายยังไม่ระบุครับ ●