October 3, 2022
Motortrivia Team (10190 articles)

HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ให้แบตใหญ่ ขับได้ไกลกว่าเดิม

เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ

●   HAVAL H6 หนึ่งในเอสยูวียอดนิดยม มียอดขายทั่วโลกรวม 3.5 ล้านคัน ยอดขายอันดับ 1 ในประเทศจีน 9 ปีติดต่อกัน และมียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่ม C-SUV ในเมืองไทย 7 เดือนติดต่อกัน เฉลี่ยส่วนแบ่งตลาด 33 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ล่าสุด GWM เพิ่มทางเลือกด้วย HAVAL H6 Plug-in Hybrid เปลี่ยนแบตเตอรี่ไฮบริดความจุมากขึ้นเป็น 34 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 201 กิโลเมตร (NEDC Standard) มาพร้อมการปรับโฉมและเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการ

●   HAVAL H6 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโมดูลาร์ GWM LEMON ปรับเปลี่ยนและรองรับเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เป็นแพลตฟอร์มที่มีน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับดีขึ้นทั้งในแง่ประสิทธิภาพการเร่ง การเบรก และการทรงตัว ต้านทานแรงบิดและเพิ่มความแข็งแรงโดยใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงสูง High-Strength Steel ในการผลิตตัวโครงสร้างมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และใช้เหล็กความแข็งแรงสูงที่ 2000 MPa

โหมด EV ขับจริงได้ 150 กิโลเมตร

●   HAVAL H6 PHEV ใช้แบตเตอรี่ความจุมากขึ้น ระบุว่าขับได้ 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อขับใช้งานจริงจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ขับได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ สำหรับทริปนี้ทาง GWM ตั้งใจให้ขับด้วยโหมด EV จนไฟฟ้าหมด แล้วดูว่าขับได้ระยะทางเท่าไร จากนั้นระบบก็จะขับด้วยโหมดไฮบริดต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อดีหรือจุดแข็งของรถประเภทนี้ ที่ยังเหนือกว่ารถไฟฟ้าล้วนหรือ EV ที่ยังต้องรอการพัฒนาระบบการจองสถานีชาร์จให้มีความเสถียรมากกว่านี้

●   ออกจาก GWM ที่บางนา มุ่งหน้าร้านอาหารกลางวันที่อยุธยา ระยะทางขาไป 102 กิโลเมตร ขับด้วยโหมด EV ใช้ไฟฟ้าล้วนๆ ยังไงก็ไปถึงแน่ๆ สภาพการจราจรช่วงออกจากเมืองค่อนข้างติดขัด ใช้เส้นวงแหวนพ้นจากด่านเก็บเงินการจราจรเริ่มโล่ง ลองกดคันเร่ง 2-3 ครั้ง อัตราเร่งทันใจมาก กระชากรถคันสูงใหญ่ให้เพิ่มความเร็วได้อย่างทันใจสุดๆ เรียกว่าลืมความประหยัดหรือรักโลกไปเลย ระบบกันสะเทือนโครงสร้างเดิม อิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ ปรับเซตใหม่เพิ่มความแข็งของสปริงเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ผลพลอยได้คือ อาการท้ายเหวี่ยงโยนก็หมดไปด้วย เป็นรถที่ขับได้หนักแน่นขึ้น ช่วงล่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนสื่อมวลชนที่มีอาการเมารถเมาเรือได้ง่าย นั่งเบาะหลังไปตลอดทางเพื่อถ่ายวีดิโอ ก็ไม่มีอาการเมารถเมื่อไปถึงร้านอาหาร

●   หลังจากผ่านช่วง 1 ใน 3 ของมาตรวัดไปแล้ว การลดลงของไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะค่อนข้างเร็ว ถึงกับต้องหักห้ามใจไม่กดคันเร่งมาก เผื่อไฟฟ้าให้เพื่อนขับในช่วงขากลับบ้าง โดยรวมเมื่อขับในโหมด EV ล้วนคือ อัตราเร่งทันใจ ตอบสนองดีสุดๆ ในช่วงความเร็วต่ำอย่างการใช้งานในเมือง ไปจนถึงความเร็วเดินทางระดับ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กดปุ๊ปมาปั๊ป เร่งทันใจแบบไม่ต้องรอรอบ

