September 29, 2021
Motortrivia Team (10069 articles)

MICHELIN Pilot Sport EV ยางรุ่นแรกสำหรับสปอร์ตไฟฟ้า

motortrivia

●   มิชลินเปิดตัวยางรุ่นใหม่ MICHELIN Pilot Sport EV ยางรุ่นแรกในตระกูล มิชลิน ไพลอต สปอร์ต ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานในรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยการเปิดตัวยางรุ่นนี้มีขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย

●   นันทิยา พิทักษ์วงษ์ดีงาม ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2563 จำนวนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งสูงถึงกว่า 10 ล้านคัน เป็นที่ชัดเจนว่ายานยนต์ไฟฟ้าคือแนวโน้มสู่อนาคตปี 2573 แต่ที่มิชลิน…เราต้องการสร้างอนาคตเรื่องการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงภูมิใจนำเสนอยาง มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากประสบการณ์กว่า 6 ปี ของมิชลินในการแข่งขัน ฟอร์มูลา อี ส่งผลให้ยางรุ่นนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นในการส่งเสริมสมรรถนะของรถสปอร์ตไฟฟ้าให้ถึงขีดสุด ทั้งยังให้ความเพลิดเพลินและความปลอดภัยที่เหนือกว่าขณะขับขี่”

●   มิชลินระบุว่า MICHELIN Pilot Sport EV มีจุดเด่น อาทิ ศักยภาพในการยึดเกาะทั้งบนถนนเปียกและถนนแห้ง (3, 4) ไม่ว่ายางจะสึกอยู่ที่ระดับใดก็ตาม (5) โดยคำนึงถึงน้ำหนักตัวรถและการกระจายน้ำหนักที่มากกว่าของรถสปอร์ตไฟฟ้า, มีความสามารถในการต้านทานการสึกหรอที่ดี (6) สามารถรองรับแรงกระทำจากการเร่ง หรือรับแรงบิดสูงซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของรถสปอร์ตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

●   มีแรงต้านทานการหมุนต่ำ (low rolling resistance) ส่งผลให้มีระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 60 กม. (7) และมีประสิทธิภาพในการลดระดับเสียงรบกวนลงได้ 20% ด้วยเทคโนโลยี MICHELIN Acoustic™ ใช้โฟมโพลียูรีเธนที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (1)

●   MICHELIN Pilot Sport EV นับเป็นยางที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากการแข่งขัน Formula E ซึ่งมิชลินเป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ก่อตั้งการแข่งขันซีรี่ส์นี้ และได้ทำการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับรถแข่งพลังงานไฟฟ้าประเภทล้อเปิด ที่นั่งเดี่ยว ซึ่งใช้ในการแข่งขัน

●   ยางมิชลินที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Formula E มีลักษณะเหมือนกับยางสำหรับวิ่งบนถนนทางเรียบ แต่มีประสิทธิภาพสำหรับการแข่งขันในทุกสภาพอากาศ โดยขนาดยางซึ่งอยู่ที่ 19 นิ้วนั้น เป็นไปตามมาตรฐานยางสำหรับรถยนต์ทางเรียบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

●   MICHELIN Pilot Sport EV คือนวัตกรรมที่มิชลินพัฒนาจากการแข่งขัน Formula E กว่า 6 ฤดูกาล ตัวยางมาพร้อมเทคโนโลยี ElectricGrip Compound™ ใช้เนื้อยางที่มีความแข็งแกร่งสูงบริเวณตอนกลางของหน้ายาง ให้การยึดเกาะที่รองรับแรงบิดสูงของรถสปอร์ตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันแก้มยางยังมีลวดลายและลักษณะพื้นผิวคล้ายกำมะหยี่ เช่นเดียวกับยางมิชลินที่ใช้ในรถแข่ง Formula E ด้วย

●   นอกจากนี้ MICHELIN Pilot Sport EV ยังเป็นยางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ในกระบวนการก่อนการขาย ณ จุดขาย (2)

●   MICHELIN Pilot Sport EV มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตลอดอายุการใช้งานยาง โดยมิชลินได้ให้คำมั่นที่จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ในกิจกรรมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และการขนส่งผลิตภัณฑ์ยางไปยังจุดจำหน่าย กระบวนการนี้ครอบคลุมการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการต่างๆ ที่มุ่งชดเชยและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยาง และตกค้างอยู่ ผ่านกองทุนคาร์บอน Livelihoods Carbon Fund (LCF) จนกว่าจะสามารถขจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือศูนย์ ซึ่งมิชลินเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์รายเดียวที่มีบทบาทในตลาดยางรถสปอร์ตไฟฟ้า ทั้งประเภทยางมาตรฐานติดรถ และยางเปลี่ยนทดแทน

