November 18, 2022
Motortrivia Team (10069 articles)

Ferrari 499P โปรโตไทป์รุ่นใหม่กับการหวนคืนสังสู่การแข่งขัน WEC

ประชาสัมพันธ์

●   เฟอร์รารี่ เผยโฉม Ferrari 499P ตัวแข่ง Le Mans Hypercar รุ่นใหม่ที่เฟอร์รารี่จะใช้ในการแข่งขัน FIA World Endurance Championship (WEC) คลาสสูงสุด Le Mans Hypercar (LMH) ตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป และนี่คือชื่อที่ปลุกประวัติศาสตร์ของม้าลำพองขึ้นมาอีกครั้ง

●   นับจากอดีต รถต้นแบบเหล่านี้จะถูกระบุสถานภาพด้วยตัวอักษร ‘P’ (โปรโตไทป์) และมักจะมีการใช้ตัวเลขจำนวนความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ ซึ่ง 499P ก็เช่นกัน รถแข่งรุ่นนี้เป็นผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์ที่หยั่งรากลึกจากอดีต และกำเนิดเป็นตำนานในปัจจุบัน ยังผลให้เฟอร์รารี่สามารถคว้าแชมป์โลก 22 รายการ และคว้าชัยชนะประเภท Overall ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ถึง 9 ครั้ง

●   อย่างไรก็ตาม รถเหล่านี้ต่างมีจุดมุ่งหมายที่แจ่มชัดในอนาคต นั่นคือนำทั้งคุณลักษณะทางเทคนิคและการออกแบบที่มีอยู่ในรถต้นแบบมาปรับใช้กับ Road Car ลวดลายของ 499P ที่จะเปิดตัวในการแข่งขัน 1000 Miles of Sebring ใช้สีสันแบบเดียวกับรุ่น 312P ซึ่งโด่งดังอย่างยิ่งในยุค 1970 เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว กับผลงานล่าสุดของเฟอร์รารี่คันนี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว หนึ่งในรถเอนดูรานซ์ที่มาราเนลโลส่งลงสังเวียน จะถูกประดับด้วยหมายเลข 50 ในขณะที่อีกคันจะใช้หมายเลข 51 ซึ่งเป็นหนึ่งในหมายเลขการแข่งรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ และรายชื่อทีมนักขับอย่างเป็นทางการจะมีการประกาศอีกครั้งเร็วๆ นี้

Le Mans Hypercar: DNA แห่งชัยชนะ

●   กฎทางเทคนิคใหม่ของ FIA (Fédération Internationale de l’Automobile) และ ACO (Automobile Club de l’Ouest) ที่ร่างไว้สำหรับคลาสไฮเปอร์คาร์ได้นำเฟอร์รารี่ไปสู่เส้นทางแห่งนวัตกรรมและการพัฒนาเพื่อผลิต Le Mans Hypercar (LMH) ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่ยึดมั่นมาช้านาน ซึ่งมองว่าสนามแข่งเป็นภูมิประเทศในอุดมคติสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ ที่จะนำมาใช้กับ Road Car ต่อไป และ 499P ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเฟอร์รารี่ต่อการแข่งแบบเอนดูรานซ์อย่างจริงจัง

●   ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อต้นแบบถูกออกแบบ ตามข้อกำหนดทางเทคนิคและกฏเกณฑ์ของคลาส Le Mans Hypercar ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด โดยส่งกำลังสูงสุด 500 กิโลวัตต์สู่ล้อทั้งสี่ และมีน้ำหนักขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1,030 กิโลกรัม ในการสร้าง 499P บริษัทได้ดึงทรัพยากรมากมายทั้งทางเทคนิค ความเชี่ยวชาญ และความเป็นเลิศของบุคลากรของแบรนด์จากมาราเนลโลมาใช้ โดยมอบความไว้วางใจให้แก่ทีม “Attività Sportive GT” ภายใต้การดูแลของ Antonello Coletta และ Ferdinando Cannizzo หัวหน้าฝ่ายเทคนิค เพื่อดูแลรับผิดชอบด้านวิศวกรรมและพัฒนา การแข่งขันและรถแข่ง GT และรถสปอร์ตรุ่นต่างๆ

ระบบขับเคลื่อนไฮบริดรุ่นใหม่

●   ระบบขับเคลื่อนไฮบริดของ 499P ผสมผสานเครื่องยนต์ที่ถูกวางกลางลำด้านหลัง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มีกำลังตามข้อจำกัดสูงสุดของกติกาที่ 500 กิโลวัตต์ (680 แรงม้า) และพัฒนาขึ้นมาจากเครื่องยนต์ตระกูล V6 ทวินเทอร์โบ

