November 5, 2021
Motortrivia Team (10069 articles)

2022 Honda HR-V เจนฯ 3 เปิดตัวเป็นทางการในประเทศไทย

ภาพ : จันทนา เจริญทวี

●   ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดตัว Honda HR-V รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์ รุ่นที่ 2 ในไทยอย่างเป็นทางการ (นับเป็น HR-V เจนเนอเรชั่น 3 ในตลาดโลก) ไฮไลท์สำคัญคือการใช้งานเครื่องยนต์ไฮบริด หรือที่ฮอนด้าใช้ชื่อทางการค้าว่า e:HEV เสริมด้วยรุ่นย่อยเวอร์ชั่นสปอร์ตเกรด RS เป็นครั้งแรกในโลก และแน่นอนว่าชุดแต่ง Modulo ก็ยังคงมีให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติม

●   HR-V มากับการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่ดูเรียบเนียนตลอดคัน ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมในทันทีที่เห็น ฮอนด้าระบุว่าตัวรถพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด AMP UP Your Life ซึ่งมีคุณสมบัติหลักๆ 3 ประการ ได้แก่ (1). Pleasure : Enjoyable ความสนุกสนาน (2) Confidence : Reliable ความมั่นใจทั้งผู้ขับและผู้ร่วมทาง และ (3). Aesthetic : In Style ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและมีสไตล์

●   ตัวรถอยู่ในรูปโฉมของรถครอสโอเวอร์ที่มีความเปรียวในแบบคูเป้ กระจังหน้าแบบใหม่วางเชื่อมต่อกับไฟหน้า ตำแหน่งเสา A ใหม่ช่วยให้กระโปรงหน้าดูลาดยาว ด้านหลังเป็นแบบรถท้ายลาดสไตล์ Fastback

●   อุปกรณ์มาตรฐานขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ประกอบด้วยกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ หรือสีดำเงา, กันชนหน้า/หลังแบบใหม่, ชุดไฟหน้าและไฟวิ่งกลางวันแบบ LED, ชุดไฟท้ายแบบ LED Light Strip วางเชื่อมต่อกับไฟเบรคเป็นเส้นแนวยาว, ชุดไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต, เสาอากาศครีบฉลาม, ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว และตราสัญลักษณ์ H Mark ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า พร้อมตราสัญลักษณ์ e:HEV ด้านท้ายแสดงสถานะความเป็นรถไฮบริด

Honda HR-V e:HEV RS เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก

●   รุ่นย่อยเกรด RS ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ตกแต่งแบบพิเศษเฉพาะตัวด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต พร้อมตราสัญลักษณ์ RS, ตราสัญลักษณ์ AMP UP บนกันชนหน้าด้านล่าง, กันชนหน้า/หลัง และกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ต ตกแต่งด้วยโครเมียม, ชุดไฟรอบคันแบบ LED, ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential, ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke, ล้ออัลลอยเฉพาะรุ่นขนาด 18 นิ้ว, หลังคากระจก Panoramic Glass Roof และสีพิเศษ แดง Ignite Red Metallic จับคู่หลังคาสีดำ

●   ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมด การจัดวางอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ จัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน ช่วยลดการละสายตาจากท้องถนน ทุกรุ่นติดตั้งเบาะหนังสีดำแบบใหม่ ส่วนรุ่น RS จะพิเศษกว่าด้วยเบาะหนังสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมชุดแป้นคันเร่ง/เบรคแบบสปอร์ต ปิดท้ายด้วยพวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายแดง

●   อุปกรณ์มาตรฐานขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย อาทิ มาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว, จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Android Auto หรือ Apple CarPlay, รองรับระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Android Auto หรือ Siri, Wireless Charger, ลำโพง 4 – 8 ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

●   ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบ Air Diffusion System ช่องปรับอากาศแบบใหม่ ช่วยกระจายลมได้ดีทั่วทั้งห้องโดยสาร, ช่องปรับอากาศตอนหลัง, ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด/ปิดแบบสัมผัส, พอร์ท USB 2 – 4 ช่อง ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย

●   อีกหนึ่งไฮไลท์ของแบรนด์ฮอนด้าคือ ฟังก์ชั่นเบาะหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับ/พับได้หลายรูปแบบ ประกอบด้วย (1). Utility Mode : เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง (2). Long Mode : เบาะหน้า/หลังปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว และ (3). Tall Mode : เบาะหลังพับขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง ซึ่ง HR-V เป็นรถรุ่นเดียวในเซกเมนต์นี้ที่สามารถพับเบาะในโหมดนี้ได้

●   ฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ หรือ Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close ใช้งานได้ง่ายๆ เพียงสอดเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณใต้กันชนหลัง ระบบจะเปิดฝากระโปรงท้ายให้โดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานกดสวิทช์ปิด หยิบสัมภาระออกจากท้ายรถ และเดินออกห่างจากตัวรถ ระบบจะทำการปิดฝากระโปรงท้ายลงโดยอัตโนมัติ โดยขณะใช้งานจะต้องมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 1 เมตร

ประหยัดกว่าที่เคยด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด

●   ชุดระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด หรือ e:HEV ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวแรกทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) ตัวที่ 2 ทำหน้าที่หมุนเพลาเพื่อขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ความจุ 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT พร้อมชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ หรือ Intelligent Power Unit (IPU) และเก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีฟังก์ชั่นชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติขณะขับ

●   กำลังรวมทั้งระบบผลิตได้ 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.7 กก.-ม. เริ่มที่ 0 – 3,500 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 25.6 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 94 กรัม/กม.