●   MICHELIN Pilot Sport EV จะเริ่มทยอยวางจำหน่ายภายในปี 2564 นี้ โดยสามารถเลือกได้ 16 ขนาด ประกอบด้วยยางมาตรฐานติดรถ 11 ขนาด และยางสำหรับเปลี่ยนทดแทน 5 ขนาด รองรับการใช้งานร่วมกับล้อขอบ 18 – 22 นิ้ว

●   ปัจจุบัน MICHELIN Pilot Sport EV ขนาด 20 นิ้ว ได้รับการรับรองให้ใช้งานอยู่ใน Tesla Model Y ซึ่งทำตลาดในประเทศจีน และจะเป็นยางโกลบอลที่ทำตลาดทั่วโลกด้วย โดยครอบคลุมการใช้งานกับรถยนต์ในตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือในช่วงปลายปี 2564 นอกจากนี้ มิชลินยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายในตลาดที่มีการเติบโตสูงให้ได้เป็น 8 เท่า ภายในปี 2567

●   สำหรับประเทศไทย ผู้ที่สนใจยาง MICHELIN Pilot Sport EV สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ 7 ขนาด (ขอบ 19 – 22 นิ้ว) ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ ไทร์พลัส และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ MICHELIN Hotline โทร. 02-700-3993 หรือ www.michelin.co.th     ●

1. ผลการวัดระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (ช่วงความถี่ 170-230 เฮิรตซ์) ซึ่งดำเนินการเมื่อปี 2559 โดยใช้รถ KIA Cadenza ที่ติดตั้งยางขนาด 245/45 R19 ทั้งนี้ เป็นการวัดระดับเสียงรบกวนที่ช่วงความถี่ 170-230 เฮิรตซ์ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรถยนต์ที่ใช้ ขนาดและระยะวิ่งของยาง ความเร็วในการขับขี่ ตลอดจนสภาพถนน

2. มิชลินสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากพื้นที่โรงงานลงได้ถึงร้อยละ 25 มาตั้งแต่ปี 2553 และตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ทั้งนี้ มิชลินได้สนับสนุนเงินทุนให้กับโครงการต่างๆ ที่มุ่งดูดซับหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ได้รับคาร์บอนเครดิตจากโครงการเหล่านี้เทียบเท่ากับระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตกค้างในกระบวนการผลิตยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ยางให้กับลูกค้า) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Livelihoods Carbon Fund ได้ที่: www.michelin.com/en/sustainable

3. มิชลินได้ทำการศึกษาเรื่องความหนึบในการเข้าโค้งเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยนำยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ และยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี’ ขนาด 255/45 R19 มาทดสอบเปรียบเทียบสมรรถนะด้วยเครื่องจักรกล

4. ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ ได้รับฉลาก EU ระดับ B ในเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียก

5. ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ ขนาด 255/45 R19 ที่นำมาทดสอบ ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก [“ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงถูกทำให้สึกหรอด้วยเครื่องจักรจนลึกถึงสะพานยาง ตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปเรื่องสะพานยาง (ECE R30r03f)] ล้วนมีคุณสมบัติเหนือกว่ามาตรฐานข้อกำหนดเรื่องประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียกตามระเบียบข้อบังคับของยุโรปที่ R117

6. โครงสร้าง MaxTouch Construction ช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับพื้นผิวถนน ทั้งยังช่วยกระจายแรงกดให้สม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานยาวนานขึ้น ทั้งยังให้สมรรถนะดีดังเดิม

7. มิชลินได้ทำการศึกษาเรื่องแรงต้านทานการหมุนของล้อเมื่อเดือนตุลาคม 2563 โดยเปรียบเทียบระหว่างยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (แรงต้านทานการหมุน 6.7 กิโลกรัม/ตัน) และยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี’ (แรงต้านทานการหมุน 8.8 กิโลกรัม/ตัน) ที่ขนาด 255/45 R19 เท่ากัน โดยใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 2,151 กิโลกรัม ซึ่งจะวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง แรงต้านทานการหมุนของล้อที่ต่างกัน 2.1 กิโลกรัม/ตันส่งผลให้ระยะทางวิ่งของยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ เพิ่มขึ้นอีกกว่า 60 กิโลเมตร หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของระยะทางประเมินเบื้องต้น

MICHELIN Pilot Sport EV