●   เครื่องยนต์ที่ใช้พื้นฐานจากรุ่น 296GT3 ได้รับการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดโดยวิศวกรของเฟอร์รารี่ มุ่งเป้าไปที่การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของเครื่องยนต์และการลดน้ำหนักโดยรวมถือเป็นลักษณะเฉพาะของขุมพลัง V6 ใน 499P รวมถึงการวางตำแหน่งเครื่องยนต์บนโครงสร้างของรถก็ได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในรถ GT ของคู่แข่ง ซึ่งติดตั้งไว้ที่โครงสร้างของส่วนรองรับช่วงล่างหลัง ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการคือระบบขับเคลื่อนไฮบริด ERS (Energy Recovery System) ให้พละกำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (272 แรงม้า) มอเตอร์ไฟฟ้ามีเฟืองท้ายติดตั้งมาในตัว และขับเคลื่อนโดยใช้แบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปได้ขณะถอนคันเร่งและการเบรก โดยไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งพลังงานภายนอกอื่นๆ ชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้า 900 โวลท์ ที่นำประสบการณ์จากรถแข่งฟอร์มูลา 1 มาใช้ ถูกปรับให้ตรงตามจุดประสงค์ของโปรเจคท์นี้โดยเฉพาะ พละกำลังรวมสูงสุดของ 499P อยู่ที่ 500 กิโลวัตต์ (680 แรงม้า) และทำงานร่วมกับเกียร์ซีเควนเชียล 7 จังหวะ

การออกแบบจากสายลม

●   ดีไซน์ของ Ferrari 499P รุ่นใหม่ รังสรรค์ขึ้นภายใต้การสนับสนุนจาก Ferrari Styling Centre โดยการนำของ Flavio Manzoni คุณสมบัติทางเทคนิคและแอโรไดนามิกของรถได้รับการปรับปรุงโดยใช้รูปทรงที่เรียบง่ายและโค้งมน สะท้อนถึง DNA ของเฟอร์รารี่ได้อย่างชัดเจน ความสมดุลระหว่างเส้นสายอันเฉียบคมและพื้นผิวที่ลื่นไหล เผยออกมาด้วยภาษาการออกแบบที่ล้ำยุคโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ นิยามความเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายทว่าครบครันทุกความสำคัญได้อย่างชัดเจน ตัวถังของรถต้นแบบได้รับการขัดเกลาจากพื้นผิวเรียบๆ สู่ช่องอากาศและซุ้มล้อที่กลมกลืนลงตัว กระแสอากาศไหลผ่านช่องด้านข้างบริเวณเหนือช่องรอบๆ ห้องโดยสาร เพื่อลดความร้อนให้กับหม้อน้ำที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวถัง พื้นผิวของซุ้มล้อใน 499P ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเฟอร์รารี่ โดดเด่นด้วยบานเกล็ดขนาดใหญ่ มีจุดประสงค์เพื่อลดแรงดันภายในโพรงซุ้มล้อโดยเฉพาะ ทีมออกแบบด้านหน้าตัวรถถูกออกแบบใหม่ให้กลมกลืนกับชุดไฟหน้าที่ดีไซน์ใหม่เช่นกันทำให้ได้รายละเอียดคล้ายกับดีไซน์ที่เคยเปิดตัวครั้งแรกไปในเฟอร์รารี่ Daytona SP3

●   ส่วนท้ายของรถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการหลอมรวมทั้งเทคโนโลยีแอโรไดนามิกส์ และการออกแบบอันล้ำเลิศ เข้าด้วยกัน พื้นผิวคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีรูปทรงพริ้วไหวทำหน้าที่หลากหลายฟังก์ชั่น และเปิดโล่งเผยให้เห็นล้อและช่วงล่างได้อย่างชัดเจน สปอยเลอร์หลังโดดเด่นด้วยปีกคู่แนวนอน โดยปีกชิ้นหลักและแผ่นกั้นด้านบนถูกออกแบบขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้แรงกดตามต้องการและบรรลุประสิทธิภาพสูงสุด

●   ปีกชิ้นล่างมาพร้อมกับ “เส้นนำแสง” ที่เสริมดีไซน์ด้านท้ายให้ดูงดงามยิ่งขึ้น ด้วยสัมผัสที่เฉียบขาดทว่าเรียบง่าย สุดท้ายคือช่องดักอากาศจำนวน 3 ช่อง บริเวณด้านบนของรถ ที่รับอากาศมาป้อนให้กับขุมพลัง V6 และส่งอากาศเย็นไปยังแบตเตอรี่ (ของระบบไฮบริด) และชุดเกียร์

เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

●   499P ผลิตขึ้นบนแชสซีส์ Monocoque คาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ต การจัดวางโครงสร้างปีกนกคู่ของช่วงล่างแบบ Push-rod ให้ผลลัพธ์เป็นคุณภาพด้านการดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่โดดเด่น ซึ่งเห็นประโยชน์ได้ชัดเจนในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดและในการเข้าโค้ง ระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อยอดจากประสบการณ์ที่ได้รับมาจากโลกแห่งการแข่งขัน GT