●   ทั้งนี้ ชุดระบบ e:HEV จะมีโหมดการขับหลัก 3 โหมด คือ (1). EV Drive Mode : โหมดการขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (2). Hybrid Drive Mode : โหมดการขับด้วยระบบไฮบริด ใช้พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ และ (3). Engine Drive Mode : โหมดการขับด้วยเครื่องยนต์ ชุดล็อคอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์ และส่งกำลังไปหมุนล้อโดยตรง

●   นอกจากนี้ ทุกรุ่นย่อยจะมีสวิทช์ Drive Mode สำหรับเลือกโหมดในการขับได้ 3 โหมด ได้แก่ ECON Mode, Normal Mode หรือ Sport Mode เสริมด้วยฟังก์ชั่น Deceleration Paddle Selectors สำหรับช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย

ปลอดภัยด้วย Honda SENSING

●   ชุดระบบความปลอดภัย Honda SENSING ประกอบด้วย ระบบ Auto High-Beam ปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ, ระบบ Lead Car Departure Notification System เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่, ระบบ Collision Mitigation Braking System เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรค, ระบบ Lane Keeping Assist System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบ Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

●   ต่อด้วย พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า พร้อมอัตราทดเกียร์แบบแปรผัน, กล้องหลังแบบ Multi-angle Rearview Camera ปรับมุมมอง 3 ระดับ, ฟังก์ชั่น Auto Brake Hold ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรคเพื่อหยุดรถ และจะปล่อยเบรคเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่ง, ฟังก์ชั่น Electric Parking Brake หรือเบรคมือไฟฟ้า, ฟังก์ชั่น Walk Away Auto Lock ล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารด้านหลัง, ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง คู่หน้าแบบ Dual SRS, ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง

●   ปิดท้ายด้วยระบบเบรค ABS ป้องกันล้อล็อค, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบ Vehicle Stability Assist ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง และฟังก์ชั่น Emergency Stop Signal สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรคกะทันหัน

Honda CONNECT

●   ชุดระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ผู้ขับสามารถใช้งาน 8 ฟังก์ชั่นหลักผ่านแอพฯ บนสมาร์ทโฟน ได้แก่:

●   (1). My Service : ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ ประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น พร้อมการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป (2). Car Log : ข้อมูลพฤติกรรมการขับ แสดงผลเป็นรายวัน เดือน ปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกแชร์ทริปผ่านโซเชียลมีเดียได้ (3). Wi-Fi : เชื่อมต่อได้พร้อมกันสูงสุด 5 อุปกรณ์ ระยะการส่งสัญญาณ 40 เมตร โดยต้องสมัครแพคเกจอินเทอร์เน็ตจากเครือข่าย AIS (4). Airbag Deployment : เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่อง TCU จะส่งสัญญาณเตือน
ผ่านแอพฯ และส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ จากนั้นจะมีการประสานงาน
ให้ความช่วยเหลือขั้นต้น

●   ต่อด้วย (5). Car Status : แจ้งเตือนสถานะรถเมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถจากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า หรือฝากระโปรงท้ายอย่างผิดปกติ (6). Remote Vehicle Control : ล็อค/ปลดล็อคประตู สตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ ตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ หรือเปิดสัญญาณไฟทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน (7). Geo Fence & Speed Alert : กำหนดขอบเขตการขับทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้ และ (8). Find My Car : ตรวจสอบพิกัดรถ โดยระบบจะส่งพิกัดบนแผนที่ล่าสุด และแสดงผลบนแอพฯ ผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

ราคาจำหน่าย

●   ฮอนด้าจะแยกการจำหน่าย HR-V ใหม่เป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย e:HEV E, e:HEV EL และ e:HEV RS สีภายนอกมี 5 สี ประกอบด้วย ขาว Premium Sunlight White Pearl (ใหม่), เทา Meteoroid Gray Metallic (ใหม่), ขาว Platinum White Pearl, ดำ Crystal Black Pearl ส่วนสีทูโทนแดง Ignite Red Metallic จับคู่หลังคาดำ จะมีให้เฉพาะรุ่น e:HEV RS

●   ราคาประมาณการเริ่มต้นต่ำกว่า 990,000 บาท เบื้องต้นฮอนด้าจะเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2564 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ผู้ที่จองสิทธิ์รับฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Utility Package ประกอบด้วย กระบะใส่ของท้ายรถ มูลค่า 1,100 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง มูลค่า 1,700 บาท รวมมูลค่า 2,800 บาท

●   ส่วนราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ฮอนด้าจะประกาศอีกครั้งในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้ ผ่าน LIVE ทาง Facebook Fanpage และ YouTube Channel: Honda Thailand ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

  • E ราคาต่ำกว่า 990,000 บาท
  • EL ราคาต่ำกว่า 1,100,000 บาท
  • RS ราคาต่ำกว่า 1,200,000 บาท

●   Honda HR-V e:HEV ทุกร่นย่อย รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

●   สำหรับชุดแต่ง Modulo สำหรับ HR-V ใหม่ ประกอบด้วย กระจังหน้าเฉพาะรุ่น, ชุดสเกิร์ทหน้า, คิ้วตกแต่งไฟตัดหมอก, ชุดไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ชุดตกแต่งประตู, ชุดตกแต่งกันชนหลัง, ปลอกท่อไอเสีย, ห้องโดยสารมีม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง และคิ้วบันไดสเตนเลส LED

●   นอกจากนี้ยังมีทางเลือกเป็นชุดแพคเกจตกแต่งรอบคัน Modulo Urban Package ประกอบด้วย สเกิร์ทหน้า, ชุดตกแต่งประตูข้าง และชุดตกแต่งกันชนหลัง

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ ศูนย์บริการฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร. 02-341-7777 หรือเว็บไซท์ : www.honda.co.th เฟซบุ๊ค : facebook.com/hondathailand หรือ LINE Official Account @Honda-Thailand

Grand Opening : 2022 Honda HR-V