September 8, 2022
Motortrivia Team (10074 articles)

2022 New Mazda CX-8 2.5 SP 7 ที่นั่ง ก็ยังขับสนุก

เรื่อง-ภาพ-วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

●   ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย มีโอกาสได้ทดลองขับ มาสด้า CX-8 รุ่นปรับโฉม รุ่นย่อย 2.5 SP 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรุ่นกลางของเครื่องยนต์เบนซิน ราคา 1,619,000 บาท ลองดูว่าอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาในรุ่นกลางจะเพียงพอหรือไม่ การเข้า-ออกและนั่งบนเบาะแถว 3 มีความสะดวกแค่ไหน และการตอบสนองของกำลัง 194 แรงม้า กับแรงบิด 258 นิวตัน-เมตร จะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในรถคันใหญ่ ทีมงานมีคำตอบครับ

รถคันใหญ่แต่ดูไม่เทอะทะ

●   จากมิติตัวรถที่มีความยาว 4,900 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,730 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,595/1,600 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 200 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,781 กิโลกรัม จัดเป็นรถขนาดค่อนไปทางใหญ่ สูสีกับเอสยูวีพื้นฐานปิกอัพ แต่ด้วยการออกแบบที่ดี ทำให้ CX-8 ดูมีความสปอร์ตปราดเปรียวทะมัดทะแมง

●   โคมไฟหน้าทรงเพรียวกว้าง ใช้ระบบส่องสว่างแบบ LED รวมแสงด้วยเลนส์โปรเจ็คเตอร์ มีระบบเปิด-ปิด และปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับทิศทางแสงตามการหมุนของพวงมาลัย ขับกลางคืนกับรถที่ยังไม่ได้ติดฟิล์ม แสงไฟหน้าสว่างกว้างและไกล มีขอบเขตที่คมชัดไม่ฟุ้งกระจาย มีไฟ Day-Time แบบ LED Signature และในรุ่นเบนซินทุกรุ่นย่อย ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ ซึ่งก็แทบไม่จำเป็นเพราะไฟหน้าก็สว่างเหลือเฟือแล้ว

●   กระจังหน้าสีดำเงา Piano Black ติดตั้งกล้องหน้า สำหรับระบบกล้อง 360 องศา ขอบกระจังเป็นพลาสติกชุบโครเมียมทรงปีกนกรับไปกับตัวโคมไฟ ส่งเสริมให้มุมมองด้านหน้าดูแบนกว้างยิ่งขึ้น ด้านข้างจะเห็นได้ชัดว่าเป็นรถที่ฐานล้อค่อนข้างยาว ประตูคู่หลังยาวกว่าคู่หน้า เพื่อให้ผู้โดยสารแถว 3 เข้า-ออกได้สะดวก ระยะยื่นด้านหลังค่อนข้างมาก ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระหลังเบาะแถว 3 มากขึ้น  แนวขอบล่างของกระจกลากเป็นเส้นตรงจากฝากระโปรงหน้าจรดด้านท้าย ทำให้ตัวรถดูมั่นคง

●   กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวและระบบเตือนจุดบอดด้านข้าง มีกล้องทั้ง 2 ฝั่ง สำหรับระบบกล้อง 360 องศา ล้อแม็ก 7×19 นิ้ว เน้นวงใหญ่ดูเต็มเมื่อมองจากด้านข้าง แต่ความกว้างของล้อไม่มากนัก ใส่กับยาง 225/55 R19 ขอบล่างด้านข้างรถตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม ไฟท้ายแบบ LED Signature คาดขวางด้วยคิ้วโครเมียม สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ปลายท่อโครเมียมทรงกลมคู่ แยกออกซ้าย-ขวา ประตูท้ายไฟฟ้า สั่งงานได้จากรีโมท กดปุ่มในรถ หรือใช้ระบบแฮนด์ฟรีใช้เท้าสอดเข้าไปใต้กันชนตรงกลาง

