MG เผยเสปคไทย MG4 Electric พร้อมเปิดจองใน Motor Expo 2022

509views

motortrivia

● เอ็มจี ประเทศไทย เผยสเปค MG4 Electric รถแฮทช์แบคขนาดคอมแพคท์พลังงานไฟฟ้าที่จะจำหน่ายในไทย ผู้ที่สนใจเตรียมจองได้ผ่านแอพฯ MG Thailand หรือเว็บไซท์ onlinebooking.mgcars.com ตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.00 น. จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23.59 น. โดยราคาจำหน่ายนั้น เอ็มจีจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2022 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565… ข้อเสนอพิเศษ ฟรี อุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท

● หมายเหตุ : ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน MG Thailand สำหรับ Android ได้ที่ Google Play Store ส่วน iOS ดาวน์โหลดได้ที่ Apple Store

● MG4 Electric จะแยกจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย D หรือ X สีตัวถังเลือกได้ 5 สี ฟ้า Brighton Blue, ดำ Black Knight, แดง Scarlet Red, เทา Andes Grey หรือขาว Arctic White รุ่น D ห้องโดยสารสีดำล้วน ส่วนรุ่น X ห้องโดยสารทูโทน เทา-ดำ

● ตัวรถประเดิมใช้งานแพลทฟอร์มใหม่แบบความยืดหยุ่นสูง MSP หรือ Modular Scalable Platform (ในจีนใช้ชื่อแพลทฟอร์มในการผลิตว่า Nebula) ออกแบบมาเพื่อผลิตรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ ความยาวตัวรถ 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. ฐานล้อ 2,705 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม.

อุปกรณ์มาตรฐาน

● อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ชุดไฟหน้า LED, ไฟท้าย LED, หลังคาสีทูโทน, สปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

● ห้องโดยสารมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ หุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, จอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้ว, ฟังก์ชั่นกล้อง 3D Around View Monitor รอบทิศทางแบบ 3 มิติ, ฟังก์ชั่น Android Auto และ Apple CarPlay, กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, พอร์ท USB Type A และ C, ช่องจ่ายไฟ 12V และลำโพง 6 จุด

● เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง, เบาะหลังปรับพับแบบ 60:40, ระบบกรองอากาศ PM2.5, โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับอยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรค ระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทโดยอัตโนมัติ

● ระบบปฏิบัติการ i–SMART แยกการทำงานเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย:

● [1] Smart Check : ระบบตรวจเช็คแบตเตอรี่ หรือ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งาน, ระบบค้นหารถ Find My Car, ระบบเตือนความผิดปกติของรถ, ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ – นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ และระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ – การชาร์จ และสถานีชาร์จ

● [2] Smart Command : ระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบด้วย กุญแจดิจิทัล, ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย, ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน, ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน และระบบสั่งการชาร์จที่สถานี MG Super Charge ผ่านสมาร์ทโฟน

● [3] Smart Connect : ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบด้วย ระบบนำทางพร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time, ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร – ที่พักบนแผนที่, ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง, อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ, ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน และการอัพเกรดระบบแบบออนไลน์ (OTA)

ระบบขับเคลื่อน

● ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 170 แรงม้าแรงบิดสูง 25.4 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคความจุ 51 กิโลวัทท์-ชม. เทคโนโลยี Rubik’s Cube Battery จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน ระบายความร้อนด้วยของเหลว มาตรฐานในการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 มีระบบ KERS เก็บเกี่ยวพลังงานที่สูญเปล่า 4 ระดับ แปรผันตามลักษณะการขับ ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 425 กม. ตามมาตรฐาน NEDC เดิมของยุโรป

● การชาร์จแบตเตอรี่แบบ Normal Charge ผ่าน MG Home Charger กำลังไฟ 6.6 kWh จาก 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบ Quick Charge ผ่านสถานีชาร์จ MG Super Charge (มีประมาณ 128 แห่งทั่วประเทศ) ด้วยกำลังไฟสูงสุด 88 kWh จาก 10 – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที และตัวแบตเตอรี่รองรับเทคโนโลยี V2L สำหรับจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

● MG4 Electric ติดตั้งโครงสร้างพวงมาลัยแบบใหม่ Dual Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า, รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 เมตร, การกระจายน้ำหนักเป็นแบบสมมาตร 50:50, ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท, ด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension, ระบบเบรคแบบดิสค์ทั้ง 4 ล้อ โหมดในการขับเลือกได้ 5 รูปแบบระหว่าง ECO, Normal, Sport, Custom หรือ Snow

ระบบความปลอดภัย

● ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม ADAS มี ระบบ Forward Collision Warning ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ Traffic Jam Assist ควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะขับด้วยความเร็วต่ำ, ระบบ Lane Change Assist ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบ Emergency Lane Keeping System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ทำงานร่วมกับระบบ Lane Departure Prevention และ Lane Departure Warning

● ต่อด้วยระบบ Blind Spot Detection ช่วยเตือนมุมอับสายตา, ระบบ Intelligent High-beam control เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบ Driver Monitor System ตรวจจับพฤติกรรมการขับ, ระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบ Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง, ระบบ Rear Collision Warning ช่วยเตือนการชนด้านหลัง, ระบบ Rear Cross Traffic Braking ช่วยเบรคขณะถอย

● เสริมด้วยระบบความปลอดภัยพื้นฐาน โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF – Full Space Frame, ระบบเบรค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรค EBA, ระบบ Stability Control System ควบคุมการทรงตัว, ระบบ Curve Brake Control ควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้ง, ระบบ Auto Vehicle Hold ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง, ระบบ Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบ Emergency Stop Signal สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน

● นอกจากนี้ยังมีระบบ Door Open Warning ช่วยเตือนการเปิดประตู, ระบบ Speed Sensing Door Lock ล็อคประตูอัตโนมัติ, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหนับเด็กแบบ ISOFIX, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า – ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง, กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer, ระบบ Tire Pressure Monitor System ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบ Follow Me Home หน่วงเวลาไฟส่องนำทางหลังจากรถหยุดทำงาน

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

● นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากจุดเริ่มต้นในการเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกให้กับตลาดยานยนต์ EV สู่ประเทศไทยกับ MG ZS EV จนถึงปัจจุบัน ที่เราพร้อมนำเสนอ New MG4 Electric ที่จะเข้าเติมเต็มและพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง กับ The First Rear Wheel Drive EV พร้อมกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ทางเอ็มจีได้พัฒนา ที่นอกจากจะมัดรวมความคุ้มค่าทั้งด้านดีไซน์ที่สะดุดตาและเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ให้ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสนุกและคล่องตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย และยังให้ความมั่นใจในด้านความปลอดภัยเมื่ออยู่บนท้องถนน”

● “นอกจากความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้ริเริ่มของตลาดรถยนต์ EV แล้ว เอ็มจียังเล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการพัฒนาสถานีชาร์จ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ และสร้างความมั่นใจด้วยศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจากเอ็มจีได้ทุกรุ่นกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังงานสะอาดได้มั่นใจยิ่งขึ้น”

● สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG Call Centre โทร. 1267 และเว็บไซท์ www.mgcars.com เฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/MGcarsThailand หรือแอด LINE: @MGThailand ●