March 20, 2022
Motortrivia Team (10185 articles)

Toyota Veloz Premium ทางเลือกที่คุ้มค่า ราคาน่าสนใจ

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●   ทิ้งช่วงหลังการเปิดตัวประมาณครึ่งเดือน ทีมงานมอเตอร์ทริเวียก็มีโอกาสได้สัมผัส Veloz รุ่นย่อย Premium รถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นล่าสุด ในรูปแบบการทดลองขับแบบกลุ่ม ภายใต้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวด บนเส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน ระยะทางรวมไป-กลับ ประมาณ 430 กิโลเมตร

●   Veloz หรือ Toyota Avanza เจนเนอเรชั่นที่ 3 เป็นการร่วมมือกันระหว่างโตโยต้าและไดฮัทสุ โดยในอินโดนีเซียนั้นจะแยกผลิตและจำหน่ายเป็น 3 ทางเลือก ประกอบด้วย Toyota Avanza เวอร์ชั่นพื้นฐาน, Toyota Veloz หรือเวอร์ชั่นหรูของ Avanza และ Daihtasu Xenia ซึ่งเป็นเจ้าของแพลทฟอร์มรถทั้ง 3 รุ่น ที่ผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ของไดฮัทสุ Daihatsu New Global Architecture หรือ DNGA

ภายนอกโฉบเฉี่ยวทันสมัย

●   ด้วยการออกแบบเส้นสายหลักของตัวรถและการตกแต่งภายนอกโดยรวม ทำให้รูปทรงรถสไตล์ MPV ของ Veloz ดูไม่เชยหรือไม่ดูเป็นรถพ่อบ้านแม่เรือนจนเกินไป ออกแนวสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเบาๆ แอบดุเล็กน้อยด้วยกระจังหน้าทรงเอกลักษณ์ของโตโยต้าสีดำเงา ลวดลายดูมีมิติเมื่อแสงตกกระทบ ประกบด้วยโคมไฟหน้าทรงเฉียงแบบ LED พร้อม LED Light Guiding และไฟเลี้ยวแบบ Sequential มีระบบ Follow-Me-Home และ Leaving Home Lamp ด้านล่างเป็นไฟตัดหมอกทรงกลม รับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ตที่แซมด้วยการตกแต่งจากโครเมียมและสีเงินที่ด้านล่าง

●   เส้นตัวถังด้านข้างลากยาวจากหน้าจรดหลัง คู่ขนานไปกับคิ้วโครเมียมที่ขอบหน้าต่างด้านล่างไปจบที่เสาหลัง ติดตั้งที่เปิดประตูไว้ตรงสันของเส้นราบเรียบไปกับผิวตัวถัง โป่งล้อทั้ง 4 ก็มีเส้นสายเพิ่มความเด่นชัด รับกับล้อแม็กลายสวยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางคุณภาพสูง บริดจสโตน Turanza T005A ขนาด 205/50/17 กระจกมองข้างติดตั้งบนตัวถัง เปิดทางให้มุมเสาหน้ามีทัศนวิสัยที่โปร่งโล่งขึ้น มาพร้อมกล้องทั้งฝั่งซ้ายและขวา และไฟเตือนระบบ Blind Spot Monitor

●   ด้านหลังแม้จะถูกบังคับด้วยทรงท้ายตัดของรถ MPV แต่ด้วยการออกแบบที่ดี ก็ช่วยให้รถมีเส้นสายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะชุดไฟท้ายทรงเฉี่ยว ที่มีไฟหรี่แบบแถบยาวแนวนอน ช่วยให้ตัวรถดูกว้างและดูมั่นคงขึ้น บนหลังคาติดตั้งเสาอากาศแบบครีบฉลาม และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานท้าย ที่ออกแบบกลมกลืนไปกับเสาหลัง และซ่อนหัวฉีดน้ำล้างกระจกไว้ ส่วนไฟเบรกดวงที่ 3 ติดตั้งอยู่ด้านในรถบริเวณด้านบนของกระจกบานท้าย ฝาท้ายปลดล็อกด้วยระบบไฟฟ้า แต่ยังต้องออกแรงเองในการเปิด-ปิด ซึ่งก็ใช้แรงไม่มากนัก และเวลาเปิดขึ้นสุดก็ไม่ได้สูงมาก แม่บ้านร่างเล็กไม่น่าจะต้องเขย่งเมื่อจะปิดฝาท้าย

