October 29, 2021
Motortrivia Team (10167 articles)

2022 Ghost Black Badge โฉมใหม่ หรูสุด ณ วันปัจจุบัน

motortrivia

●   โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เปิดตัว Ghost MY2022 เวอร์ชั่นหรูพิเศษ Rolls-Royce Ghost Black Badge รถสุดหรูรุ่นล่าสุดในตระกูล Black Badge ที่เจ้าของสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้เป็นพิเศษอย่างอิสระผ่านบริการ Bespoke

●   Ghost Black Badge นับเป็นรถหรูรุ่นล่าสุดที่หลอมรวมความพิเศษของรถในซีรี่ส์ Black Badge นับจากที่ลายกราฟฟิค lemniscate (สัญลักษณ์อินฟินิตี้) ได้ถูกนำมาใช้ในเรือ Blue Bird K3 ที่ใช้เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ของ Sir Malcolm Campbell ในการแข่งขันทำลายสถิติความเร็วทางน้ำในปี 1937 จากนั้นทีมนักออกแบบของ โรลส์-รอยซ์ ได้ใช้เครื่องหมายนี้รถหรูซีรี่ส์ Black Badge จนถึงปัจจุบัน

●   โรลส์-รอยซ์ เปิดตัวรถรุ่นพิเศษเวอร์ชั่น Black Badge เป็นครั้งแรกในปี 2016 ด้วยการเผยโฉม Rolls-Royce Wraith Black Badge ในงานเจนีวา มอเตอร์ โชว์ จากนั้นจึงขยายไลน์อัพไปยัง Rolls-Royce Ghost, Rolls-Royce Dawn และ Rolls-Royce Cullinan ทุกรุ่นออกแบบภายใต้ปรัชญา “Post Opulent” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ โรลส์-รอยซ์ พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการ หรือข้อเสนอแนะจากลูกค้า โดยมีการลดทอนรายละเอียดที่ยุ่งยาก และให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เรียบง่าย เสริมด้วยความประณีตยิ่งขึ้น และ Rolls-Royce Ghost เจนเนเรชั่นล่าสุด ก็คือรถหรูที่ออกแบบภายใต้ปรัชญา Post Opulent เป็นรุ่นแรก

Rolls-Royce Ghost Black Badge

●   Ghost Black Badge สามารถเลือกเฉดสีแบบปรกติที่ “พร้อมใช้งาน” ได้ถึง 44,000 เฉดสี และยังสามารถสั่งสีพิเศษที่มีความเฉพาะตัวเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม โรลส์-รอยซ์ ระบุว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ต้องการให้รถมีสีที่เข้มขึ้นได้เลือกใช้สีซิกเนเจอร์สีดำ

●   ประติมากรรม Spirit of Ecstasy และกระจังหน้า Pantheon grille ตกแต่งเป็นพิเศษโดยการชุบโลหะด้วยกระแสไฟฟ้า นอกเหนือไปจากกระบวนการชุบโครเมียมแบบดั้งเดิมบนชิ้นงานสแตนเลสสตีล ยังผลให้ได้พื้นผิวที่มีสีเข้ม ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจะถูกขัดเงาด้วยมืออย่างประณีตเพื่อให้ได้พื้นผิวแบบโครเมียมสีดำเงาเหมือนกระจก

●   ล้อขนาด 21 นิ้วแบบเฉพาะรุ่นของ Ghost Black Badge เป็นงาน Bespoke ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุคอมโพสิท โดยบริเวณหน้ากว้างของแต่ละล้อจะประกอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ 22 ชั้น เมื่อพับขอบชนกันจะทำให้ได้คาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแกร่งและหนาถึง 44 ชั้น ดุมล้ออลูมิเนียมขึ้นรูปแบบ 3D forged ขอบล้อเชื่อมด้วยตัวล็อคไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ส่วน Floating Hubcap นั้น ตราสัญลักษณ์ RR จะตั้งตรงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาตลอดเวลา

●   โรลส์-รอยซ์ ได้สร้างสีดำที่เข้มที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสีตัวถังปริมาณ 45 กก. จะถูกทำให้เป็นละออง และนำไปพ่นบนตัวถังสีขาวที่มีประจุไฟฟ้าสถิตบนพื้นผิวเพื่อความเรียบเนียน ก่อนจะนำไปอบให้แห้ง จากนั้นจะพ่นด้วยสีเคลือบใสสองชั้น ก่อนจะถูกขัดเงาด้วยมือโดยทีมช่างหัตถศิลป์ 4 คน เพื่อให้ได้สีตัวถังที่มีความเงางามแบบ Piano finish ซึ่งในระหว่าง 3 – 5 ชม. ของขั้นตอนนี้จะไม่มีการใช้งานในขั้นตอนของการผลิตในเชิงปริมาณ หลังจากนั้นลูกค้ายังสามารถสั่งเพิ่มรายละเอียดของ Coachline ที่เพนท์ด้วยมือเพิ่มเติมได้อีกด้วย

