ลองขี่ Royal Enfield Meteor 350 ครูสเซอร์ที่ขี่สนุกได้ทุกวัน
เรื่อง : สันติภพ นิ่มเล็ก
● หลังจาก รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มครูสเซอร์รุ่นใหม่ Royal Enfield Meteor 350 ที่มี 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Fireball, Stellar และ Supernova ออกสู่ท้องตลาดให้เหล่า “ไบเกอร์” จับจ้องด้วยความน่าสนใจของตัวรถ แถมเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีราคาค่าตัวสามารถจับต้องได้ง่าย
● Royal Enfield Meteor 350 คือตัวแทนของความเป็นอมตะแห่งการขับขี่และจิตวิญญาณของการออกเดินทางด้วยสไตล์การออกแบบที่ร่วมสมัย ผสานกับรูปทรงของตัวรถที่มีความคลาสสิก พร้อมสำหรับโลดแล่นบนท้องถนนในเมืองด้วยการขับขี่ที่ง่ายและสะดวกสบาย โดย รอยัล เอนฟิลด์ เผยว่า Meteor 350 เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่เข้ามาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับรถในไลน์อัพครูสเซอร์ ต่อจากมอเตอร์ไซค์รุ่น Citybike เป็นรุ่นแรกในประเทศอินเดีย ตามมาด้วยด้วย Lightning, Thunderbird และ Thunderbird X จนมาถึง Meteor 350 นับเป็นรุ่นล่าสุด
● Royal Enfield Meteor 350 ตัวรถมากับแชสซีส์ใหม่แบบ Twin Downtube Spin Frame ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตำแหน่งเบาะนั่งต่ำ พักเท้าเยื้องไปด้านหน้าสไตล์ ครูสเซอร์ และถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยให้การขับขี่สบายขึ้น ขนาดสัดส่วนของตัวรถ ยาว 2,140 มม. กว้าง 845 มม. และสูง 1,140 มม.ส่วนรุ่นมีชิวบังลมจะสูงเพิ่มเป็น 1,310 มม.ความสูงเบาะ 765 มม.ระยะฐานล้อ 1,400 มม.ระยะห่างจากพื้น 170 มม. น้ำหนักตัว 191 กก. และความจุน้ำมันเชื้อเพลิง15 ลิตร
● ภายนอกเด่นด้วยชุดไฟ LED ทั้งหน้าและหลัง, มาตรวัดอนาล็อก Dancing needle พร้อมจอ LCD แสดงผลข้อมูลรถ พอร์ท USB ออกแบบให้ซ่อนอยู่ใต้แฮนด์เดิ้ลบาร์ Royal Enfield Meteor 350 ยังมีหน้าจอที่แสดงผลระบบนำทางแบบ Turn-By-Turn ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน Meteor 350 ซึ่งใช้ชื่อทางการค้าว่า “Royal Enfield Tripper” ตัวระบบใช้เทคโนโลยี Google Maps เป็นพื้นฐาน ทำงานร่วมกับแอพฯ Royal Enfield บนสมาร์ทโฟนของผู้ขี่
● ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ระยะยุบ 130 มม. ช๊อคอับฯหลังแบบคู่ปรับได้ 6 ระดับ พร้อมปรับพรีโหลดได้ ล้อแม็กแบบอัลลอยจับคู่ยาง Tubeless ขนาด 100/90 – 19 ในด้านหน้า และขนาด 140/70 – 17.ในด้านหลัง ระบบเบรคด้านหน้าจานดิสค์ขนาด 300 มม. ด้านหลังเป็นขนาด 270 มม. พร้อมระบบเบรค ABS หน้า-หลัง แบบ Dual Channel
● เครื่องยนต์ของ Meteor 350 เป็นแบบสูบเดี่ยว ขนาดความจุกระบอกสูบ 349 ซีซี. จ่ายน้ำมันด้วยระบบไฟฟ้า ระบบระบายความร้อนแบบอากาศ “Air-Oil Cooled” ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 จังหวะ ทำงานร่วมกับคลัทช์แบบแผ่น 7 ชั้น กำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 2.75 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
● การทดลองขี่ Royal Enfield Meteor 350 เรา “Motortrivia” ได้รับเป็นรุ่น ไฟร์บอลล์ (Fireball) สีเหลือง ที่ตัดกับสีดำของอุปกรณ์ต่างๆของตัวรถอย่าง เครื่องยนต์ ท่อไอเสีย กระจกมองข้าง รวมถึงมือเบรคและคลัทช์ ที่ช่วยให้ดูเป็นสปอร์ตที่ดุดันใช้ได้ ซึ่งตัวผู้ลองขี่ก็ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วพอดี การเดินทางในครั้งเราจะเริ่มต้นสตาร์ทกับแถวรัชดาฯกลางกรุงมุ่งสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากัน โดยจุดหมายแรกจะเป็นที่ วัดไชยวัฒนาราม ต่อด้วย พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, วัดมหาธาตุ และเยี่ยมชมตัวแทนจำหน่าย “Royal Enfield Ayutthaya” เป็นการปิดท้าย
● เริ่มแรกเห็น Royal Enfield Meteor 350 “Fireball” คันนี้ถือว่าสีสันดูเข้าตาวัยรุ่นเลยทีเดียว การออกแบบชิ้นส่วนที่ “เงา” โครเมี่ยมมีน้อยกว่ารุ่นอื่น และใช้สีดำด้านแทนที่ให้ตัวรถดูดุดันและดูเป็นสปอร์ตมากกว่า ลองคร่อมนั่งตัวรถน้ำหนักไม่เยอะลองพลิกไปมาคล่องตัวดี เบาะนั่งรูปทรงสวย ขนาด ความแข็งรู้สึกเหมาะสมและพอดี ความสูงตัวเบาะไม่มากผู้ขี่สูงระดับ 180 ซม. นิดๆ วางเท้าบนพื้นได้เหลือๆ ตำแหน่งแฮนด์พอดีช่วงแขน ไม่ใกล้จนเดินไปหรือต้องเอื้อม ส่วนข้อศอกงอกำลังดีช่วยให้การบังคับควบคุมไม่ติดขัดแน่นอน พักเท้าเยื้องไปด้านหน้ามากหน่อยสไตล์ครูสเซอร์ ยกขาแล้ววางเท้าได้ตำแหน่งที่เหมาะพอดี
● บิดสวิทช์กุญแจพร้อมบีบมือคลัทช์และกดปุ่มสตาร์ท เครื่งยนต์ก็ติดขึ้นมาอย่างง่ายดาย เสียงเครื่องยนต์ออกแนวนุ่มๆไม่ดังมากตามสไตล์รถสูบเดียว ลองบิดคันเร่งเพื่อเร่งรอบเครื่องยนต์ คันเร่งเบาแรงดี รอบเครื่องยนต์ก็ขึ้น-ลงตามการบิดข้อมือทันใจดี น้ำหนักการบีบก้านคลัทช์ก็เบามือใช้ได้ กดปลายเท้าตบเกียร์ 1 (เป็นการลดลงเกียร์ต่ำ ส่วนถ้าจะไต่เป็นเกียร์สูงจะใช้ส้นเท้ากดลงแทน) การเข้าเกียร์นุ่มนวลมีการจังหวะให้รู้ว่า “เกียร์เข้า” เพียงแผ่วๆ อีกทั้งยังสามารถสังเกตุตำแหน่งเกียร์ได้จากที่หน้าปัดอีกด้วย
● มองสำรวจความปลอดภัยด้านหลังด้วยกระจกมองหลังทรงกลมที่ออกแบบตำแหน่งให้ใช้งานได้กำลังดี ปล่อยคลัทช์พร้อมบิดคันเร่งเบาๆ Royal Enfield Meteor 350 ก็ขยับออกตัวไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวลไม่อาการกระตุกให้เห็น แม้จะเป็นผู้ขี่ที่ไม่ค่อยคุ้นกับคลัทช์แบบรถสปอร์ตก็สามารถทำความคุ้นเคยเพื่อใช้งานได้อย่างสบายๆ อัตราเร่งช่วงต้นถือว่าดีมาก การออกตัวยามที่ต้อง “ชิงไฟ” ตามแยกทำได้ดี ยิ่งการกดเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นเป็น 2-3-4 สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง กำลังและแรงบิดมีให้ใช้ “กว้าง” ยิ่งตอนมุดในสภาพการจราจรติดขัดสามารถ “เร่ง” และ “ผ่อน” กำลังได้อย่างมั่นใจ เพราะไม่ต้องวุ่นวายกับการสับเกียร์บ่อยๆอย่างพวกรถสปอร์ตแรงสูงทั้งหลาย บางช่วยการจราจรคล่องตัวขึ้นมาหน่อยสามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นหน่อยป้วนเปี้ยนแถวๆ 70-100 กม./ชม. เราสามารถใช้ตำแหน่งเกียร์ 4 ที่มีแรงบิด “ตึงมือ” บิดแล้วทันใจสุดสามารถขี่กันยาวๆได้เลย