●   รูปลักษณ์โดยรวมถือว่าผ่าน ทั้งเส้นตัวถังหลัก และการประดับตกแต่ง ดูลงตัวไม่ขาดไม่เกิน ไม่เรียบง่ายจนดูจืด เพราะมีความน่าสนใจจากเส้นสายบนตัวรถ วัสดุและงานประกอบก็ทำได้ดีสมราคา ตัวรถยกสูงนิดๆ ไม่ใช่ MPV ทรงเก๋ง ความสูงใต้ท้องรถ 205 มิลลิเมตร ยังขึ้น-ลงได้สะดวกแม้ไม่มีบันไดข้าง ช่องห่างตรงซุ้มล้อก็ดูไม่เยอะเกินไป มิติตัวรถมีความยาว 4,475 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,700 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,515/1,510 มิลลิเมตร

ภายในกว้างขวางเอนกประสงค์

●   ภายในห้องโดยสารของ Veloz ออกแบบภายใต้แนวคิด Pround Active เน้นการออกแบบที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน  สวิตช์ควบคุมระบบต่างๆ ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ตกแต่งด้วยสีทูโทน วัสดุส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแข็งฉีดขึ้นรูป ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของรถราคานี้ มีบุนุ่มในจุดที่สัมผัสกับร่างกายบ่อยๆ เช่น ที่เท้าแขนกลางเบาะหน้าและที่แผงประตู ในส่วนที่เป็นพลาสติกแข็งก็ทำได้ดีทั้งการออกแบบลวดลายและการประกอบ จึงไม่ได้ด้อยค่ารถลงแต่อย่างใด แต่ใจอยากให้เป็นสีดำล้วนทั้งเสาและผ้าบุเพดาน เพื่อให้ดูแลรักษาง่ายและไม่โทรมเร็ว เพราะรถประเภทนี้มักต้องรับมือกับความซนของเด็กเล็กอยู่บ่อยๆ

●   เบาะนั่งหุ้มผ้าลายสวยแซมด้วยหนัง ฝั่งผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ นั่งสบายขับได้นานโดยไม่เมื่อยก้น ปีกเบาะไม่สูงมาก ทำให้หมุนพวงมาลัยแล้วไม่ค้ำกับข้อศอก พวงมาลัย 3 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทาง หุ้มหนังพร้อมการตกแต่งด้วยสีเมทัลลิก เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ชุดมาตรวัดแบบเรืองแสง TFT ขนาด 7 นิ้ว ปรับการแสดงผลได้ 4 รูปแบบ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านช่อง USB ที่อยู่ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า จอสัมผัสตอบสนองติดมือพอสมควร ความคมชัดอยู่ในระดับดีเมื่อใช้งานกล้องมองหลังหรือระบบกล้องมองรอบคัน จะมีเส้นกะระยะให้ด้วย

●   ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศที่มีโหมด Auto มาให้ ด้านล่างเป็นไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยแยกทั้ง 7 ที่นั่ง และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียดายที่ไม่มีช่องใส่ของหน้าคันเกียร์ ด้านหลังของคอนโซลเกียร์ มีสวิตช์เบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold ต่อด้วยแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และที่เท้าแขนกลางเบาะหน้า เปิดฝาปิดแบบบุนุ่มจะเจอกับช่องจ่ายไฟฟ้า 12 โวลท์ และช่องใส่ของจุกจิก

●   เบาะแถว 2 เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้มากถึง 240 เซนติเมตร แยกพับพนักพิงได้ กระดกทั้งเบาะนั่งและพนักพิงไปด้านหน้าได้ด้วยการดึงคันโยกเพียงครั้งเดียว เปิดช่องว่างให้ผู้โดยสารแถว 3 เข้า-ออกได้สะดวก ระหว่างการทดลองขับ ลองนั่งเบาะแถว 3 ระยะทางสั้นๆ พบว่านั่งได้จริงสำหรับความสูงระดับ 169 เซนติเมตร แต่ผู้โดยสารแถว  2 ต้องเลื่อนเบาะไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อให้หัวเข่าไม่ติด พื้นห้องโดยสารแถว 3 ไม่ได้ยกขึ้นสูงมากจนนั่งแล้วหัวเข่าแตะคาง ลมแอร์กระจายมาถึงสบายๆ เป็นรถ 7 ที่นั่งที่ใช้งานได้จริง

●   เมื่อใช้งานเบาะนั่งครบทั้ง 7 ตำแหน่ง ยังมีที่เก็บของด้านท้ายอีกพอสมควร ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระก็มีหลุมใส่ของได้อีก แต่ถ้านั่ง 6-7 คนแล้วเดินทางไกลหลายวัน ไม่น่าเก็บสัมภาระของทุกคนได้เพียงพอ คงต้องเสริมแร็กหลังคา เบาะนั่งทั้ง 3 แถว ออกแบบให้พับได้หลายรูปแบบ ใช้งานได้เอนกประสงค์ เช่น

