May 13, 2022
Motortrivia Team (10170 articles)

คืนชีพ Bentley T-Series รถเบนท์ลีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ประชาสัมพันธ์

●   (ครูว์ 14 เมษายน 2565) อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ T-Series คันแรกถูกนำกลับมาฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง หลังจากเก็บรักษามานานหลายทศวรรษ เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 6¼ ลิตรได้รับการสตาร์ทเป็นครั้งแรกในรอบอย่างน้อย 15 ปี โดยเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังอยู่ในสภาพดีแม้จะถูกเก็บรักษาเป็นเวลานาน หลังจากโครงการฟื้นฟูนี้ซึ่งมีกำหนดเวลาอย่างน้อย 18 เดือนในการซ่อมแซมรถยนต์ให้กลับมามีสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง รุ่น T-Series จะถูกเพิ่มเข้าไปในคอลเลกชันอัครยนตรกรรมคลาสสิค (Heritage Collection) ของเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นคอลเลกชันที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของแบรนด์อันยาวนานกว่า 103 ปี

●   อัครยนตรกรรมรุ่น T-Series ที่เก่าแก่ที่สุดคันนี้ถูกประกอบขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน ปี 2508 โดยเป็นกรรมสิทธิ์ของทางเบนท์ลีย์ มอเตอร์สและถูกกำหนดให้ทดลองขับทั่วโลก อัครยนตรกรรมคันนี้เสร็จสิ้นการทำเฉดสีภายนอกด้วยเฉดสีเทา Shell Grey และการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุหนังสีน้ำเงิน

●   รถยนต์ได้รับการเปิดตัวและจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่งาน Paris Motor Show เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2508 ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้าอย่างรุ่น S-Type และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัครยนตรกรรมรุ่น T-Series คือ อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกที่ใช้วิธีการประกอบแบบรวม โดยการใช้ตัวถังแบบไร้โครงแทนโครงรถแบบแชสซี และเทคนิคการประกอบตัวถังที่แตกต่างจากทุกรุ่นก่อนหน้านั้น

●   เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 6¼ ลิตร ผลิตพละกำลังกว่า 225 แรงม้า ได้รับการออกแบบและเปิดตัวครั้งแรกในปี 2502 กับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น S2 ในขณะนั้น เครื่องยนต์มอบสมรรถนะสูงสุดตามน้ำหนักของรถยนต์ที่ 2.7 ปอนด์/แรงม้า (1.2 กก./แรงม้า) เครื่องยนต์ได้รับการวิจารณ์ในแง่ลบในขณะนั้น แต่ด้วยจุดแข็ง ความน่าเชื่อถือ และศักยภาพในการพัฒนา ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้กลายเป็นเครื่องยนต์หลักของเบนท์ลีย์ในอีก 50 ปีต่อมา โดยก่อนหน้าที่เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้ถูกเลิกพัฒนาไปในปี 2562 ตัวเครื่องยนต์สามารถผลิตพละกำลังได้มากกว่าสองเท่าและสามเท่าของแรงบิดในขณะที่ปล่อยไอเสียน้อยลงกว่า 99 เปอร์เซ็นต์

●   ในเดือนตุลาคม ปี 2559 เบนท์ลีย์ มอเตอร์สเริ่มกระบวนการฟื้นฟูอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น T-Series หมายเลข VIN 001 โดยเริ่มต้นด้วยการถอดขอบและการปรับสภาพตัวถังในเฉดสีขาว ซึ่งหลังจากการเตรียมการเบื้องต้นได้ไม่นาน โครงการฟื้นฟูก็มีอันต้องถูกระงับไปเนื่องจากการเปิดตัวของอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่และอัครยนตรกรรมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาอัครยนตรกรรมคลาสสิค ตอนนี้อัครยนตรกรรมรุ่น T-Series ก็ได้กลับมาอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูอีกครั้ง