●   เสียงการทำงานของระบบ EV ก็ค่อนข้างเงียบ แอร์เย็นฉ่ำตามปกติ ความรู้สึกของพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ก็ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่เบาหวิวจนขาดความมั่นใจ เช่นเดียวกับการเหยียบเบรกที่แทบไม่ต้องปรับตัวมากนัก เพราะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป เบรกให้นุ่มนวลได้ง่ายตั้งแต่ครั้งแรกที่ขับ การเก็บเสียงลมและเสียงรบกวนต่างๆ เมื่อใช้ความเร็วสูงก็ทำได้ดี โดยรวมเป็นเอสยูวีคันใหญ่ที่ขับแล้วรู้สึกกระชับหนักแน่นและคล่องตัว เหมือนขับเอสยูวีไซส์เล็ก

●   ขากลับเพื่อนขับต่อ พอมีช่วงถนนว่างก็ลองวัดอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตต่อชั่วโมง ด้วยโหมด EV กับโหมดการขับแบบ Sport ใช้เครื่องมือที่รับสัญญาณจากดาวเทียมที่มีความแม่นยำ ทำเวลาได้ 8.9 วินาที ถือว่าเร็วมาก แต่สังเกตที่หน้าจอ ช่วงกดคันเร่งสุดแช่ไว้ ระบบจะเปลี่ยนเป็นไฮบริดในบางช่วง เมื่อความเร็วลอยตัวแล้วจึงกลับมาเป็นโหมด EV อีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าสามารถปรับตั้งขับด้วยโหมด EV ล้วนๆ ได้หรือเปล่า เพราะก่อนขับมีเวลาอยู่กับรถค่อนข้างน้อย ขึ้นรถแล้วขับเลย ถ้ามีจังหวะจะขอยืมเดี่ยวมาลองให้กระจ่างอีกครั้ง

●   หลังจากลองวัดอัตราเร่ง 2-3 ครั้ง ก็เดินทางกลับ GWM ระบบแจ้งว่าขับด้วยไฟฟ้าได้อีก 30 กิโลเมตร เมื่อรวมกับระยะทางขาไป ก็จะขับด้วยโหมด EV ล้วนๆ ได้ประมาณ 150-160 กิโลเมตร ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับแบตเตอรี่ความจุประมาณนี้กับรถไซส์นี้ การทดลองขับครั้งนี้ค่อนข้างโหดกว่าการใช้งานจริงอยู่บ้าง เอาเป็นว่าหักออก 10-15 เปอร์เซ็นต์ จากระยะทางที่ระบุไว้ตามมาตรฐาน NEDC ก็น่าจะใกล้เคียงกับระยะทางในการขับจริง แต่สำหรับรถไฮบริดก็ไม่ต้องกังวลในจุดนี้มากนัก เพราะเมื่อไฟฟ้าหมด ระบบก็จะสลับมาขับด้วยโหมดไฮบริดให้โดยอัตโนมัติ และชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ เพื่อให้มีกำลังไฟฟ้าไปให้มอเตอร์ ช่วยในการขับเคลื่อนรถต่อไปด้วย

●   ช่วงแรกที่ไฟฟ้าหมด เพื่อนสื่อมวลชนที่ขับอยู่บอกว่า รู้สึกเหมือนคันเร่งหนักขึ้นเล็กน้อย กดแล้วไม่พุ่งเหมือนตอนขับด้วยโหมด EV ขับไปสักพัก มาตรวัดแบตเตอรี่แจ้งว่าขับในโหมด EV ได้อีกกว่า 10 กิโลเมตร แสดงว่าระบบมีการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้เร็วพอสมควร อย่างไรก็ตาม คนที่ใช้รถ PHEV ก็ควรเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าให้เต็มเมื่อมีโอกาส เพราะไหนๆ ก็เสียเงินซื้อรถ PHEV มาแล้ว ก็ควรใช้อย่างคุ้มค่า จะได้ช่วยลดมลพิษบนท้องถนนได้ทั้งทางอากาศและทางเสียง

ปรับโฉมใหม่หรูหราสะดุดตา

●   แบ่งแยกอย่างชัดเจนจากรุ่นเดิมด้วยการออกแบบด้านหน้าใหม่ Star Matrix กระจังหน้าขนาดใหญ่สีโครเมียม ไล่ระดับช่องระบายอากาศอย่างมีมิติ เป็นเอกลักษณ์ ประกบข้างด้วยไฟหน้า Intelligent LED Headlamp ให้ความสว่างแบบ Ultra-High Flow มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home)