  • Big Room พับแถว 2 และแถว 3 เป็นรถกระบะย่อมๆ สำหรับใส่ของขนาดใหญ่ นั่งได้ 2 คนด้านหน้า
  • Small Room พับแถว 3 นั่งได้ 4-5 คน กับที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่
  • Relax Mode พับแถว 1 เอนราบ แล้วย้ายมานั่งหรือนอนบนเบาะแถว 2 พาดขาไปบนพนักพิงเบาะแถวหน้า
  • Day Bed พับแถว 2 เอนราบ แล้วย้ายไปนั่งเหยียดขาบนเบาะแถว 2
  • Long Stuff พับแถว 3 และเบาะกลางแถว 2 พับพนักพิงเบาะแถว 2 เพื่อใส่ของที่มีความยาว นั่งได้ 4 คน
  • Free Form พับแถว 3 และแถว 2 ด้านซ้ายหรือขวา ใส่ของขนาดใหญ่และมีความยาว นั่งได้ 3 คน
  • Cabinet พับแถว 3 ด้านซ้ายหรือขวา นั่งได้ 4 หรือ 5 คน และมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้

●   จากการทดลองขับและนั่งพบว่า ห้องโดยสารกว้างขวางเกินตัว ทั้งที่ตัวรถไม่ใหญ่โตมากนัก เบาะผู้ขับนั่งสบายไม่เมื่อยเร็ว เบาะแถว 2 แม้จะปรับได้หลายรูปแบบ แต่ก็ดูแน่นหนาดี ออกกแบบการปรับให้ทำได้ง่าย และเบาะแถว 3 ก็นั่งได้จริง เข้าออกได้สะดวก การเก็บเสียงทำได้ดีถึงความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทบไม่มีเสียงลมปะทะ ส่วนเสียงยางก็ค่อนข้างเงียบ ยกเว้นขับผ่นผิวถนนที่แย่จริงๆ ส่วนเสียงเครื่องยนต์จะได้ยินชัดถ้าลากรอบสูง ภายในห้องโดยสารโดยรวมทำได้ดีเมื่อเทียบกับราคา เหมาะสมกับการเป็นรถครอบครัวหรือใช้เดินทาง

ครบครันเรื่องความปลอดภัย

●   Veloz ให้ระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน เกินหน้าเกินตารถที่ราคาแพงกว่าหลายรุ่น โดยอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาทั้ง 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย ระบบ Blind Spot Monitor ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอย พร้อมกล้องหลังและเส้นกะระยะขณะถอย, ฟังก์ชั่น Emergency Brake Signal สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน, ระบบ Vehicle Stability Control ควบคุมการทรงตัว, ระบบ Hill-start Assist Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และถุงลมนิรภัย SRS 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า, ด้านข้าง และม่านด้านข้าง

●   ส่วนรุ่น Premium ติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบ Pre-Collision System เตรียมความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบ Automatic High Beams ปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Lane Departure Alert With Steering Assist เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ, ระบบ Front Departure Alert เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว, ระบบ Pedal Misoperation Control ป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี และระบบ Panoramic View Monitor กล้องมองรอบคัน

●   ในระหว่างการทดลองขับ มีให้ทดสอบระบบ Front Departure Alert เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว เงื่อนไขคือ จอดนิ่งเกิน 10 วินาที ในเกียร์ D เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวแล้วไม่ขยับตาม จะมีเสียงและสัญญาณเตือนบนชุดมาตรวัด อีกระบบความปลอดภัยที่ได้ทดลองคือ ระบบ Pedal Misoperation Control ป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี เงื่อนไขคือ ต้องเหยียบคันเร่งแบบสุดเท่านั้น เมื่อมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหน้า รถจะตัดการส่งกำลังและเบรกให้จนรถหยุดนิ่ง จากนั้นผู้ขับต้องเหยียบเบรกต่อเอง และระบบ Panoramic View Monitor กล้องมองรอบคัน ช่วยให้ขับในที่คับแคบได้อย่างมั่นใจ ด้วยกล้องทั้งซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง ที่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้ พร้อมเส้นกะระยะ