● ส่วนการพลิกพลิ้วซ้าย-ขวาตามจังหวะของสภาพการจราจรบนท้องถนน Royal Enfield Meteor 350 ทำได้ง่ายดาย จากตัวรถที่ balance น้ำหนักหน้า-หลังได้สมดุลดี การเข้าโค้งตัวรถอาการเป็น “กลาง” มาก แม้ผู้ขับขี่ที่เป็นมือใหม่ถ้าขี่เข้าโค้งกว้างหรือแคบอย่างสบายๆ ช่วงล่างทั้งด้านหน้าและหลัง Meteor 350 ได้รับการปรับเซ็ตมาอย่างเหมาะสมทั้งความแข็งและความหนีด ช่วงขี่ผ่านรอยต่อของถนนมีอาการกระแทกสวนกลับมาให้ผู้ขี่รู้สึกน้อยมาก ช่วงการขี่ผ่านเนินหรือคอสะพานโหดๆช่วงล่างสามารถ “เอาอยู่” โดยที่ไม่เสียอาการ ยิ่งขับขี่เป็นระยะทางไกลระดับ 200 กม. นิดๆ ช่วยให้ผู้ขับขี่ยังสบายตัวไม่ “น่วม” อย่างพวกรถสปอร์ตสายซิ่ง
● ระบบเบรคแม้ตลอดการเดินทางยังไม่ได้ลองเบรคแบบกระทันหัน แต่ยามที่ต้องชะลอความเร็วหรือหยุดรถก็ทำได้อย่างเบามือและนุ่มนวลดี ช่วงขี่ออกนอกเมืองหลวงตามถนนไฮเวย์เราลองเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก ช่วงความเร็ว 100-115 กม./ชม. ในเกียร์ 5 ทำได้ค่อนข้างดี อัตราเร่งและความเร็วไหลขึ้นไปอย่างต่อเนื่องและช้าๆ จากนั้นก็ไป “ตัน” ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. สำหรับผู้ขี่ตัวค่อนข้างใหญ่น้ำหนักตัวระดับ 80 กก. กว่าๆ น่าจะไปได้แค่นี้ แต่สำหรับ Meteor 350 การเดินทางไกลด้วยความเร็วระดับ 100-110 กม./ชม. ดูจะปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด อีกทั้งการที่ทาง Royal Enfield เพิ่ม “balance shaft” ให้กับเครื่องยนต์ Meteor 350 ทำให้รถไม่มีอาการสั่นไม่ว่าจะอยู่ในช่วงรอบต่ำหรือรอบสูงเลย บางช่วงของการขี่สภาพอากาศถือว่า “ค่อนข้างร้อน” Meteor 350 ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ “หม้อลม” ก็ยังเอาอยู่ กำลังดีไม่มีตก ผู้ขับขี่ก็ไม่ค่อยรู้สึกร้อนอวัยวะเบื้องล่างยามที่ต้องควบแต่อย่างใด
● ปิดทริปจบการเดินทางด้วย Royal Enfield Meteor 350 “Fireball” ระยะทาง 200 กม. นิดๆ ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ครูสเซอร์ที่ขี่ง่าย ขี่สบาย และนุ่มนวล ไม่ว่าจะใช้งานในเมืองหรือเดินทางไกล วัสดุและอุปกรณ์ของตัวรถก็ดูพรีเมี่ยมดี แถมราคาค่าตัวระดับแสนกลางๆ ยังดู “คุ้มค่า” สุดในคลาสนี้
● สุดท้ายขอขอบคุณ “รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย” สำหรับทริปนี้ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย เชิญได้ที่ royalenfield.com/th/th/motorcycles/meteor หรือติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ facebook.com/RoyalEnfieldThailand ●