Aehra SUV รถไฟฟ้าในกลุ่มอัลตร้า ลักชัวรี่จากสตาร์ทอัพอิตาเลียน

303views

เรื่อง : AREA 54

● Aehra (เอร่า) สตาร์ทอัพผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สัญชาติอิตาลี เผยโฉมแรกของรถต้นแบบหรูในกลุ่มอัลตร้า ลักชัวรี่ ซึ่งในขณะนี้ยังใช้ชื่อเรียกกันง่ายๆ เป็นการภายในว่า “SUV” เบื้องต้นพวกเขาตั้งใจจะเปิดตัวรถรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก จากนั้นในช่วงปี 2023 จะเผยภาพลักษณ์ของรถไฟฟ้าหรู “Sedan” เป็นรุ่นต่อไป

● ผู้ที่รับผิดชอบงานออกแบบของเอร่าคือ Filippo Perini อดีตหัวหน้าทีมออกแบบของ อัลฟา โรมิโอ, อาวดี้, โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป, แลมบอร์กินี และเจเนซิส (ซับ-แบรนด์หรูของฮุนได) ผลงานเด่นๆ ที่เขามีส่วนร่วมอาทิ รถต้นแบบ Audi Pop.Up Next, Alfa Romeo 8C Competizione, Lamborghini Murcielago, Lamborghini Reventón ฯลฯ

● รายละเอียดตัวรถยังมีไม่มากนัก ทั้ง SUV และ Sedan (ชื่อเรียกแผนงานในขณะนี้) จะผลิตขึ้นบนแชสซีส์ คาร์บอน-ไฟเบอร์ โมโนคอค, ใช้แบตเตอรี่เทคโนโลยีล่าสุด พร้อมระบบบริหารการจัดการความร้อนแบบใหม่, ระยะทางในการขับเคลื่อนประมาณ 800 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง กำลังสูงสุดประมาณ 500 – 600 กิโลวัทท์ หรือราว 670 – 804 แรงม้า (HP) ความเร็วสูงสุดจำกัดเอาไว้ที่ 265 กม./ชม.

● สำหรับรถรุ่นแรก Aehra SUV เป็นรถ SUV หรูในกลุ่มฟูลไซล์ที่อยู่ในรูปโฉมของรถสปอร์ตตัวถัง 5 ประตู Coupe-like, โอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังสั้น, ประตูทั้ง 4 บานเปิดขึ้นด้านบนแบบ Scissor doors, กระจกมองข้างแบบดิจิทัล, มีระบบอากาศพลศาสตร์แบบแอคทีฟ ทำงานอัตโนมัติในแต่ละช่วงความเร็ว ความยาวตัวรถประมาณ 5.1 เมตร น้ำหนักตัวน้อยกว่า 2 ตัน

● ระยะฐานล้อของ Aehra SUV จะอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ขนาดตัวโดยรวมน่าจะน้องๆ SUV ฟูลไซส์อย่าง BMW XM, Jeep Grand Wagoneer หรือ Land Rover Range Rover ซึ่งเอร่าระบุว่ารถรุ่นนี้จะมีพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างพอจะรองรับผู้ที่มีความสูงในระดับนักบาสเกทบอล NBA ได้สบายๆ

● ส่วนรายละเอียดและงานออกแบบของ Aehra Sedan เอร่าคาดว่าจะปล่อยออกมาได้ราวเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ครับ

● Hazim Nada ผู้ร่วมก่อตั้งเอร่าและ CEO ให้ข้อมูลว่า รถรุ่นแรก (SUV) จะมีราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 160,000 – 180,000 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 5.8 – 6.5 ล้านบาท การทำตลาดคันจริงของ SUV จะเริ่มขึ้นภายในช่วงปี 2025 ตลาดหลักคืออเมริกาเหนือ, ยุโรป, สหราชอาณาจักร, จีน และตะวันออกกลาง… เบื้องต้นพวกเขาตั้งเป้าตัวเลขกำลังการผลิตสูงสุดเอาไว้ที่ราวๆ 3 หมื่นคัน/ปี (SUV และ Sedan รุ่นละ 1.5 หมื่นคัน) หลังผ่านช่วงการผลิตชั้นต้นในปีแรก ●