MG ไทย เปิดตัว MG HS เบนซิน และ PHEV โฉมใหม่ MY2022

804views

ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่

● เอ็มจี ประเทศไทย เผยโฉมครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์โฉมใหม่ แยกเป็น MG HS รุ่นพื้นฐานเวอร์ชั่น ICE และ MG HS PHEV ระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อิน ไฮบริด ตัวรถจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 นี้

มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

● มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นปัจจัยหลักที่สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เราได้เห็นการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับรถยนต์ในรูปแบบใหม่ๆ และการพัฒนารถรุ่นใหม่ก็ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ เอ็มจี เราไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาและพร้อมนำเสนอเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าคนไทยได้มีประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยานยนต์โลก”

● “เราเป็นผู้นำในการติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถในตลาดรถยนต์เมืองไทย และเป็นรายแรกที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งการฟังก์ชั่นในรถยนต์ได้ด้วยเสียงภาษาไทยภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งปัจจุบันระบบนี้สามารถอัพเดทฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ ผ่านทางออนไลน์หรือ FOTA (Firmware – Over – The -Air) สร้างความสะดวกสบายในการใช้งานรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น สำหรับ NEW MG HS นอกจากจะมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่แล้วยังมีการติดตั้งเทคโนโลยี ระบบ AR NAVIGATION (ระบบนำทางเสมือนจริง) เป็นครั้งแรกในกลุ่มรถ C-SUV พร้อมการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เป็นอย่างดี”

● HS และ HS PHEV ใหม่ มากับกระจังหน้าแบบ Digital Burning Grille สีทูโทน, กันชนหน้า-หลังแบบใหม่, ไฟหน้าแบบ QUAD LED Projector พร้อมไฟ DRL และไฟ Welcome Light, ไฟท้าย LED, ราวหลังคา, ท่อไอเสียคู่, ล้ออัลลอย BI-colour ลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นปรับระดับสูง-ต่ำ สั่งงานผ่านรีโมทคอนโทรลได้ และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์

● ห้องโดยสารมีโทนสีดำ และทูโทน ขาว/น้ำเงิน Monaco Blue, ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อม Paddle Shift, มาตรวัดดิจิทัล Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Andriod Auto หรือ Apple CarPlay, ชุดระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System

● ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการ i-SMART จะรองรับการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบออนไลน์ หรือ FOTA (Firmware-Over-The-Air) และนับเป็นครั้งแรกที่ MG ติดตั้งเทคโนโลยี AR Navigation หรือระบบนำทางแบบเสมือนจริงเป็นครั้งแรกในกลุ่มรถ C-SUV ด้วย

● ต่อด้วยกระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบกรองอากาศ PM 2.5, เบาะคู่หน้าทรงบัคเก็ทหุ้ม Alcantara ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, เบาะผู้โดยสารด้านหน้า 4 ทิศทาง, หลังคา Panoramic Sunroof และชุดไฟ Interactive Ambient Light ปรับได้ 64 เฉดสี, กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key, ปุ่ม Push Start และ NVH Luxury Silence Space แผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร

MH HS เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ

● MG HS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ TST หรือ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 จังหวะ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม. โหมดในการขับเลือกได้ 4 แบบระหว่าง Normal, Eco, Sport หรือ Super Sport

● ส่วน HS PHEV ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ EDU II 10 จังหวะ เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ระบายความร้อนด้วยของเหลว ความจุ 16.6 กิโลวัทท์-ชม. กำลังรวมทั้งระบบ 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 48.9 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 67 กม.

● แบตเตอรี่ของ HS PHEV ได้มาตรฐานความปลอดภัย American UL2580 และมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น และมีระบบ KERS หรือ Kinetic Energy Recovery System เก็บเกี่ยวพลังงานที่สูญเปล่า 3 ระดับ ส่วนโหมดในการขับเลือกได้ 5 แบบระหว่าง EV, Eco, Normal, Sport หรือ Super Sport

MG HS PHEV ระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด

● ชุดระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ และระบบความปลอดภัยในกลุ่ม ADAS หรือ Advanced Driver Assistance System ประกอบด้วย ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Traffic Jam Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ, ระบบ Blind Spot Detection ช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบ Lane Keep Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ Lane Change Assist ช่วยเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบ Lane Departure Prevention ช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน

● ต่อด้วยระบบ Intelligent High-Beam Control เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับ, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง, ระบบ Door Open Warning ช่วยเตือนการเปิดประตู และระบบ Autonomous Emergency Brake ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB ซึ่งติดตั้งเพิ่มเติมในรุ่นใหม่นี้

● นอกจากนี้ยังมี จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กแบบ ISOFIX, ระบบ Speed Sensing Door Lock ล็อคประตูอัตโนมัติ, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า – ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ 3D Around View Monitor, สัญญาณเตือนระยะขณะถอยหลัง, กุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง

ราคาจำหน่าย

● MG HS รุ่นพื้นฐานจะแยกจำหน่ายเป็น 3 เกรดรุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่น C, D และ X ส่วน MG HS PHEV จะแยกเป็น 2 รุ่นย่อย คือ PHEV D และ PHEV X สีตัวถังเลือกได้ 4 สีระหว่าง ขาว Arctic White, ดำ Black Knight, เทา Metal Ash Grey หรือแดง Scarlet Red

HS C ราคา 939,000 บาท
HS D ราคา 1,089,000 บาท
HS X ราคา 1,159,000 บาท
HS PHEV D ราคา 1,299,000 บาท
HS PHEV X ราคา 1,379,000 บาท

● จองรถระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 รับข้อเสนอพิเศษในแต่ละรุ่นดังนี้:

● MG HS ดาวน์เริ่มต้นที่ 5% หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.90% นาน 4 ปี, ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. ความคุ้มครอง 1 ปี และประกันคุณภาพรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.

● MG HS PHEV ดาวน์เริ่มต้นที่ 5% หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.90% นาน 4 ปี, ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. ความคุ้มครอง 1 ปี, ประกันคุณภาพรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., ฟรี MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง และรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

● สนใจสามารถดูคันจริงทั้ง 2 รุ่น และขอทดลองขับได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี หรือที่โชว์รูมเอ็มจี รายละเอียดเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mgcars.com ●