●   หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ 1.2 ตารางเมตร ล้อแม็กขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R19  ไฟท้าย LED Taillight Strip ดีไซน์เป็นแนวยาวต่อเนื่องกัน พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED สปอยเลอร์ท้ายและเสาอากาศแบบ Shark Fin ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

●   มิติตัวรถมีความยาว 4,683 มิลลิเมตร กว้าง 1,886 มิลลิเมตร สูง 1,730 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร สีภายนอกมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ขาว, ดำ, เทา, น้ำเงิน และแดง

ภายในล้ำสมัยและเรียบง่าย

●   ห้องโดยสารไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา แซมด้วยวัสดุสี Rose Gold, Silver, Piano Black, Chrome ยังคงสไตล์ Minimalist เน้นความเรียบง่าย แต่กว้างขวางสะดวกสบาย มาตรวัด HD Multi Information Display ความละเอียดสูง ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อม Head Up Display แสดงข้อมูลการขับบนกระจกหน้า ส่วนหน้าจอกลางระบบสัมผัสแบบ HD ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, MP3, JOOX และ ระบบนำทาง บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และห้างสรรพสินค้า

●   เบาะคู่หน้าปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบระบายอากาศ สัมผัสนุ่มสบายด้วยเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพเยี่ยม ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ฝั่งผู้ขับปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านผู้ขับ เบาะหลังมีที่เท้าแขนตรงกลาง พร้อมช่องแอร์และช่อง USB พนักพิงเบาะหลังแยกพับเบาะได้แบบ 60:40

●   สะดวกสบายด้วยกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start คันเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ออกแบบคอนโซลเกียร์ได้อย่างอิสระมากขึ้น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 มีแท่น Wireless Charger ระบบไฟ Ambient Light สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร

●   มีระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command) ซึ่งมีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี ลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับสามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ โดยมี GWM Application เป็นระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้ แม้อยู่ไกลจากตัวรถ เช่น ระบบตรวจสอบปริมาณกำลังไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ระบบตรวจสอบสถานะการชาร์จไฟฟ้า ระบบจัดการการชาร์จ การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อคและปลดล็อคประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง ปิดซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ

●   ระบบต่างๆ ของรถสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ทั้งการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับอัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย

ระบบความปลอดภัยครบครัน

●   HAVAL H6 PHEV มีระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับมากมาย ที่โดดเด่นและเป็นครั้งแรกของรถในระดับเดียวกันประกอบด้วย

●   Auto Emergency Braking + Intersection Low Speed Emergency Braking ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก ตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก

●   Real Cross Traffic Braking ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังจะเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

●   Secondary Collision Mitigation ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

●   Intelligent Integration Parking ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

●   Auto Reverse Assist ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้

PHEV ขับไฟฟ้าล้วนได้แบบจริงจัง

●   ระบบไฮบริดของ HAVAL H6 PHEV ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,500 ซีซี เทอร์โบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเร็กอินเจ็กชั่น กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.9 วินาที เทอร์โบแปรผัน VGT ปรับองศาใบพัดในโข่งเทอร์ไบน​์ได้ตั้งแต่ 0-100 องศา ทนความร้อนได้มากกว่า 980 องศาเซลเซียส ตอบสนองในรอบต่ำได้ดี และเร่งได้ดีขึ้น 30-35 เปอร์เซ็นต์ ท่อไอเสียและชุดหล่อเย็นด้วยน้ำรวมอยู่เป็นชุดเดียวกัน ลดชิ้นส่วนและน้ำหนักของเครื่องยนต์ พร้อมระบบหล่อเย็นที่ฝาสูบ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องแปรสภาพไอเสีย และลดมลพิษที่เกิดจากความร้อนขณะเครื่องยนต์ทำงาน

●   ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ หรือ 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังแบบ Direrct Drive 2 จังหวะ แบตเตอรี่รุ่นใหม่แบบลิเธียม-ไอออน ความจุ 34 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว ขับได้ไกลสุด 201 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (อ้างอิงผลการทดสอบระยะทางการขับด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard)

