BMW เตรียมใช้งานแบตเตอรี่ทรงกระบอกกับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ในปี 2025
เรื่อง : AREA 54
● บีเอ็มดับเบิลยูเผยข้อมูลแบตเตอรี่แพคเจนเนอเรชั่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่รุ่นใหม่ หรือ “Neue Klasse Cars” (New Class ในภาษาอังกฤษ) หลายรุ่น ซึ่ง 2 รุ่นแรกมีคิวเปิดตัวภายในช่วงปี 2025
● ในเบื้องต้น บีเอ็มดับเบิลยูจะเปิดตัวรถอย่างน้อย 2 รุ่น ประกอบด้วยรถซีดานขนาดคอมแพคท์ 1 รุ่น และรถ SUV สไตล์สปอร์ต 1 รุ่น ทั้งคู่จะได้รับการพัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรมแพลทฟอร์มใหม่ (Neue Klasse architecture) ที่ออกแบบมาเพื่อผลิตรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ส่วนฐานการผลิตนั้น บีเอ็มดับเบิลยูจะทำการเปิดโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ขึ้นในประเทศฮังการี
● ไฮไลท์สำคัญคือแบตเตอรี่แพคเจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งจะมีการออกแบบแพคเกจเซลล์แบตเตอรี่ให้อยู่ในรูปทรงกระบอก (Cylindrical Cell Batteries) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มม. ใช้แทนที่แบตเตอรี่เซลล์แบบแท่ง (Prismatic Cell Batteries) ที่ผู้ผลิตรถยนต์ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยจะแยกเป็น 2 แบบ เส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน ต่างกันที่ความสูงของตัวแบตเตอรี่เซลล์
● แบตเตอรี่แบบใหม่นี้ แต่ละเซลล์จะใช้นิคเกิลมากขึ้น ใช้โคบอลท์น้อยลงในฝั่งขั้ว Cathode (ลบ) และเสิรมด้วยซิลิโคนในฝั่งขั้ว Anode (บวก) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้แบตเตอรี่เจนเนอเรชั่นใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยูมีความหนาแน่นของพลังงานต่อมวล (Energy density) มากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนแบบดั้งเดิม +20%
● นอกจากนี้ แบตเตอรี่ทรงกระบอกแบบใหม่ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แพคประสิทธิภาพสูงยุคใหม่ที่สามารถรองรับการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลท์ด้วย (ยกตัวอย่างแบตเตอรี่ใช้งานใน Porsche Taycan หรือ IONIQ 6 ของฮุนได รุ่นปัจจุบัน)
● ด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยูจะออกแบบกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ใหม่แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน ส่วนประกอบหลักๆ อย่างโคบอลท์, ลิเธียม และนิคเกิล จะใช้ผสมกันระหว่างวัตถุดิบที่อยู่ในวงจรการผลิตปัจจุบัน ร่วมกับส่วนที่ถูกขุดมาใหม่ ซึ่งผ่านการรับรองและสามารถตรวจสอบได้ตลอดกระบวนการผลิต และเป้าหมายสูงสุดของบีเอ็มดับเบิลยูคือการใช้เซลล์แบตเตอรี่ที่สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด
● และทั้งหมดนี้จะช่วยให้ราคาจำหน่ายของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูในอนาคตมีราคาจำหน่ายลดลงในระดับหนึ่ง ●
