August 19, 2021
Motortrivia Team (10196 articles)

All New MG5 ลองสมรรถนะและฟังก์ชั่นในสนามทดสอบ

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●   เริ่มต้นด้วยการสัมผัสคันจริง กันอย่างเต็มอิ่ม ต่อเนื่องด้วยการเรียกเสียงฮือฮาด้วยราคาสุดคุ้ม ล่าสุดได้ลองขับ MG5 ใหม่กันอย่างจุใจในสนามทดสอบ MG Driving Experience เน้นเรื่องแฮนด์ลิ่งหรือความรู้สึกในการควบคุมรถ พร้อมเรียนรู้การใช้งานแอพพลิเคชั่น MG iSMART โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ Digital Key Technology ใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ สั่งล็อก/ปลดล็อกรถ หรือค้นหารถได้ผ่านแอพฯ บนสมาร์ทโฟน

iSMART + Digital Key ฟังก์ชั่นล้ำสมัยในราคาที่เอื้อมถึง

●   ข้อดีของ Digital Key Technology คือ ไม่ต้องพกกุญแจรถให้เกะกะ เพราะทุกคนมีสมาร์ทโฟนติดตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังสามาถส่ง Digital Key ให้ผู้อื่นได้ด้วย โดยสามารถกำหนดว่าให้เข้าถึงรถได้แค่ไหน เช่น กำหนดให้ปลดล็อกรถได้ แต่ไม่ให้สตาร์ทรถ และกำหนดช่วงเวลาในการใช้ Digital Key ได้ด้วย และสามารถยกเลิกได้ตลอดเวลา ถ้ายกเลิกขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน จะยังสามารถใช้รถต่อไปได้จนกว่าจะดับเครื่องยนต์ จากนั้นรถจะล็อกโดยอัตโนมัติ

●   ถ้าใช้ Digital Key โดยไม่พกกุญแจรถไว้กับตัว จะไม่สามารถใช้ Smart Entry ล็อก/ปลดล็อกรถด้วยการกดปุ่มบนที่เปิดประตูรถได้ ต้องสั่งงานผ่านแอพเท่านั้น และถ้าเปิดใช้งาน Digital Key แล้วลืมกุญแจไว้ในรถ จะยังสามารถล็อกรถได้ด้วย Digital Key เพราะระบบรู้ว่ามีการใช้งาน Digital Key ควบคู่กันไปด้วย การใช้งาน Digital Key มีขั้นตอนเล็กน้อย ต้องเปิดแอพฯ MG iSMART และเข้าเมนูเพื่อไปยังฟังก์ชั่น Digital Key ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน แต่ในอนาคตอาจแยกฟังก์ชั่น Digital Key ออกมาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

●   นอกจากนี้แอพ iSMART ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับการใช้รถในยุคแห่งการเชื่อมต่อได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ความปลอดภัยในการใช้รถ ตรวจสอบความผิดปกติของรถและแจ้งเตือน บันทึกการนัดหมายเข้าศูนย์บริการ, เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ครอบคลุมทั้งการโทรศัพท์ ฟังเพลง หรือระบบปรับอากาศ รวมถึงการดูสภาพการจราจรแบบ Real Time, พยากรณ์อากาศ, แนะนำร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งการฟังเพลงฮิตได้จากทั่วโลกแบบออนไลน์ได้

ขับเต็มอิ่มในสนามทดสอบ

●   การขับในสนามทดสอบ มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องระวังรถคันอื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทาง ใช้สมาธิกับรถได้อย่างเต็มที่ ใช้ความเร็วได้อย่างปลอดภัยตราบใดที่ไม่เกินความสามารถของผู้ขับและสนาม เพื่อความปลอดภัยและการเว้นระยะห่าง จึงไม่มีเจ้าหน้าที่นั่งคู่ไปด้วย เป็นการขับเดี่ยวตามสบายภายในสนาม ซึ่งช่วงที่ขับไม่มีรถคันอื่นอยู่ในสนามเลย จึงได้ลองขับหลายรูปแบบและหลายรอบ

●   ออกจากจุดสตาร์ทเป็นสเตชั่น Lane Change กว้างๆ จากนั้นมีช่วงชู๊ตสั้นๆ ก่อนเข้า Lane Change ความเร็วสูง ต่อเนื่องด้วยสลาลอม และวิ่งลัดเลาะไปตามทางที่มีโค้งซ้ายแคบ ต่อด้วยโค้งกว้างซ้าย-ขวา และยูเทิร์นแคบและกว้าง ก่อนกลับเข้าสู่จุดสตาร์ท

