Honda Civic RS บุคลิกผู้ใหญ่ หัวใจวัยรุ่น

2.8Kviews

เรื่อง – ภาพ : นาธัส แสงสุริยะ

● ทิ้งช่วงจากการเปิดตัวไม่นาน ทีมงานมอเตอร์ทริเวียก็มีโอกาสทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ รุ่นย่อยสูงสุด RS ราคา 1,199,900 บาท นัดหมายที่ศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้า ก่อนเข้าร่วมกิจกรรมต้องทำ Swab Test : Rapid Antigen Test ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด แล้วลุ้นว่าจะได้ขับหรือต้องกลับบ้านไปกักตัว เมื่อผลตรวจเป็นลบจึงได้รับรถไปขับตั้งแต่ 8.00 น. และส่งคืนไม่เกิน 12.00 น. เผื่อเวลาให้ฆ่าเชื้อทำความสะอาดรถทุกจุด ก่อนส่งต่อให้กลุ่มต่อไปในช่วงบ่าย

ลดความเปรี้ยว เพิ่มความกลมกล่อม

● รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคใหม่เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่า เส้นตัวถังหลักดูสุขุมสุภาพเรียบร้อยขึ้น เปรียบเหมือนวัยรุ่นที่เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังแฝงความสปอร์ตไว้ในแนวเส้นรองที่เฉียบคม เดินดูรอบคันแล้วคิดไปเองว่า ฮอนด้าอาจจะอยากขยายกลุ่มเป้าหมายของซีวิคให้กว้างขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะวัยรุ่นเหมือนโฉมก่อนหน้า แน่นอนว่ายังคงเป็นรถที่ออกแนววัยรุ่น แต่วัยผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหรือวัยรุ่นตอนกลางถึงตอนปลายก็ยังขับได้แบบไม่เคอะเขิน

● เด่นชัดว่าเป็นรุ่น RS จากการตกแต่งด้วยสีดำในจุดต่างๆ เช่น กรอบกระจกมองข้าง ที่เปิดประตู ล้อแม็ก เสาอากาศ และสปอยเลอร์หลังที่มีเฉพาะรุ่น RS การตกแต่งด้วยสีดำเงานี้ถ้าจับคู่กับสีรถที่เหมาะสมจะดูสวยงามมาก โดยส่วนตัวชอบสีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ซึ่งเป็นสีเฉพาะรุ่น RS ด้านหน้ามองผ่านๆ คล้ายแอคคอร์ด น่าจะเป็นแนวทางการออกแบบใหม่ของฮอนด้า กันชนและกระจังเป็นชิ้นเดียวกัน ลดรอยต่อทำให้ดูกลมกลืน ไฟหน้า LED ทรงเฉียงกับกระจังสีดำช่วยเพิ่มความดุดัน

● มุมมองด้านข้างดูแบนยาวด้วยฐานล้อที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,733 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 2,698 มิลลิเมตร) ดูเป็นรถซีดานขนาดกลาง ฝากระโปรงหน้าและขอบล่างของกระจกประตูหรือ Beltline เป็นแนวเส้นเดียวกัน ให้มุมมองที่มั่นคงเรียบง่ายสะอาดตา ดูมีความเคลื่อนไหวด้วยเส้นคาดด้านข้างบนและล่าง ซุ้มล้อขนาดใหญ่ทำให้ล้อพร้อมยาง 215/50 R17 ดูเล็กไปนิด

● เดินไปดูรุ่น EL+ ที่จอดโชว์ไว้ใกล้ๆ กัน เห็นว่าฝากระโปรงท้ายเดิมก็ยกสันค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว แต่ในรุ่น RS จะถูกปิดทับด้วยสปอยเลอร์หลังทรง Wing สีดำ รับกับเสาอากาศครีบฉลามได้เป็นอย่างดี โคมไฟท้ายขนาดใหญ่ ใช้ระบบส่องสว่างแบบ LED ให้อารมณ์สปอร์ตด้วยท่อไอเสียแยกซ้าย-ขวา กันชนหลังเว้าหลบโชว์ปลายท่อโครเมียม

● มิติตัวรถมีความยาว 4,678 มิลลิเมตร กว้าง 1,802 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,547/1,587 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,334 กิโลกรัม

ห้องโดยสารมีเสน่ห์ชวนให้ขับ

● ถูกใจเป็นพิเศษกับภายในห้องโดยสาร ทั้งการออกแบบ วัสดุที่ใช้ อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ รวมทั้งความกว้างขวาง การออกแบบภายในเน้นความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์เช่นเดียวกับภายนอก เส้นสายดูคลีนสะอาดตาแฝงลูกเล่น โดดเด่นด้วยช่องแอร์ลายรังผึ้งแบบยาวต่อเนื่องตลอดแนวแผงคอนโซล พร้อมก้านปรับทิศทางลมแบบคันโยก ถ้าปิดช่องแอร์ด้วยการหมุนคันโยกด้วยจะเท่สุดๆ คอนโซลด้านบนและแผงประตูบางส่วนบุด้วยวัสดุอ่อนนุ่มชวนสัมผัส

● พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงสปอร์ต 3 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อม Paddle Shift หุ้มหนังคุณภาพดีจับเนียนมือ วงอวบกระชับเดินตะเข็บด้ายแดงดูสปอร์ต ปุ่มบนพวงมาลัยจัดวางเป็นระเบียบใช้งานง่าย ชุดมาตรวัดดิจิตอลแบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เป็นอีกจุดที่ทำได้ดีเกินราคา ทั้งการแสดงผลที่ลื่นไหล อย่างเข็มวัดรอบที่ตวัดขึ้นลงราบรื่นเหมือนวัดรอบอะนาล็อก ด้วยความเป็นดิจิตอลจึงปรับเปลี่ยนการแสดงผลและใส่ลูกเล่นต่างๆ ได้ไม่จำกัด ทั้งการแสดงผลร่วมกับระบบความบันเทิงบริเวณกลางมาตรวัดรอบฝั่งซ้าย และแสดงข้อมูลการขับบริเวณกลางมาตรวัดความเร็วฝั่งขวา มาตรวัดทั้ง 2 ฝั่งจะย่อเล็กลงนิดหน่อยเพื่อเปิดพื้นที่ตรงกลางสำหรับแสดงข้อมูลของครูสคอนโทรล ที่มีไอคอนรูปรถ แสดงสัญญาณไฟเลี้ยวและไฟเบรกเมื่อผู้ขับเปิดไฟเลี้ยวหรือเบรกด้วย นับเป็นลูกเล่นปลีกย่อยที่น่าสนใจ

● จอทัชสกรีนขนาด 9 นิ้ว ที่คอนโซลกลาง ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะให้ความคมชัดสีสันสวยงามแล้ว ยังตอบสนองรวดเร็วติดมือ รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ใช้ร่วมกับระบบความบันเทิงต่างๆ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถ แสดงภาพด้านซ้ายของตัวรถพร้อมเส้นกะระยะเมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้าย เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังก็จะแสดงภาพด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะแบบแปรผันตามการหมุนพวงมาลัย แตะหน้าจอเพื่อเปลี่ยนมุมมองภาพได้ รถสามารถปรับตั้งระบบต่างๆ ได้อย่างละเอียด ถ้าติดขัดตรงไหนก็เข้าไปอ่านคู่มืออิเล็กทรอนิกส์ได้ ไหนๆ ก็เชื่อมต่อแบบไร้สายได้แล้ว ก็เลยมีแท่นชาร์จแบบไร้สายมาให้ด้วย ช่วยลดความรุงรังไปได้เยอะ

● นอกจากช่องแอร์ที่เป็นจุดสนใจแล้ว สวิตช์ควบคุมระบบแอร์ก็เป็นจุดที่ต้องพูดถึง เพราะออกแบบได้อย่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน จึงใช้งานได้อย่างรวดเร็ว มีลูกเล่นอยู่ที่ปุ่มปรับแรงลมแอร์ ที่มีจอเล็กๆ แสดงความแรงลมอยู่ตรงกลางปุ่ม และเมื่อสั่งงานระบบแอร์ จะมีการแสดงผลบนจอกลางคอนโซลด้วย ทุกปุ่มหรือสวิตช์ต่างๆ ให้สัมผัสที่หนักแน่นและมีราคาเมื่อกดหรือหมุน ทำให้ขับใช้งานรถรุ่นนี้ได้อย่างมีความสุข

● เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ เบาะรองขาสั้นไปนิด ความหนานุ่มพอเหมาะกระจายแรงกดได้ดี ขับได้นานโดยไม่เมื่อยก้น เช่นเดียวกับความโอบกระชับที่กำลังดี งานหุ้มเบาะดูดีทั้งวัสดุและความประณีต ปรับเบาะผู้ขับให้พอดีกับความสูง 169 เซนติเมตรแล้วย้ายไปนั่งเบาะหลังฝั่งผู้ขับ มีที่ว่างเหลือเฟือทั้งขาและศีรษะ มี USB-A 2 ช่อง ผู้โดยสารด้านหลังไม่ต้องแย่งกัน เบาะหลังมีที่เท้าแขนและหมอนรองศีรษะปรับระดับได้

● การเก็บเสียงรบกวนอยู่ในระดับกลางๆ ไม่เด่นไม่ด้อย ทั้งเสียงเครื่องยนต์ที่รอบสูง เสียงลมปะทะ และเสียงยาง มีให้ได้ยินตั้งแต่ความเร็วแตะ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทรงรถดูเตี้ยแบนแต่เมื่อปรับท่านั่งให้ถูกต้องแล้วก็ขับง่าย ทัศนวิสัยโดยรวมถือว่าดี ขับได้อย่างผ่อนคลาย ขับนานๆ ไม่รู้สึกล้า และเพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมในห้องโดยสารที่ทำมาได้ดีจริงๆ เป็นรถที่น่าขับและขับได้นานโดยไม่เบื่อ

VTEC TURBO จะแรงหรือประหยัดอยู่ที่เท้าขวา

● ซีวิคใหม่ทุกรุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VTEC TURBO ความจุ 1,498 ซีซี 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร หรือ 24.5 กก.-ม. ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 ถังน้ำมันจุ 47 ลิตร

● แม้โดยส่วนตัวเป็นคนขับรถสไตล์หวานเย็น แต่ก็ชอบขับรถที่มีกำลังสำรองเผื่อไว้ ซึ่งซีวิคใหม่ก็มีให้อย่างเหลือเฟือ ขับชิลๆ ความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์หมุนแค่ 1,400-1,600 รอบต่อนาที แต่เมื่อเติมคันเร่งลงไป รถก็พร้อมเพิ่มความเร็วได้อย่างทันใจ ขึ้นอยู่กับว่ารีบแค่ไหน กดคันเร่งเน้นๆ แต่ไม่ถึงจังหวะคิ๊กดาวน์ก็สัมผัสถึงแรงบิดที่มาในช่วงรอบกว้างได้แล้ว แต่ก็แน่นอนว่าการคิ๊กดาวน์จะช่วยให้เร่งได้ทันใจกว่า โดยเฉพาะในเกียร์ CVT ที่ไม่มีช่วงรอบตก ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่อื้ออึง รวมทั้งความสิ้นเปลืองและการสึกหรอที่เพิ่มขึ้น

● โดยส่วนตัวตลอดการทดลองขับไม่มีช่วงไหนที่รู้สึกว่าอืดหรืออึดอัด เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนขับแบบไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ มีลองอัตราเร่ง 2-3 ครั้งก็หวือหวาทันใจ ปรับโหมด SPORT รอบจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย เตรียมพร้อมสำหรับการกระแทกคันเร่ง ถ้าใช้ Paddle Shift ในโหมดนี้จะคิ๊กดาวน์ไม่ได้ ถ้าจะกลับไปโหมด D ปกติ ก็ให้ดึง Paddle Shift ฝั่งขวาค้างไว้ประมาณ 3 วินาที

● อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตลอดการทดลองขับ ได้ประมาณ 14 กิโลเมตรต่อลิตร ห่างไกลจากที่ฮอนด้าเคลมไว้ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ดูจากแนวโน้มแล้วน่าจะทำได้ใกล้เคียง ถ้าใช้ความเร็วปานกลางและคงที่ต่อเนื่อง โดยรวมพอใจกับเครื่องยนต์บล็อกนี้ แรงเหลือๆ สำหรับคนใจเย็น และถ้าขับไม่ดุเดือดก็น่าจะถูกใจคนที่ขี้เกียจแวะปั๊มบ่อยๆ

นุ่มนวล หนักแน่น และผ่อนคลาย

● น่าจะเป็นคำอธิบายสั้นๆ ของระบบกันสะเทือนของซีวิค ใหม่ ที่เป็นแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ ขับความเร็วต่ำนุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ ความเร็วสูงหนักแน่นแต่ไม่สะท้าน พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักมาค่อนข้างหนืดซึ่งเป็นแบบที่ชอบ การตอบสนองของพวงมาลัยมีความลื่นไหลต่อเนื่อง และไม่วูบวาบเมื่อใช้ความเร็วสูง ฟิลลิ่งของช่วงล่างรวมๆ เหมือนจะเซตมาออกแนวผู้ใหญ่นิดๆ ให้น้ำหนักไปที่การควบคุมง่ายมากกว่าการตอบสนองที่ฉับไว ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ผลงานตามเกณฑ์ไม่เด่นไม่ด้อย แต่ถ้าสร้างแรงดูดแรงดึงมากกว่านี้อีกนิดก็น่าจะดี

● ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ รุ่น RS ภายนอกแต่งสวยและแตกต่างจากรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ห้องโดยสารใส่ใจในรายละเอียด ทั้งการออกแบบและฟังก์ชั่นการใช้งาน อุปกรณ์มาตรฐานทั้งเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย ให้มาแบบล้นๆ คุ้มค่ากับราคา 1.2 ล้าน ทอนร้อยนึง

● ข้อมูลเพิ่มเติม www.honda.co.th/civic ●