เรื่องราวของอัครยนตรกรรมรุ่น T-Series

●   ในปี 2501 เบนท์ลีย์ มอเตอร์เริ่มงานออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบไร้โครงเป็นครั้งแรก ซึ่งเบนท์ลีย์เป็นที่รู้จักจากงานออกแบบตัวถังซึ่งเป็นโครงสร้างแชสซีแบบแยกจากกัน แต่จากความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าที่ได้เปลี่ยนไปและการออกแบบตัวถังเชิงพานิชย์ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง ทำให้เบนท์ลีย์ต้องออกแบบอัครยนตรกรรมให้มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความหรูหรา และความสะดวกสบายไว้เหมือนเดิมตามความคาดหวังของลูกค้า

●   ในปี 2505 John Blatchley ผู้มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น R-Type Continental ได้เสร็จสิ้นการออกแบบภายนอกสำหรับตัวถังแบบไร้โครงแบบใหม่ที่ทำจากเหล็กและอะลูมิเนียม การออกแบบได้ปรับปรุงพื้นที่ภายในห้องโดยสารจากรุ่น S3 รุ่นก่อน ซึ่งมีขนาดตัวถังที่เล็กลง 7 นิ้ว เพดานห้องโดยสารต่ำลง 5 นิ้ว และความกว้างลดลง 3 นิ้วครึ่ง โดยรวมห้องโดยสารมีขนาดพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและมีช่องเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความจุในการเก็บกระเป๋าเดินทาง

●   สำหรับเครื่องยนต์รุ่น V8 รถยนต์ต้นแบบทั้งหมด 7 คันได้ทำการทดสอบการใช้เครื่องยนต์รุ่น V8 ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยการวิ่งระยะไกลกว่า 100,000 ไมล์ ซึ่งนวัตกรรมการออกแบบได้รวมถึงการติดตั้งซับเฟรมที่แยกจากกันเพื่อการติดตั้งเครื่องยนต์และเกียร์ ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย และเพลาหลัง พร้อมฐานรองยาง ‘Vibrashock’ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแยกเสียงรบกวนภายนอกและการสั่นสะเทือนบนท้องถนน   

●   อัครยนตรกรรมรุ่น T-Series ประกอบจากโครงรถนวัตกรรมชั้นสูงพร้อมระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้งสี่ล้อพร้อมระบบควบคุมความสูงอัตโนมัติตามน้ำหนักบรรทุก แรงกดสำหรับระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับอัตโนมัติมาจากระบบเบรกแบบไฮดรอลิก ซึ่งประกอบด้วยดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ และระบบกันสะเทือนของช่วงล่างและคอยล์สปริงบริเวณด้านหน้าและด้านหลัง

●   อัครยนตรกรรมรุ่นนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการปฏิวัติทางวิศวกรรมยานยนต์ เนื่องจากเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกที่เป็นการประกอบจากตัวถังแบบไร้โครงและน้ำหนักเบา มอบสมรรถนะที่น่าประทับใจในประเภทของรถยนต์แบบซีดานในปี 2508 ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 115 ไมล์ต่อชั่วโมง และสามารถทำความเร็ว 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10.9 วินาที

●   อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่น T-Series รุ่นแรกถูกประกอบขึ้นจำนวนกว่า 1,868 คัน โดยมีราคาขายก่อนภาษีอยู่ที่ 5,425 ปอนด์ โดยส่วนใหญ่เป็นรถเก๋งซีดานแบบสี่ประตู สำหรับรุ่นสองประตูถูกประกอบขึ้นในปี 2509 และอีกหนึ่งปีต่อมาได้มีการเปิดตัวรุ่นเปิดประทุน อย่างไรก็ตาม จำนวนการผลิตของ 2 รุ่นนี้มีอยู่เพียงแค่ 41 คันเท่านั้น โดยมีอัครยนตรกรรมรุ่นที่ 2 หรือที่รู้จักกันในนามว่ารุ่น T2 เปิดตัวในปี 2520 และผลิตต่อมาจนถึงปี 2523

●   เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด ใหม่ (New Bentayga Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 13.2 ล้านบาท และ เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด ใหม่ (New Flying Spur Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม

●   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร 02-261-1050 หรือ LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V     ●

NEW LIFE FOR WORLD’S OLDEST BENTLEY T-SERIES