ห้องโดยสารเปี่ยมคุณภาพ

●   อีกหนึ่งจุดเด่นของมาสด้าคือ การใช้วัสดุคุณภาพดี ให้ความรู้สึกพรีเมียมหรูหรา อย่างใน CX-8 แทบจะหาชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกแข็งไม่เจอ เกือบทุกจุดใช้วัสดุแบบ Soft Touch ให้สัมผัสที่ดี ชอบใจอีกอย่างตรงที่ใช้สีดำไปถึงเสาหลังคาและผ้าบุเพดาน รุ่นนี้แซมด้วยหนังสีแดง Deep Red ที่แผงประตูและคอนโซลกลาง เลือกสีมาค่อนข้างเข้มดูสวยกลมกลืน มองบางมุมแทบจะเป็นสีดำเหมือนส่วนอื่น เพิ่มความสว่างด้วยด้ายสีขาว และการตกแต่งด้วยสีโครเมียมปัดเงาและปัดด้านในบางจุดเพื่อลดแสงสะท้อน

●   ชุดมาตรวัดสปอร์ตทรงกลม ตรงกลางเป็นมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล แต่แสดงผลแบบเข็มได้อย่างแนบเนียน มีขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบด้วยปุ่ม INFO บนพวงมาลัยฝั่งซ้าย ใช้การกดย้ำและกดแช่เพื่อรีเซตข้อมูลต่างๆ โดยจะแสดงเป็นเมนูที่แถบฝั่งซ้ายของมาตรวัดความเร็ว ซึ่งเมื่อใช้งานเสร็จแล้วจะกลับไปแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง พวงมาลัย 3 ก้านปรับได้ 4 ทิศทาง เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ใหญ่ วงอวบกระชับมือ หุ้มหนังเนื้อละเอียด ให้สัมผัสที่ดี

●   แผงคอนโซลบุนุ่มทั้งชิ้น ตรงกลางมีจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ควบคุมได้ด้วยปุ่ม Center Commander ที่คอนโซลเกียร์ เป็นศูนย์กลางในการปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถ รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto รวมทั้งเป็นจอแสดงผลของกล้อง 360 องศา และกล้องหน้า-หลัง พร้อมเส้นกะระยะแปรผันตามการหมุนพวงมาลัย กล้องหลังปรับมุมภาพได้ด้วยการแตะที่หน้าจอ

●   ชุดควบคุมแอร์แบบดิจิตอล แยกซ้าย-ขวา พร้อมสวิตช์เปิด-ปิดแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 ต่อเนื่องด้วยแท่นชาร์จไร้สาย คอนโซลเกียร์ขนาดใหญ่โตไปนิดเบียดขาซ้ายผู้ขับเพราะมีปุ่มต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ทั้งปุ่มเลือกโหมด SPORT เบรกมือไฟฟ้า และ AUTO HOLD และชุดสวิตช์ Center Commander สั่งงานจอกลางด้วยการหมุน โยก และกดลง ถัดลงมาเป็นที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ล้อมกรอบด้วยพลาสติกชุบโครเมียมดูหรู ที่เท้าแขนกลางเบาะหน้ามีฝาปิดแบบแยก มีช่อง USB สำหรับชาร์จไฟฟ้า และเชื่อมต่อกับรถ มีช่อง AUX และช่องใส่ SD Card สำหรับระบบนำทางของรถ

●   เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังไฟฟ้า และหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง เบาะหนานุ่มนั่งสบาย ไม่โอบกระชับมากไปจนอึดอัด ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง กระจกมองหลังไร้กรอบตัดแสงอัตโนมัติ มีสวิตช์เปิด-ปิดได้ ห้องโดยสารด้านหน้าโดยรวมทำได้ดีทั้งความกว้างขวาง และให้ความรู้สึกพรีเมียมเมื่อสัมผัสหรือใช้งานปุ่มและก้านคันโยกต่างๆ

●   เบาะแถว 2 แยกเป็น 2 ส่วน 60:40 ปรับได้เต็มระบบ ทั้งเลื่อนเดินหน้าถอยหลัง พนักพิงปรับเอนได้ และพับมาแนบกับเบาะนั่งได้ มีช่องแอร์ที่ปรับได้ทั้งแรงลม ทิศทางลม และอุณหภูมิ มีที่เท้าแขนตรงกลาง เป็นที่วางแก้วน้ำ เปิดฝาปิดจะเจอกับ USB 2 ช่อง กำลังไฟ 2.1 แอมป์ ชาร์จแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ได้ เบาะแถว 2 ทั้ง 2 ฝั่ง มีคันโยกที่โยกเพียงจังหวะเดียวก็สามารถพับพนักพิงลงแนบกับเบาะนั่งและกระดกไปพิงกับหลังเบาะคู่หน้าได้ เปิดช่องว่างขนาดใหญ่ให้ผู้โดยสารแถว 3 เข้า-ออกได้ค่อนข้างสะดวก