เครื่องยนต์ไม่หวือหวา

●   ทั้ง 2 รุ่นย่อย ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน รหัส 2NR-VE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual-VVT-i กระบอกสูบ 72.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.8 มิลลิเมตร ความจุ 1,496 ซีซี อัตราส่วนการอัด 11.5:1 กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ถังน้ำมันจุ 43 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ CVT

●   โตโยต้าจัดการทดสอบย่อมๆ เพื่อคลายความสงสัย โดยให้นั่ง 6 คน จอดนิ่งบนเนินชันระดับ 12 องศา แล้วกดคันเร่งออกตัว พบว่ารถใช้รอบไม่มากนัก ประมาณ 2,000 รอบฯ นิดๆ ก็เคลื่อนตัวออกไปได้ ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะอัตราทดเฟืองท้าย ที่ค่อนข้างสูง 5.105

●   ส่วนการขับใช้งานทั่วไป ขับในเมืองช่วงรถติดไม่มีปัญหา อัตราเร่งช่วงความเร็วต่ำถือว่าทำได้ดี การเร่งแซงฉุกเฉินขณะใช้ความเร็ว 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แน่นอนว่าต้องลากรอบช่วย ตรงนี้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มีส่วนช่วยได้มาก เพราะไม่มีช่วงรอบตก ทำให้เร่งได้ต่อเนื่อง แต่เสียงเครื่องยนต์จะกระหึ่มเข้าห้องโดยสารชัดเจน จะขับได้อย่างผ่อนคลายและไม่เค้นเครื่องยนต์ ถ้าใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด อัตราสิ้นเปลืองจากโรงงานระบุ 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร ตลอดการทดลองขับแบบใช้งานจริง ไม่มีปั้นตัวเลข มีเร่งรอบบ่อยครั้ง รวมทั้งการใช้ความเร็วสูงระดับ 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อลองช่วงล่าง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร กับการนั่ง 2 คน ถ้านั่งเต็มความจุ แต่ใช้ความเร็วตามกฎหมายและใช้ความเร็วคงที่ ก็น่าจะได้ 13-15 กิโลเมตรต่อลิตร

ช่วงล่างลงตัวกับประเภทรถ

●   ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง อ่านจากแคตาล็อกก็ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ขับดีกว่าที่คิด เพราะลงตัวทั้งความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนน ความเร็วต่ำถึงปานกลางขับนุ่มสบายแต่ไม่ยวบยาบ นั่งเบาะแถว 2 แถว 3 ได้สบาย ไม่เหวี่ยงหรือเวียนหัว ใช้ความเร็วสูงระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างยังให้ความมั่นใจว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ยังสามารถเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อไปถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ขับความเร็วปกติลงคอสะพานโหดๆ ตัวรถมีการยุบและยืดอย่างช้าๆ และหยุดอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการยืดๆ ยุบๆ หลายครั้ง ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ทำงานได้หนักแน่นมั่นใจ สร้างแรงเบรกได้หนักหน่วงและสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้าที่กดแป้นเบรก ทำให้ควบคุมระยะเบรกได้ง่าย พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้ามีความหนืดพอเหมาะ คล่องตัวที่ความเร็วต่ำ มั่นคงที่ความเร็วสูง การเลี้ยวและคืนพวงมาลัยทำได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติ ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย คุ้มค่ากับการลงทุนใส่ยางคุณภาพสูงมาให้ โดยรวมเป็นรถที่ขับดีเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน มีความรู้สึกหนักแน่นทั้งจากช่วงล่างและพวงมาลัย

●   โตโยต้า Veloz รถเอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ตัวรถยกสูงนิดๆ สไตล์ครอสโอเวอร์ ขับท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลมากนัก ภายในกว้างขวาง รองรับได้ 7 ที่นั่งจริง ปรับเบาะนั่งได้หลายรูปแบบ เลือกอุปกรณ์มาตรฐานมาได้สอดคล้องกับประเภทรถและการใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็นก็มีให้ครบครัน ส่วนอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรุ่น Premium ก็จัดเต็ม  เครื่องยนต์ไม่หวือหวา เพียงพอกับการใช้งาน และประหยัดพอสมควร  ช่วงล่าง พวงมาลัย และเบรก ทำมาได้ดี ขับได้อย่างนุ่มนวลและหนักแน่นมั่นใจ สอดคล้องกับสไตล์ของรถ รุ่น Smart กับ Premium ราคาต่างกัน 50,000 บาท เชื่อว่าถ้าซื้อไว้ใช้งานเองส่วนมากคงเลือกรุ่น Premium เพราะคุ้มค่าเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ที่ได้เพิ่มขึ้น     ●

Group Test : 2022 Toyota Veloz