2023 Toyota Crown เจนเนอเรชั่นที่ 16 เผยโฉมแรก +3 รูปแบบตัวถังใหม่
เรื่อง : AREA 54
● หลังเตรียมยุติการทำตลาดรถซีดานหรูฟูลไซส์ Toyota Avalon ในสหรัฐฯ โตโยต้าก็เตรียมทำตลาด Toyota Crown รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 16 แทนที่… ทว่า Crown ใหม่นั้นไม่ใช่ซีดานหรูแบบดั้งเดิมอีกต่อไป เมื่อโตโยต้าเผยโฉมมันออกมาภายใต้เรือนร่างของรถที่อยู่กึ่งกลางระหว่างซีดานและครอสโอเวอร์ พร้อมด้วยต้นแบบ Crown พร้อมตราสัญลักษณ์ใหม่ในญี่ปุ่นอีกถึง 3 รูปแบบตัวถัง
● เมื่อเอ่ยถึงชื่อ Crown เรารู้กันดีว่าชื่อนี้เป็นมากกว่าชื่อรถรุ่นหนึ่งของโตโยต้า Crown นั้นคือโตโยต้า… คือความเป็นแบรนด์… คือตัวตนของโตโยต้าที่ยืนยงมาตั้งแต่ช่วงกลางยุค 50s นับจาก Crown รุ่นแรกเปิดตัวในปี 1955 ที่ญี่ปุ่น และเริ่มส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปี 1957 พร้อมทำตลาดสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจนถึงต้นยุค 70s ดังนั้นการนำชื่อ Crown ไปทำตลาดอเมริกาเหนือในครั้งนี้ นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของชื่อ Crown เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีเลยทีเดียว
● Crown ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 16 รุ่นที่เห็นนี้ โตโยต้าเรียกมันว่า “Toyota Crown Crossover” ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม TNGA รหัสย่อย GA-K แบบเดียวกับที่ใช้ผลิต Toyota Avalon รุ่นปัจจุบัน และรถรุ่นอื่นๆ อย่าง Toyota Camry, Toyota RAV4 และรถในเครือเลกซัสอีกหลายรุ่น ขนาดตัวมีความยาว 4,930 มม. กว้าง 1,840 มม. สูง 1,540 มม. ความยาวฐานล้อจากหน้าถึงหลัง 2,850 มม. งานออกแบบผสมผสานความเป็นซีดานเข้ากับครอสโอเวอร์ และมีรูปแบบที่ชวนให้นึกถึง Toyota bZ4X ที่ลดความสูง เฉือนท้ายให้ลาดเทแบบรถฟาสท์แบค แล้วเพิ่มความหรูเข้าไป
● ห้องโดยสารจัดวางอุปกรณ์แบบเรียบๆ ไม่หวือหวา อุปกรณ์มาตรฐานหลักๆ มีมาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว วางคู่กับจอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ Toyota Multimedia System ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่แบบ All-New ขนาด 12.3 นิ้ว วางไว้ในกรอบเดียวกัน รองรับการใช้ระบบนำทางแบบคลาวด์, การอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA, ฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงผ่านชุดคำสั่งเริ่มต้น “Hey Toyota”, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาทโฟนผ่าน Android Auto™ หรือ Apple CarPlay®, สลอทชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, พอร์ท USB-Type A และ Type C, ระบบปรับอากาศแบบ Dual-zone, เบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า, ชุดเครื่องเสียงพรีเมียมจาก JBL พร้อมลำโพง 11 ตำแหน่ง และหลังคา Panoramic glass roof
● ทุกรุ่นย่อยมากับระบบขับเคลื่อนไฮบริด แยกเป็นรุ่นพื้นฐานเกรด XLE และ Limited ทั้งคู่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด THS หรือ Toyota Hybrid System เจนเนอเรชั่น 4 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว, แบตเตอรี่แพคชนิด ไบโพลาร์ นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ส่งกำลังด้วยเกียร์ eCVT shift-by-wire พร้อมโหมดในการขับเลือกได้ 3 แบบระหว่าง Eco, Normal หรือ Sport กำลังสูงสุดยังไม่ระบุ
● รุ่นท๊อปเกรด Platinum ขยับไปใช้ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ ใช้ชื่อทางการค้าว่า HYBRID MAX เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่แพค นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ คลัทช์ไฮดรอลิคชนิดเปียกแบบหลายแผ่นรุ่นใหม่… ทุกรุ่นมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD รุ่นล่าสุดที่โตโยต้าใช้ชื่อทางการค้าว่า E-Four ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแยก eAxle สามารถควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างอิสระ แยกการควบคุมล้อหน้า-หลังออกจากกัน กำลังรวมทั้งระบบ 345 แรงม้า (PS) โหมดในการขับเลือกได้ 6 แบบระหว่าง Eco, Normal, Custom, Comfort, Sport และ Sport+
● ชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 มีอาทิ ระบบ Automatic High Beams ลดความสว่างของไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อพบรถสวน, ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แปรผันความเร็วอัตโนมัติโดยใช้เรดาห์ตรวจจับรถคันหน้า, ระบบ Road Sign Assist ช่วยสังเกตป้ายสัญญาณเตือน, ระบบ Pre-Collision System with Pedestrian Detection เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
● ต่อด้วยระบบ Lane Departure Alert with Steering Assist ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมฟังก์ชั่นหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ, ระบบ Lane Tracing Assist ช่วยรักษาตำแหน่งรถในช่องทาง, ระบบ Blind Spot Monitor แจ้งเตือนมุมอับสายตา, ระบบ Rear Cross Traffic Alert แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลัง, ระบบช่วยจอด Advanced Park system และระบบ Rear Seat Reminder เตือนให้ผู้ขับเช็คความเรียบร้อยของผู้โดยสารทางด้านหลังก่อนหรือหลังเดินทาง
+3 รูปแบบตัวถังใหม่
● นอกจาก Crown เวอร์ชั่นครอสโอเวอร์ข้างต้น หรือที่โตโยต้าเรียกว่า “Crossover Type” โตโยต้ายังโชว์ไลน์อัพต้นแบบ Crown ใหม่อีก 3 รูปแบบตัวถัง ซึ่งจะมีการผลิตตามออกมาในอนาคตอันใกล้ ทุกรุ่นมีงานออกแบบที่อยู่ในฟอร์มเดียวกัน และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นตัวโปรโตไทป์มากกว่าตัวต้นแบบ เนื่องจากภาพลักษณ์คันจริงคงไม่หนีไปจากนี้มากนัก (หรืออาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้เลยก็ได้)
● ทั้ง 3 ตัวถังประกอบด้วย (1) รถ SUV สไตล์สปอร์ต หรือ Sports Type (2) รถซีดานหรู 4 ประตูแบบดั้งเดิม หรือ Sedan Type และ (3) รถ 4 ประตู ท้ายสเตชั่นแวกอน หรือ Estate Type ซึ่งหากเราย้อนกลับไปในยุค 50s Toyota Crown รุ่นแรกก็มีรุ่นตัวถัง 2 ประตู สเตชั่นแวกอน หรือ 4 ประตู สเตชั่นแวกอน ให้เลือกเช่นกัน ดังนั้น Crown ใหม่รวม 4 ทางเลือกตัวถังนั้นไม่มีอะไรน่าแปลกใจนัก ยกเว้นงานออกแบบรุ่น Estate Type ที่ฉีกแนวรถสเตชั่นแวกอนทรงกล่องออกไปอย่างสิ้นเชิง
● อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้อมูลเบื้องต้นของ Crown Crossover Type แล้ว โตโยต้ายังไม่เผยรายละเอียดทางเทคนิคใดๆ ของ 3 รุ่นที่เหลือในเวลานี้ครับ
● ทั้งนี้ โตโยต้าจะเริ่มจำหน่าย Crown ตัวถังครอสโอเวอร์ในญี่ปุ่นก่อนตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2022 เป็นต้นไป จากนั้นจึงจะเป็นคิวของสหรัฐฯ ภายในช่วงปลายปีเดียวกันนี้ ราคาจำหน่ายยังไม่ระบุ ส่วนรุ่นตัวถังอื่นๆ อีก 3 รุ่นนั้น โตโยต้ายังไม่ระบุกรอบเวลาในการเปิดตัว
● โตโยต้าให้ข้อมูลว่าจะทำตลาด Crown ใหม่ 40 ประเทศในหลายภูมิภาค โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 2 แสนคัน/ปี นั่นหมายความว่าชื่อของ “Crown” ควรจะกลายเป็นชื่อรุ่นรถเมนสตรีมของโตโยต้าทั่วโลกเช่นเดียวกับ Corolla ซึ่งแปลว่ามงกุฏ (ขนาดเล็ก) เช่นกันในภาษาลาติน… แฟนๆ โตโยต้าในบ้านเราจะลองลุ้นกันดูเล่นๆ ก็ไม่น่าจะผิดกติกาอะไรครับ ●
อัพเดท (1) : สเปคและราคาจำหน่ายเวอร์ชั่นญี่ปุ่น
17 July, 2022 : AT 10:39 AM
● โตโยต้าเผยสเปคและราคาจำหน่าย Crown เวอร์ชั่น JDM ออกมาแล้ว เบื้องต้นเกรดรุ่นย่อยจะมีทั้งหมด 3 รุ่นหลักได้แก่ X, G และ RS แต่ละเกรดจะมีรุ่นย่อยซอยออกไปตามออปชั่นและการตกแต่งรวม 7 รุ่น ทุกรุ่นจะมากับตราสัญลักษณ์ Crown บนฝากระโปรงหน้าและพวงมาลัย ในขณะที่เวอร์ชั่นตลาดโลก (เช่นสหรัฐฯ) จะยังคงคงใช้ตราสัญลักษณ์ 3 ห่วงของโตโยต้าแบบเดิม
● สีตัวถังประกอบด้วย สีดำแบบพื้นฐาน (Black), Oxygen White, Magnetic Gray Metallic, Heavy Metal, Supersonic Red และสีพิเศษ Bronze Age ซึ่งจะเป็นการใช้สีแบบ bi-tone เป็นครั้งแรก จับคู่กับสีดำที่ฝากระโปรงหน้า/หลัง ล้ออัลลายมีขนาด 19 – 21 นิ้ว แล้วแต่รุ่นย่อย
● รุ่นพื้นฐานเกรด X และรุ่นกลางเกรด G ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เกียร์ eCVT โดยตัวเลขพละกำลังที่ค้างเอาไว้ในข้างต้นนั้น เฉพาะเครื่องยนต์ผลิตได้ 186 แรงม้า (PS) มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้ากำลังสูงสุด 120 แรงม้า ด้านหลัง 54 แรงม้า
● รุ่น RS ใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four เฉพาะเครื่องยนต์กำลังสูงสุด 272 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าเอาท์พุท 83 แรงม้า ด้านหลัง 81 แรงม้า
● ราคาจำหน่ายไม่ดุอย่างที่คิดครับ Crown ใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 4,350,000 เยน หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท ส่วนรุ่นท๊อปจบที่ 6,400,000 เยน หรือราวๆ 1.7 ล้านบาท ●