●   เบาะแถว 3 นั่งได้จริงกับความสูง 170 เซนติเมตร ด้านหลังของพนักพิงมีคันโยกเพื่อพับหมอนรองศีรษะลงก่อนจะพับราบลง มีสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งช่องชาร์จไฟ USB 2.5 แอมป์ ที่วางแก้วน้ำหรือใส่ของ ลองใช้งานเบาะทั้ง 3 แถวแล้ว ด้านหลังเบาะแถว 3 ยังมีที่เก็บสัมภาระอีกพอสมควร ที่พื้นมีฝาปิดใส่สัมภาระที่ต้องการแยกส่วนกันได้เช่น เสื้อผ้าหรือรองเท้าที่เปียกเปื้อน ลองพับเบาะแถว 2 และ 3 ราบลง ก็จะได้พื้นที่ใส่ของที่มีความกว้างและลึกระดับน้องๆ รถปิกอัพ แต่คงไม่มีใครทำทารุณกรรมหรือสมบุกสมบันมากนัก เพราะเสียดายรถที่ให้วัสดุมาค่อนข้างดี

●   ภายในห้องโดยสารโดยรวมถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพวัสดุและการประกอบ ความกว้างขวางที่ไม่ใช่จุดเด่นของมาสด้า ก็ทำได้ดีขึ้นในรุ่นนี้โดยเฉพาะเบาะแถว 2 และที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเมื่อพับเบาะแถว 3 ลง การป้องกันเสียงรบกวนก็ทำได้ดี โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างเงียบเมื่อขับด้วยความเร็วปกติ เสียงลมก็ไม่ดังมากที่ความเร็วไม่เกิน 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับทางไกลได้อย่างผ่อนคลายและไม่เหนื่อยล้าเร็ว

ขับสนุกกว่าที่คิด ประหยัดอีกนิดก็จะดี

●   CX-8 รุ่นเบนซินทุกรุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.5 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มีระบบแปรผันวาล์ว Dual S-VT จ่ายน้ำมันแบบไดเร็คอินเจ็คชั่น คันเร่งไฟฟ้า ความจุ 2,488 ซีซี กระบอกสูบ 89.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 100.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 13.0:1 กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับ E20 ออกเทน 95 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยระบุไว้ 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร ถังน้ำมันจุ 72 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบฟันเฟือง พร้อม Activematic +/-

●   ก่อนขับไม่คาดหวังมาก เพราะมีแรงม้าแรงบิดสูงในรอบสูง แต่ขับแล้วต้องเปลี่ยนใจเพราะการตอบสนองที่รอบต่ำก็ทำได้ดีกว่าที่คิด ขับในเมืองความเร็วต่ำหรือมีการเร่งสลับเบรกบ่อยๆ ก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือกระชากกระชั้น ยังคงขับได้นุ่มนวลราบเรียบ ไหลลัดเลาะไปตามสภาพการจราจรได้สบายๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะนั่งแค่ 2 คน ไม่ได้นั่งเต็มความจุ ทางโล่งลองกดคันเร่งเพิ่มความเร็วโดยไม่คิ๊กดาวน์ รู้สึกว่าเร่งได้ต่อเนื่องดีกว่าที่คิด โดยเฉพาะเมื่อรอบเกิน 2,000-2,500 รอบต่อนาทีไปแล้ว จะรู้สึกเหมือนคันเร่งเบากว่าเดิมเล็กน้อย รถพุ่งทันทีเมื่อกดคันเร่งเพิ่ม