เครื่องยนต์ไม่แรงแต่ไม่อืด

●   ก่อนทำตลาดรถรุ่นนี้ มีการสำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้วว่า อยากได้รถที่รูปลักษณ์สวยงามทันสมัยทั้งภายในและภายนอก ฟังก์ชั่นครบ ส่วนเครื่องยนต์ไม่เน้นความแรง ซึ่ง MG5 ใหม่ ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ส่วนเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบฯ แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบฯ คิดว่าน่าจะอืดเพราะต้องรับภาระตัวรถขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่จากการลองขับก็ไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นคนขับรถสไตล์เรื่อยๆ อยู่แล้ว

●   ลองขับช้าๆ แล้วกดคันเร่งหนักเพื่อคิ๊กดาวน์เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ รอบสวิงขึ้นสูงก็จริง แต่เหมือนรถจะตื้อๆ ไม่พุ่งอย่างที่คาดหวัง ลองเปลี่ยนเป็นการค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักการกดคันเร่งในเกียร์เดิม ให้รอบค่อยๆ ไต่ขึ้นไป กลับรู้สึกว่ารถเพิ่มความเร็วได้ดีกว่า อาจเป็นเพราะการเลี้ยงรอบให้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ รอบแรงบิดสูงสุด เครื่องยนต์จึงตอบสนองได้ดี และระบบส่งกำลังแบบ CVT ที่มีพฤติกรรมต่างจากเกียร์แบบฟันเฟืองอยู่บ้าง

●   ที่ความเร็วช่วง 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รู้สึกว่าคันเร่งเบาลง กดคันเร่งเพิ่มนิดเดียวรถก็เริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นแล้ว เครื่องยนต์บล็อกเล็กแรงบิดน้อยและเกียร์อัตโนมัติ CVT เมื่ออยู่ในรถตัวถังกึ่งใหญ่จึงต้องทำความคุ้นเคยกันสักพัก เมื่อรู้จังหวะก็สามารถควบคุมคันเร่งให้รถตอบสนองได้ดีพอสมควร แน่นอนว่าไม่แรงหวือหวาแต่ก็ไม่อืด ใช้งานได้สบายๆ โดยเฉพาะในเมือง และสามารถทำความเร็วสูงได้ แต่ต้องใช้ระยะทางและเวลามากหน่อย ขับเดินทางไกลได้สบายๆ

●   ช่วงล่างหนึบแน่นมั่นคง เรียกได้ว่ารองรับเครื่องยนต์ที่แรงกว่านี้ได้ แต่ในเมื่อความแรงไม่ใช่ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะมีรุ่น 1.5 เทอร์โบหรือไม่ ระบบกันสะเทือนของ MG5 เป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม เป็นระบบกันสะเทือนมาตรฐานของรถในกลุ่มนี้ แต่ที่ทำได้ดีเกินมาตรฐานคือ ความหนึบแน่นของช่วงล่าง ที่เมื่อคุ้นเคยกับสนามทดสอบแล้ว ลองเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ผู้ขับไปต่อไม่ไหว แต่รถยังไปได้อีกเยอะ

●   ระบบกันสะเทือนเซตมาในแบบที่ชอบ คือ หนึบแน่น ไม่นุ่มนิ่มยวบย้วย ทำให้รถมีความคล่องแคล่ว ไม่โยนตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ควบคุมง่ายและแม่นยำ การโคลงตัวมีไม่มากนักเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินปกติไปบ้าง การเบรกหนักๆ ที่ความเร็วสูง รถแทบไม่มีอาการหน้าทิ่มท้ายยก ส่วนที่ความเร็วต่ำก็ยังซับแรงสะเทือนได้ดี ลองรูดไหล่ทางที่ทำเป็นตัวหนอนเล็กๆ ก็รู้สึกว่าช่วงล่างหนักแน่นดี โดยรวมเป็นช่วงล่างที่เอนเอียงไปทางความหนึบ แต่ยังมีความนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง ส่วนระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ผลงานตามมาตรฐาน ไม่จับตัวเร็วเกินไปจนหัวทิ่มหัวตำ สร้างแรงเบรกได้สัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าที่เหยียบแป้นเบรก ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย และเบรกได้นุ่มนวล