●   ระบบเบรกก็มีความซับซ้อนไม่น้อยไปกว่ากัน ด้วยการใช้ระบบ Brake-by-wire เพื่อให้สามารถนำพลังงานจลน์จากล้อหน้า ในขณะเหยียบเบรคกลับมาใช้ใหม่ได้ ระบบได้รับการพัฒนาให้ผสานความแม่นยำและความรวดเร็วในการตอบสนอง เข้ากับความเสถียรภาพและความทนทาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำพาไปสู่ความสำเร็จในการแข่งแบบเอนดูรานซ์ พลังงานไฟฟ้าจากล้อหน้าที่ได้มาในขณะเบรก จะเก็บไว้ในแบตเตอรี่แรงดันสูงก่อนส่งพละกำลังกลับไปยังล้อหน้าเมื่อต้องการพละกำลังเพิ่มเติม จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนทุกสนามแข่ง ตามตารางการแข่งขันปี 2023

ความร่วมมือกับ AF Corse

●   Ferrari 499P จะได้รับการดูแลโดยทีมช่างและวิศวกรจากมาราเนลโลร่วมกับ AF Corse ซึ่งยังคงเป็นพันธมิตรกันเพื่อร่วมสร้างชัยชนะเช่นเดิม ความร่วมมือนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2006 ในการแข่งขัน FIA GT กับรถแข่ง F430 GT2 ซึ่งคว้าตำแหน่งชนะเลิศประเภททีมนักแข่ง และผู้ผลิต ได้ในฤดูกาลที่เปิดตัว ความสำเร็จส่วนใหญ่ของการแข่งขัน GT ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงความสำเร็จทั้งหมดในการแข่งขัน World Endurance Championship (WEC) นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2012 เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างเฟอร์รารี่และ AF Corse ทั้งสิ้น

●   John Elkann ประธานกรรมการบริหารของเฟอร์รารี่ กล่าวว่า “499P ชี้ให้เห็นว่าเราได้หวนคืนสู่การทวงบัลลังก์แชมป์ในรายการ WEC อีกครั้ง เมื่อเราตัดสินใจที่จะเอาจริงกับโปรเจคท์นี้ เราจึงเริ่มดำเนินงานบนเส้นทางแห่งนวัตกรรมและการพัฒนา ยึดมั่นในธรรมเนียมของเราที่มองว่า สนามแข่งเป็นเหมือนภูมิประเทศในอุดมคติ ที่จะผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่จะถูกถ่ายทอดต่อไปยัง Road Car ของเรา ให้กว้างออกไป เราเข้าสู่การแข่งขันนี้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ตระหนักถึงประวัติศาสตร์ที่นำเราไปสู่ตำแหน่งแชมป์โลกของรายการเอนดูรานซ์ว่า 20 ครั้ง และชัยชนะประเภท Overall อีก 9 ครั้ง ในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans”

●   Antonello Coletta หัวหน้าทีม Ferrari Attività Sportive GT กล่าวว่า “499P คือความฝันที่เป็นจริง วันนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับทุกคนที่ทำงานอย่างหนักในโปรเจคท์นี้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา เราต้องการอุทิศให้แก่ประวัติศาสตร์ของเรา ด้วยการค้นคว้าหาข้อมูลที่สำคัญมากมายทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ในอดีตของเราที่มีทั้งความสำเร็จและชัยชนะ อย่างไรก็ตาม เรามองไปข้างหน้าเพื่อประกาศความมุ่งมั่นของเราต่อการแข่งขัน World Endurance Championship นี้ 499P เป็นรถต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่อย่างแท้จริงของเฟอร์รารี่ และทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เผยโฉมให้ลูกค้าของเรา และผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์นี้ได้เห็นในวันนี้”

●   Ferdinando Cannizzo หัวหน้าฝ่ายพัฒนารถแข่ง Ferrari GT ทิ้งท้ายไว้ว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของผมและทุกคนในทีม เรารู้ว่าเรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เราออกแบบและสร้างรถยนต์ที่แปลกใหม่และซับซ้อนเป็นพิเศษในทุกด้าน ความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ กระตุ้นให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันแบ่งปันทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง กับทุกแผนกในบริษัทและพันธมิตรด้านเทคนิคของเรา การเริ่มต้นจากกระดาษเปล่าเป็นที่มาของแรงผลักดันที่ยากจะอธิบายได้”

●   “ในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรับประกันสมรรถนะและเสถียรภาพของ 499P ตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกจนถึงการแข่งขันแรก เราได้วางแผนโปรแกรมการพัฒนาที่เข้มข้นมาก ทั้งบนแท่นทดสอบและในสนามแข่ง จนได้ข้อมูลที่น่าสนใจกลับมา งานวิเคราะห์ที่รอเราอยู่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตลอดจนการขับในสนามทดสอบอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการปรับแต่งอย่างละเอียดและการผสานระบบต่างๆ ทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าเรายังเหลืออีกหลายกิโลเมตร (ที่จะต้องขับทดสอบ) แต่ทีมงานทุกคนก็ยังคงตระหนักถึงความสำคัญของโปรเจกต์นี้ และจะยึดในความมุ่งมั่น, ความหลงใหล ความเชี่ยวชาญ และความเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ต่อไป”        ●