●   การตกแต่งในห้องโดยสารพิเศษสุดด้วยการใช้ชั้นไม้หลายชั้นวางบนพื้นผิวส่วนประกอบภายใน นักออกแบบของ โรลส์-รอยซ์ ใช้ไม้วีเนียร์ที่ทำจากไม้โบลิวาร์สีดำสำหรับชั้นฐานบนสุด ซึ่งเป็นการสร้างส่วนฐานให้มีสีเข้มเพื่อรองรับชั้นวัสดุเทคนิคัลไฟเบอร์ ตัวแผงเทคนิคัลไฟเบอร์ทำจากเส้นใยคาร์บอนทอ ตัดกับเส้นใยโลหะเคลือบน้ำยาเรซิน ออกแบบเป็นลวดลายข้าวหลามตัด เพื่อสร้างพื้นผิวแบบ 3 มิติ ส่วนประกอบของไม้แต่ละชิ้นจะถูกอบ 1 ชม. ที่ 100 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงจะมีการพ่นทรายเพื่อเตรียมบริเวณพื้นผิวหลักสำหรับการลงแลคเกอร์ 6 ชั้น แล้วขัดด้วยมือด้วยกระดาษทราย จบด้วยการขัดเงาก่อนจะนำไปประกอบเข้ากับตัวรถ

●   ในกรณีที่มีการระบุในคำสั่งผลิตของลูกค้า พนักพิงหลังที่ทำจากเทคนิคัลไฟเบอร์จะได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายเฉพาะตัวของรถตระกูล Black Badge นั่นคือ สัญลักษณ์ lemniscate (อินฟินิตี้) ที่ทำจากอลูมิเนียมเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมอวกาศ ติดตั้งไว้บนฝาตู้แช่แชมเปญ ไฮไลท์คือตราสัญลักษณ์อินฟินิตี้นี้ได้จะถูกประทับไว้บนระหว่างชั้นที่ 3 และ 4 ของชั้นแลคเกอร์ ยังผลให้เกิดภาพลวงตาเหมือนตราสัญลักษณ์นี้กำลังลอยอยู่เหนือแผงเทคนิคัลไฟเบอร์

●   โรลส์-รอยซ์ ระบุว่า ทีมนักออกแบบได้เลือกตกให้แต่งให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศแบบ “นัวร์” (Noir : สีดำในภาษาฝรั่งเศส) โดยการใช้ชิ้นงานโลหะเพื่อสร้างความกลมกลืน ช่องแอร์บนแผงแดชบอร์ดละห้องโดยสารด้านหลังจะมีความเข้มขึ้น ด้วยการเคลือบผิวแบบ PVD (Physical Vapour Deposition) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการทำสีโลหะเพียงไม่กี่วิธีที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนต่างๆ จะไม่เปลี่ยนสีหรือเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป หรือจากการใช้งานซ้ำๆ นอกจากนี้ปรัชญาการออกแบบ Post Opulent ที่เรียบง่ายยังถูกนำไปใช้ในการออกแบบนาฬิกา โดยมีเพียงแค่ส่วนปลายเข็มนาฬิกา และตำแหน่ง 12, 3, 6 และ 9 นาฬิกาเท่านั้น ที่แต่งพื้นผิวขั้นตอนสุดท้ายด้วยโครเมียม ทำให้นาฬิกาในรถซีรี่ส์ Black Badge มีความเรียบง่ายที่สุดในปัจจุบัน

●   อีกหนึ่งไฮไลท์คือ แผงแดชบอร์ดเรืองแสง หรือ Illuminated Fascia ซึ่ง โรลส์-รอยซ์ นำมาใช้เป็นครั้งแรกใน Ghost รุ่นล่าสุด โดย Illuminated Fascia จะแสดงภาพเป็นตัวอักษรของ Ghost ที่บริเวณแผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสาร ล้อมรอบด้วยชุดไฟที่จัดวางในแบบหมู่ดาวมากกว่า 850 ดวง และถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนเมื่อดับเครื่องยนต์ เข้าชุดกับหลังคา Starlight Headliner ที่มีอยู่เดิมอย่างเข้าชุดกัน แหล่งกำเนิดแสงบนแผงแดชบอร์ดนี้ใช้ไฟ LED ทั้งหมด 152 ดวง ติดตั้งไว้ทั้งด้านบนและด้านล่างของแผงแดชบอร์ด โดยมีการแกะสลักมากกว่า 90,000 จุดลงบนพื้นผิวด้วยเลเซอร์ เพื่อให้แสงสว่างมีความสม่ำเสมอทั่วกัน

●   ด้านเทคโนโลยีต่างๆ ยังคงเหมือนกับ Ghost รุ่นปัจจุบัน อาทิ โครงสร้างแบบอลูมิเนียม สเปซเฟรม, ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ หรือระบบช่วงล่าง Planar system เป็นต้น ส่วนชุดเบรคใน Ghost รุ่นพื้นฐาน MY2022 จะได้รับอัพเกรดใหม่ ในขณะที่เวอร์ชั่น Black Badge จะมีออปชั่นใหม่เป็นสีพ่นคาลิเปอร์เบรคแบบใหม่ที่ทนความร้อนได้สูงขึ้น ซึ่ง โรลส์-รอยซ์ พัฒนามาเพื่อรองรับการสั่งผลิตพิเศษใน Ghost Black Badge โดยเฉพาะ

●   Ghost Black Badge ใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.75 ลิตร รุ่นปรับปรุงใหม่ พร้อมระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบชาร์จ เสริมด้วยระบบระบายไอเสียใหม่ทั้งหมด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 600 แรงม้า (+29 แรงม้า PS) แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 91.7 กก.-ม. (+5 กก.-ม.) เริ่มที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที

●   บ้านเราใครสนใจติดต่อ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ครับ เบื้องต้นราคาจำหน่ายยังไม่ระบุในเวลานี้ ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซท์ : www.rolls-roycemotorcars.com/bangkok โทร : 02-670-6060 หรือเฟซบุ๊ค : facebook.com/rollsroycemotorcarsbangkok     ●

2022 Rolls-Royce Ghost Black Badge