February 15, 2022
Motortrivia Team (10068 articles)

2022 Mazda3 รุ่นปรับปรุง เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน

motortrivia

●   มาสด้า ประเทศไทย เปิดตัว Mazda3 รุ่นปรับปรุง เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน ตัวรถมากับสีภายนอกใหม่ บรอนซ์ Platinum Quartz เลือกได้ทั้งรุ่นซีดาน หรือท้ายลาดสไตล์ฟาสท์แบค (แฮทช์แบค) ราคาเริ่มต้น 979,000 บาท

●   Mazda3 รุ่นพื้นฐาน 2.0 S/2.0 S Sports มากับระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED, ไฟวิ่งกลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ซันรูฟแบบไฟฟ้า, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง, Sports Paddle Shift และติดตั้งระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ในรุ่น 2.0 SP/ 2.0 SP Sports

●   ห้องโดยสารมี มาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID, จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า, เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง, ระบบเชื่อมต่อ Mazda Connect รองรับโซเชียลมีเดีย, รับ-ส่ง SMS ผ่าน Bluetooth, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto™ หรือ Apple CarPlay®, จอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว, ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบเสียงคุณภาพสูง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง และฟังก์ชั่นแสดงภาพ 360 องศา

●   ชุดระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ประกอบด้วย ระบบ Adaptive LED Headlamps ไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ระบบ Adaptive Front-Lighting System ปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยว, ระบบ Mazda Radar Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบ Cruising & Traffic Support ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า, ระบบ Advanced Smart Brake Support เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรคอัตโนมัติแบบ Advance

●   ต่อด้วยระบบ Advanced Blind Spot Monitoring ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบ Lane Keep Assist System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Lane Departure Warning System ช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบ Smart Brake Support-Reverse Crossing ช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบ Smart Brake Support-Reverse ช่วยเบรคอัตโนมัติขณะถอยหลัง และระบบ Driver Attention Alert ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับมีอาการเหนื่อยล้าขณะขับ

●   พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมแมนนวลโหมด Activematic กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 21.7 กก.-ม. รองรับน้ำมัน E85 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 15.9 กม./ลิตร

รายละเอียดในแต่ละรุ่นย่อย

●   รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports อุปกรณ์มาตรฐานประกอบด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED, ไฟ DRL LED Signature, ไฟท้าย LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้า AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิทัล TFT LCD พร้อมจอ MID, จอแสดงผลข้อมูลการขับแบบสีบนกระจกหน้า, จอ Center Display, ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, เบรคมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าฝั่งผู้ขับ และระบบ i-Activsense

●   รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่ม Sports Paddle Shift, วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

●   รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports เพิ่มระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ซันรูฟไฟฟ้า, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา และระบบ i-Activsense แบบครบทุกรายการ

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งระดับ C segment มีผู้เล่นหลักในตลาดเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2-3 หมื่นคันต่อปี ในขณะที่มาสด้ามียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันคันต่อปี ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ร้อยคันต่อเดือน โดยเฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ที่มาสด้ายังคงครองความเป็นเจ้าตลาดมาตลอดกาล นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน การปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร จะส่งผลให้ Mazd3 ยังคงความสปอร์ตพรีเมี่ยมเหนือกว่ารถทุกรุ่น และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน”

●   “ทั้งนี้ มาสด้าต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การตอบรับอย่างดียิ่ง จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ CX-3 ตามด้วย Mazda2 และล่าสุดคือ CX-30 ที่มาพร้อมกับสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ซึ่งกว่า 30% ของยอดจองทั้งหมด กลายเป็นสีที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด รองลงมาคือ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ และสีแดง โซล เรด คริสตัล ซึ่งทั้ง 3 สี ที่มาสด้าผลิตขึ้นมาถือเป็นการบุกเบิกเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และมีเฉพาะในรถยนต์มาสด้าเท่านั้น”

●   “สำหรับ Mazda3 ถือเป็นยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นดั่งต้นแบบของความสง่างาม ซึ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยมาแล้วทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น โดยเจเนอเรชั่นแรก วางจำหน่ายระหว่างปี 2547-2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์มาสด้าอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 วางจำหน่ายระหว่างปี 2554-2557 มียอดขายสะสมกว่า 15,000 คัน ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มวางจำหน่ายระหว่างปี 2557-2563 มียอดขายสะสมกว่า 32,000 คัน และเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายสะสมกว่า 8,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ Mazda3 อยู่ภายใต้การครอบครองของลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 85,000 คัน และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าทั่วโลกรวมแล้วกว่า 6.9 ล้านคัน”

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

●   นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแนะนำรถยนต์นั่ง New Mazda3 ในครั้งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ AWAKENING YOUR SOUL เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสง่างาม สปอร์ตพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง แต่คงไว้ซึ่งความเรียบหรู ทรงพลัง ดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ในรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ยังคงแบบอย่างการดีไซน์อันมีเอกลักษณ์เสมือนงานศิลปะชิ้นเอก โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกรายละเอียด เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตู ให้ความหรูหรา ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐานสง่างามในทุกรายละเอียด พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมอง”

●   “สำหรับการแนะนำสู่ตลาดครั้งนี้ นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของ Mazda3 เจเนอเรชั่นล่าสุด เนื่องด้วยมาสด้าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน จึงได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความสง่างามที่ลูกค้าทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเพิ่มออฟชั่นและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเหนือระดับตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คือรุ่น 2.0 C/C Sports ไม่เพียงเท่านี้ New Mazda3 ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ ที่จะมาสะกดสายตาทุกมุมมอง กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ผนวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน จึงทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาสด้าเชื่อว่าจะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี”

ราคาจำหน่าย

●   Mazda3 เลือกสีภายนอกได้ 7 สีระหว่าง สีแดง Soul Red Crystal, เทา Machine Gray, เทา Polymetal Gray (เฉพาะรุ่นฟาสท์แบค), ขาว Snowflake White Pearl, เงิน Sonic Silver, ดำ Jet Black และสีใหม่ บรอนซ์ Platinum Quartz

●   ทั้งนี้ ราคาจำหน่าย Mazda3 ใหม่ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู จะจำหน่ายในราคาเดียวกัน

  • 2.0 C / 2.0 C Sports ราคา 979,000 บาท
  • 2.0 S / 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
  • 2.0 SP / 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท

●   โปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ย 1.99% (1) และฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี (2) ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซท์ www.mazda.co.th     ●

หมายเหตุ:
(1) ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน
(2) บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ 1. บมจ. วิริยะประกันภัย 2. บมจ. ธนชาตประกันภัย 3. บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ และ 4. บมจ. ทิพยประกันภัย

Grand Opening : 2022 Mazda3