●   ส่วนการเร่งแบบคิ๊กดาวน์ก็ทำเวลาได้ดีขึ้น เหมาะกับการเร่งแซงฉุกเฉิน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มแบบแน่นๆ ไม่รู้สึกว่ารีดเค้นมากนัก รอบตวัดขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง ลองโหมด +/- ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยการโยกคันเกียร์ แต่ก็ยังสามารถคิ๊กดาวน์ได้ซึ่งก็ดีเผื่อต้องแซงในกรณีฉุกเฉิน ระบบส่งกำลังเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องชื่นชม เพราะโดยส่วนตัวแล้วก็ยังชอบเกียร์อัตโนมัติแบบฟันเฟืองมากกว่าแบบพูเลย์ CVT แล้วยิ่งเป็นเกียร์ของมาสด้าที่เกียร์เปลี่ยนขึ้น-ลงได้อย่างกระชับรวดเร็ว ช่วยให้ขับรถคันใหญ่ๆ ได้คล่องแคล่วขึ้น ขับสนุกขึ้น

●   ขับความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รอบป้วนเปี้ยนแถว 2,000 รอบต่อนาที รอบไม่ต่ำมากนัก อาจต้องเผื่อกำลังฉุดลากไว้สำหรับนั่งเต็มความจุ 7 คน ขับใช้งานปกติความเร็วตามกฎหมาย ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร มีรถติดหนักก่อนออกจากเมือง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร ตอนแรกคิดว่ากินดุไปนิด แต่ดูตัวเลขของมาสด้าที่ทำได้ 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร แล้วก็เบาใจว่าอัตราสิ้นเปลืองที่ขับได้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

นุ่มนวลนั่งสบายสไตล์รถครอบครัว

●   CX-8 ใช้ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า วงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ มีระบบ Skyactiv-Vehicle Dynamics G-Vectoring Control Plus ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน

●   ระบบกันสะเทือนและพวงมาลัย เป็นอีกจุดที่ต้องชมเพราะเซตมาได้พอดี ทั้งความสะดวกสบายและการยึดเกาะถนน พวงมาลัยเบาแรงพอเหมาะ การตอบสนองแม่นยำและมีความฉับไวเหมาะสมกับประเภทรถ ไม่เร็วเกินจนวูบวาบ แต่ก็ไม่ช้าจนเฉื่อยชา ยังคงให้ความสนุกตามสไตล์มาสด้า แต่ก็ขับได้อย่างเบาแรง ระบบกันสะเทือนมีระยะให้ตัวค่อนข้างเยอะ แต่ก็มีความหนืดมารั้งไว้ทำให้มีความกระชับหนักแน่นไม่วูบวาบ ขับทางคดเคี้ยวได้อย่างมั่นใจและเบาแรง ควบคุมรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขการใช้ความเร็วที่เหมาะสมด้วย

●   ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อมตัวช่วยมาตรฐานทั้ง ABS EBD และ BA แตะเบรกแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าผ้าเบรกกับจานเบรกไม่ค่อยสามัคคีกันเท่าไร แรงดูดหรือแรงดึงหน่วงไม่ได้มากอย่างที่คิด ออกแนวด้านๆ แข็งๆ มากไปหน่อย ต้องออกแรงเหยียบเบรกเพิ่มขึ้นถึงจะเริ่มมีแรงดึง ไม่แน่ใจว่าเป็นทุกคันหรือเฉพาะคัน ต้องปรับตัวพักใหญ่ถึงจะชิน

●   Mazda CX-8 2.5 SP เอสยูวีขนาดกลางกึ่งใหญ่ น่าสนใจถ้าต้องนั่ง 7 คนบ่อยๆ หรือจะนั่ง 4-5 คนก็กว้างสบายกว่า CX-5 และยังมีที่เก็บสัมภาระด้านหลังอีกเพียบ การใช้งานยืดหยุ่นกว่ารุ่น Exclusive 6 ที่นั่ง ภายในตกแต่งสวยงามคุณภาพดี ทำให้ราคา 1,619,000 บาท ดูไม่แพงเกินไป สมรรถนะการขับโดยรวมทั้งเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือนก็ถือว่าไว้ใจได้ และน่าจะตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยแพกเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care ตลอด 5 ปี ครอบคลุมทั้งค่าแรงและค่าะไหล่     ●

ขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถทดสอบ

Test Drive : 2022 Mazda CX-8