●   อีกหนึ่งความโดดเด่นคือ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ที่ปรับการผ่อนแรงได้ 3 ระดับ ลองปรับเบาสุดกับหนักสุด จะเห็นความแตกต่างชัดเจน แต่สิ่งที่เหมือนกันในทุกระดับการผ่อนแรงคือ ความรู้สึกในการหมุนพวงมาลัยที่ราบเรียบต่อเนื่อง และให้ความรู้สึกเป็นพวงมาลัยที่มีการเชื่อมต่อกับล้อที่สัมผัสถนน ทำให้สื่อสารกับรถได้ดี ส่วนความแม่นยำและความเร็วในการตอบสนองอยู่ในระดับกลางๆ เน้นขับสบายไม่ต้องเคร่งเครียดกับการบังคับพวงมาลัยมากนัก

รูปลักษณ์ยั่วตา ราคายวนใจ

●   ทดลองขับรุ่นสูงสุด MG5 X 689,000 บาท (อีก 2 รุ่น MG5 C ราคา 559,000 บาท และ MG5 D ราคา 599,000 บาท) รถรุ่นนี้เด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว เน้นเส้นสายเฉียบคม สอดรับกันได้อย่างลงตัวไม่รกตา ด้านข้างเมื่อแสงตกกระทบได้จังหวะ ให้ความรู้สึกหนักแน่นมีพลัง สะดุดตานิดเดียวตรงปลายท่อไอเสียคู่แบบหลอก และใบปัดน้ำฝนแบบโครงเหล็กดั้งเดิม นอกนั้นถือว่าทำได้น่าพอใจทั้งดีไซน์และคุณภาพวัสดุ

●   ห้องโดยสารตามสไตล์ MG ยุคใหม่ ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดทั้งงานออกแบบ คุณภาพวัสดุ และความประณีตในการประกอบ ทำได้ดีเกินราคา แม้วัสดุบางส่วนเป็นพลาสติกแข็งด้วยข้อจำกัดของต้นทุน แต่ก็ทำออกมาได้ดีมีราคา การใช้งานสวิตช์ต่างๆ มีความหนักแน่น ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดี มาตรวัดแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว แสดงผลได้หลายหลายและเป็นศูนย์กลางการปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถ จอสัมผัสที่คอนโซลกลางขนาด 10 นิ้ว ให้ภาพคมชัดเกินราคา ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างทันใจลื่นไหลไม่สะดุด แสดงข้อมูลที่ได้จากการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนต และเป็นกล้องมองรอบคัน 360 องศา ที่สามารถสัมผัสหน้าจอเพื่อเปลี่ยนมุมมองได้

●   พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับสูง-ต่ำได้ เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า เห็นเป็นรถทรงสปอร์ตค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อปรับท่านั่งให้ถูกต้องแล้วก็ให้ทัศนวิสัยรอบคันที่ดี ขับได้อย่างมั่นใจ แนวหลังคาลาดต่ำลงสู่ด้านหลังคล้ายรถคูเป้ ไม่ได้สร้างปัญหาให้ผู้โดยสารด้านหลังที่มีส่วนสูงระดับ 170 เซนติเมตร พื้นที่เหนือศีรษะยังเหลือเฟือ ส่วนพื้นที่หัวเข่าของผู้โดยสารด้านหลังฝั่งผู้ขับไม่ต้องพูดถึง เหลือประมาณ 20 เซนติเมตร นั่งไขว้ห้างได้สบาย ภายในติแค่เรื่องไฟส่องสว่างยังเป็นหลอดไส้สีเหลือง ไม่เข้ากับภายในที่แพรวพราวทันสมัย กระจกมองหลังไม่ตัดแสงอัตโนมัติ เบาะหลังที่พับลงทั้งแผง และไม่มีที่เท้าแขนตรงกลาง เข้าใจว่าเป็นเรื่องของต้นทุน แต่ก็ยังโลภมากอยากได้อยู่ดี

●   All New MG5 เด่นที่รูปลักษณ์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในกว้างขวาง อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี รวบรวมทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยไว้ในแอพพลิเคชั่น MG iSMART ล้ำสมัยด้วย Digital Key ใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ ขับสนุกมั่นใจด้วยช่วงล่างที่เซตมาหนึบแน่น และพวงมาลัยฟิลลิ่งดี เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร เริ่มลอยตัวช่วงรอบกลางๆ ขับได้เรื่อยๆ ไม่ถึงกับอืด ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขอติดไว้ก่อน    ●

Test Drive : 2021 MG5