●   หัวชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS Type 2 Combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) และการชาร์จแบบไฟบ้าน (AC)ระยะเวลาในการชาร์จ

  • ชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC  (0% – 80%) ประมาณ 35 นาที
  • ชาร์จธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC (0% – 100%) ประมาณ 6 ชั่วโมง

●   เวลาที่ใช้ในการชาร์จขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จนั้นๆ

●   มีกำลังขับเคลื่อนรวมทั้งระบบ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์แบบ DHT มาพร้อม 2 ระบบการขับ คือ ระบบไฮบริด และระบบไฟฟ้า แต่ละระบบมี 4 โหมดการขับได้แก่โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น

ขอบคุณ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

Update : เปิดราคาจำหน่ายพร้อมแคมเปญ Premiere Deal

7 ตุลาคม 2565 : 8.29 PM

●   เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคาจำหน่าย Haval H6 Plug-in Hybrid อย่างเป็นทางการ 1,699,000 บาท เมื่อค่ำวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พร้อมจัดแคมเปญพิเศษ Premiere Deal รวมมูลค่ากว่า 167,000 บาท สำหรับผู้ที่จองรถตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม เวลา 20:00 น. จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565

●   ทั้งนี้ สิทธิพิเศษภายใต้แคมเปญ Premiere Deal สำหรับผู้ที่สนใจซื้อ Haval H6 Plug-in Hybrid ประกอบด้วย :

  1. ดอกเบี้ย 1.89% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25%
  2. ฟรี ประกันชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท
  3. ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมการติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 20 เมตร (จากตู้เมน) จำนวน 1 ครั้ง ไม่รวมค่าแท่นชาร์จ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
  4. ฟรี น้ำมันรถ มูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
  5. ฟรี แพคเกจค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง GWM Pro Service Inclusive – GPSI สูงสุด 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมมูลค่า 37,000 บาท
  6. ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง ฟรี 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท
  7. ฟรี สิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับ (Pickup Service) หรือบริการส่งรถยนต์ (Delivery Service) เพื่อเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะทาง หรือบริการบำรุงรักษาตามระยะทางนอกสถานที่ (GWM mobile service) จำนวน 2 ครั้ง รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1,500 บาท
  8. ฟรี กรอบป้ายทะเบียนและพรมปูพื้น GWM มูลค่ารวม 2,050 บาท
  9. ฟรี คะแนน GWM Point เพื่อใช้แลกสินค้าและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ใน GWM Application จำนวน 15,000 คะแนน รวมมูลค่าข้อเสนอพิเศษภายใต้แคมเปญ Premiere Deal กว่า 167,000 บาท

●   Haval H6 Plug-in Hybrid ทุกคันมาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี Plug-in Hybrid เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

●   หมายเหตุ : สำหรับผู้ที่จองสิทธิ์ ULTRA DEAL ในระหว่างวันที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 00.00 น. ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 18.00 น. และชำระเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ (ภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เวลา 20.00 น. ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2565 เวลา 19.59 น.) จำนวน 300 ท่านแรก จะได้รับส่วนลดในการซื้อรถยนต์ Haval H6 Plug-in Hybrid SUV มูลค่า 50,000 บาท โดยบริษัทฯ จะยึดเวลาที่ทำการจ่ายเงินมัดจำสำเร็จเป็นหลักในการมอบสิทธิ์พิเศษนี้ให้กับลูกค้า ซึ่งถ้าลูกค้าท่านใดทำการสละสิทธิ์หรือถอนการจองภายหลัง จะไม่สามารถกลับมารับสิทธิ์ได้ใหม่ และทางบริษัทฯ จะไม่มีการเพิ่มรายชื่อลูกค้าท่านอื่นในลำดับถัดไปเข้ามาทดแทน

●   ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอลงทะเบียนทดลองขับได้ที่ GWM Partner Store ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม – 7 พฤศจิกายน 2565 (เฟสแรก) การส่งมอบรถล็อทแรกจะเริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป รายละเอียดเพิ่มเติมเชิญได้ที่เว็บไซต์  www.gwm.co.th หรือ GWM Application หรือ  Official Facebook Page : GWM Thailand      ●

Group Test : 2022 HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV