December 1, 2022
Motortrivia Team (10167 articles)

Motor Expo 2022 : มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 เริ่มแล้วที่เมืองทองฯ

เรื่อง – ภาพ : Motortrivia Team

●   ได้เวลาของงานมหกรรมยานยนต์ส่งท้ายปี Motor Expo 2022 หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ปีนี้ตัวงานมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2565 ที่อาคารชาลเลนเจอร์ Impact เมืองทองธานี เช่นเคย และจะมีการถ่ายทอดสดงานทาง ททบ. 5 ในวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565 เวลา 14.35 – 15.35 น. ต่อด้วยไทยรัฐ TV ในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00 – 15.00 น. รวมถึงการชมงานแบบออนไลน์ Motor Expo Online Platform ผ่าน URL : op.motorexpo.co.th

●   สำหรับบริการรถรับ-ส่ง ฟรี ในปีนี้มี 4 เส้นทาง ประกอบด้วย :

  1. หมอชิต – Impact : หมอชิต MRT สถานี BTS Exit 2, MRT Exit 4
  2. หลักสี่ – Impact : หลักสี่ จุดจอดรถรับ/ส่ง BTS รถไฟฟ้าสายสีเเดง สถานีหลักสี่ Exit 3
  3. สีลม – Impact : สีลม MRT สถานี BTS Exit 5, MRT Exit 1
  4. รังสิต – Impact : รังสิต บริเวณ ลานจอดรถตู้ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต

AUDI

●   อาวดี้ปีนี้มาแบบเก๋สุดๆ ด้วยการจัดแสดงรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าต้นแบบ Audi e-Rickshaw concept ครั้งแรกในเอเชียกับ ตัวรถพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Second-life Batteries ใช้พื้นฐานจากตุ๊กตุ๊กสัญชาติไทยที่มีอายุถึง 30 ปี นำไปปรับโฉมใหม่ทั้งคันที่โรงงานในเมือง Neckarsulm ประเทศเยอรมนี

●   พละกำลังของ Audi e-Rickshaw concept มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 2 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 8.6 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 3.52 กก.-ม. ทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กม./ชม. พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่ใช้แล้วของ Audi e-tron เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า

●   รุ่นไฮไลท์แบบพร้อมจำหน่ายมีซีดานรุ่นแฟลกซิป Audi A8 L พลัง MHEV ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ราคาเริ่มต้นที่ 6,999,000 บาท ต่อด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรุ่นหลักคือ Audi e-tron GT เสริมไลน์อัพรถปลั๊ก-อิน ไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุดอีก 3 รุ่น ประกอบด้วย Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition, Audi Q7 60 TFSI e quattro Plug-in Hybrid เสริมด้วย Audi Q5 Sportback 55 TFSI e และ Audi Q5 55 TFSI e ปิดท้ายด้วยรถสมรรถนะสูงตระกูล RS อย่าง Audi TT RS Coupé, Audi RS Q3 Sportback และ Audi RS 3 Sportback

BENTLEY

●   เบนท์ลีย์ ประเทศไทย (เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส) เปิดพื้นที่จัดแสดงรถหรู 2 รุ่น เริ่มด้วย SUV หรูขนาดกลางพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด Bentley Bentayga Hybrid แยกการจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Bentayga S Hybrid ที่มากับชุดแต่ง Blackline Specification และรุ่นท๊อป Bentayga Azure Hybrid ทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ หมุนล้อแบบ AWD กำลังสูงสุดผลิตได้ 456 แรงม้า ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 13.4 ล้านบาท

●   ต่อด้วยซีดานหรูรุ่นธง Bentley Flying Spur Hybrid ซึ่งจะแยกการจำหน่ายเป็น 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Flying Spur S Hybrid, Flying Spur Azure Hybrid และรุ่นสุดหรูแบบท๊อป-ออฟ-เดอะ-ไลน์ Flying Spur Mulliner Hybrid ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมทั้งระบบ 536 แรงม้า ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 14.4 ล้านบาท

BMW

●   บีเอ็มดับเบิลยู ฉลองครบรอบ 50 ปีรถตระกูล M เปิดตัว BMW M4 Competition M xDrive Coupé : 50 Jahre M Edition ในงานนี้ พร้อมเปิดให้จองในไทยเพียง 5 คันเท่านั้น ตัวรถใช้เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 510 แรงม้า ราคาจำหน่าย: 10,499,000 บาท

●   ต่อด้วย BMW 3 Series ใหม่กับ 3 ทางเลือก ประกอบด้วย BMW 320d M Sport เครื่องยนต์ดีเซล กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ราคา 2,699,000 บาท, BMW 330e M Sport เครื่องยนต์เบนซิน ปลั๊ก-อิน ไฮบริด กำลังรวมทั้งระบบ 292 แรงม้า ราคา 2,949,000 บาท และ BMW M340i xDrive เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 387 แรงม้า ราคา 4,099,000 บาท

●   ฝั่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มี BMW i7 ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้า แยกเป็น 3 รุ่นย่อย BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) ราคา 7,599,000 บาท, BMW i7 xDrive60 M Sport ราคา 7,849,000 บาท และ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ราคา 8,599,000 บาท ทุกรุ่นใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังรวม 544 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 แบตเตอรี่แพค 105.7 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 625 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

●   นอกจากนี้ยังมี BMW 750e xDrive M Sport พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศ กำลังรวมทั้งระบบ 313 แรงม้า ราคา 6,899,000 บาท… ปิดท้ายด้วยรถไฟฟ้า BMW iX xDrive40 กำลังสูงสุด 326 แรงม้า แบตเตอรี่แพค 76.6 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 425 กม. ราคาจำหน่าย 4,999,000 บาท

BYD

●   หลังจากเริ่มทำตลาดด้วย BYD Atto 3 เป็นรุ่นแรก บีวายดีก็เปิดบูธในงานนี้ จัดแสดงรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) หลายรุ่น เพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีรถหลายเซ็กเมนท์ที่พร้อมจะทำตลาดในบ้านเรา… อย่างไรก็ตาม รุ่นหลักที่พร้อมจะทำตลาดยังคงเป็น Atto 3 ซึ่งเก็บยอดจองไปได้มากกว่า 5,000 คัน นั่นทำให้ เรเวอร์ ออโตโมทีฟ ตัวแทนจำหน่ายของบีวายดี ต้องขอโควต้าเพิ่มจากบริษัทแม่อีก 5,000 ในช่วงเดือนมกราคม 2566

●   รุ่นที่พร้อมจำหน่ายในงานคือ BYD Atto 3 Standard Range ราคา 1,099,900 บาท และ BYD Atto 3 Extend Range ราคา 1,199,900 บาท

●   สำหรับรถที่จัดแสดงในงานนี้ ประกอบด้วย [1]. BYD Seal EV : รถซีดานขนาดกลางพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับหลัง และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ [2]. BYD Han EV รถซาลูนหรูพลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบช่วยขับ DiPilot [3]. BYD Tang EV รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกลางพลังงานไฟฟ้า

●   ต่อด้วย [4]. BYD Dolphin EV : รถแฮทช์แบคขนาดซับคอมแพคท์ หรือ B-segment พลังงานไฟฟ้า [5]. BYD Qin Plus DM-i : รถซีดานคอมแพคท์คาร์ หรือ C-segment พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งรหัส DM-i ของบีวายดีนั้นหมายถึงแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า (DM-p จะเป็นแพลทฟอร์ม All-wheel drive) ปิดท้ายด้วย [6]. BYD Song Plus DMi : รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ พลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด… ในอนาคตบีวายดีจะนำรุ่นไหนเข้ามาจำหน่าย ต้องลุ้นกันต่อไปครับ

FORD

●   ฟอร์ด เปิดบูธจัดแสดงรถรุ่นล่าสุดที่จำหน่ายในปัจจุบัน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในงานนี้ ประกอบด้วย Ford Ranger, Ford Ranger Raptor, Ford Everest รวมถึงรุ่นที่ติดตั้งชุดแต่งแท้ของฟอร์ด และชุดแต่งเฉพาะรุ่นที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับ Ranger / Everest โดย ARB อาทิ ชุดกันชนหน้าซาฮาร่าแบบมีไฟ ARB, ชุดปกป้องใต้ท้องเครื่องยนต์เหล็ก ARB, ชุดหูลาก ARB, ที่ปั๊มลม ARB หรือเต็นท์หลังคาพร้อมบันได ARB เป็นต้น

●   ปิดท้ายด้วยรถโพนี/มัสเซิล คาร์ พลังแรงอย่าง Ford Mustang ที่มาพร้อมกับสีตัวถังใหม่ ส้ม Cyber Orange Metallic และน้ำเงิน Atlas Blue Metallic เสริมด้วยล้ออลูมิเนียมลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว

GREAT WALL

●   เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดแสดงรถใหม่ 2 รุ่น ประกอบด้วย ORA Grand Cat รถซีดานพลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มโมดูลาร์ L.E.M.O.N E เช่นเดียวกับ ORA Good Cat ตลาดโลกเลือกได้ระหว่างรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว หมุนล้อคู่หน้า กำลังสูงสุดประมาณ 204 แรงม้า หรือมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังสูงสุดประมาณ 408 แรงม้า เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม-ไอออน ฟอสเฟท ความจุ 82 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้มากกว่า 700 กม. จากการทดสอบตามมาตรฐาน CLTC ของประเทศจีน

●   อีกหนึ่งรุ่นคือ TANK 500 HEV รถ SUV ออฟ-โรดพลังไฮบริด ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง ที่ผลิตขึ้นบนแชสซีส์ body-on-frame ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ กำลังสูงสุดประมาณ 241 แรงม้า

●   นอกจากนี้ยังมีการเปิดลงทะเบียนจอง ORA Good Cat ล็อทใหม่ พร้อมเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ ORA Good Cat 500 PRO ที่มากับสีใหม่ Pistachio Green รวมถึงเปิดจอง ORA Good Cat GT สีขาวด้วย โดย ORA Good Cat ล็อทใหม่จะมีทั้งหมด 2,000 คัน เปิดจองตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2565 ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th การส่งมอบจะมีขึ้นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566

●   ส่วนเวอร์ชั่นสมรรถนะสูง ORA Good Cat GT สีขาว Hamilton White จะจำหน่ายในราคาเดิม 1,286,000 บาท

HONDA

●   ฮอนด้า จัดแสดงไฮไลท์ 2 รุ่นพิเศษเป็นครั้งแรกในไทย ประกอบด้วยสปอร์ตคอมแพคท์พลังแรง Honda Civic Type R รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 6 ตัวถัง 5 ประตูลิฟท์แบค ตัวรถใช้พื้นฐานของ Civic เจนเนอเรชั่น 11 ในการผลิต ห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ต พร้อมยกระดับอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ ช่วงล่างปรับปรุงใหม่ เครื่องยนต์เบนซินรหัสเดิม K20C1 แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จลูกใหม่ที่มีแรงดันมากขึ้น ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแบบ Short Throw Shifter กำลังสูงสุด 319 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 42.7 กก.-ม. เริ่มที่ 2,600 – 4,000 รอบ/นาที

●   อีกหนึ่งรุ่นคือ Honda SUV e:Prototype รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมีการต่อยอดเป็นคันจริงในประเทศจีนแล้ว (Honda e:NS1 และ Honda e:NP1) ตัวรถอยู่ในกลุ่มครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพทค์ และนับเป็น 1 ใน 10 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ฮอนด้าเตรียมจะเปิดตัวเพื่อทำตลาดจีนในอนาคตอันใกล้… บ้านเราจะมีการเปิดตลาดรุ่นใดรุ่นหนึ่งหรือไม่ ต้องลุ้นกันต่อไปครับ

HYUNDAI

●   ฮุนไดเผยโฉมรถรุ่นสำคัญ 2 รุ่น ประกอบด้วย MPV ขนาดคอมแพคท์ Hyundai Stargazer รถที่ฮุนไดเตรียมจะเปิดตัวในบ้านเราภายในอนาคตอันใกล้ ส่วนอีกหนึ่งรุ่นคือ รถซีดานขนาดกลาง IONIQ 6 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่รุ่นที่ 2 จากซับ-แบรนด์ไอออนิคของฮุนได ซึ่งเป็นการจัดแสดงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในอาเซียนด้วย

●   Stargazer พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์ม Hyundai-Kia K ปัจจุบันใช้ผลิตรถในเครืออย่าง Hyundai i20, Hyundai Creta หรือ KIA Seltos เป็นต้น ขนาดตัวโดยรวมเล็กกว่าคู่แข่งอย่าง Mitsubishi Xpander รุ่นปัจจุบันนิดหน่อย ห้องโดยสารแบบเบาะ 3 แถว เลือกเลย์เอาท์ได้ระหว่าง 6 หรือ 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์มีเพียงแบบเดียว คือเบนซินตระกูล Smartstream แบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร N/A จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด MPi ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ CVT กำลังสูงสุดผลิตได้ 115 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม.

●   ต่อด้วย IONIQ 6 รถในกลุ่มซีดานขนาดกลาง คลาสเดียวกับ Hyundai Sonata งานออกแบบในห้องโดยสารไม่หนีจาก IONIQ 5 มากนัก จุดเด่นยังคงเป็นความเรียบหรูในแบบมินิมอล ไฮไลท์สำคัญคือ บริเวณปลายของแผงแดชบอร์ดทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการติดตั้งจอแสดงผลจากกล้องข้างที่ใช้แทนที่กระจกมองข้างแบบเดิม

●   ชุดระบบขับเคลื่อนคาดว่าจะเลือกได้ระหว่าง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุดประมาณ 228 แรงม้า (PS) แรงบิดประมาณ 35.6 กก.-ม. หรือรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังสูงสุดประมาณ 324 แรงม้า แรงบิดประมาณ 61.6 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคชนิด นิคเกิล-โคบอลท์-แมงกานีส ลิเธียม ความจุประมาณ 58 – 77 กิโลวัทท์-ชม. ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย และรองรับการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูงตั้งแต่ 400 จนถึง 800 โวลท์ ในโหมดชาร์จเร็ว

●   สำหรับรุ่นที่พร้อมจำหน่ายในงาน คือ Hyundai Staria รุ่นปี 2023 ที่เพิ่มระบบ Cross Wind Stability Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพเมื่อมีลมปะทะข้างตัวรถเป็นออปชั่นใหม่ โดยโปรโมชั่นพิเศษในงานนี้ คือ จอง Staria รุ่นย่อย S หรือ SEL รับประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 60 เดือน หรือ 150,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงนาน 60 เดือน และคูปองน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท

ISUZU

●   ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เปิดตัวไลน์อัพรถรุ่นใหม่ส่งท้ายปี 2565 ไปก่อนหน้านี้แล้ว นำโดยปิคอัพขนาดกลางรุ่นยอดนิยม Isuzu D-MAX ทุกรุ่นย่อย รวมถีง X-Series และ SUV ขนาดกลาง Isuzu MU-X ภายใต้แนวคิดการสื่อสารทางการตลาด MAGIC EYEs ไฮไลท์สำคัญก็คือการเพิ่มระบบความปลอดภัยในกลุ่ม ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ใช้กล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบรีลไทม์ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

●   ฟังก์ชั่นการทำงานประกอบด้วย ระบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรฝันทุกช่วงความเร็ว, ฟังก์ชั่น Stop & Go ควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าจนถึงจุดหยุดนิ่ง, ระบบ Forward Collision Warning แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคอัตโนมัติขณะฉุกเฉิน ซึ่งจะทำงานเมื่อกล้องหน้าคู่ตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหน้า และจะแจ้งเตือนเมื่อสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะกระชั้นชิดจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ตัวระบบจะทำการเบรคโดยอัตโนมัติ หากผู้ขับไม่เหยียบเบรคหลังสัญญาณเตือน

●   รายละเอียดและราคาจำหน่ายทุกรุ่นย่อย ใครสนใจก็คลิกตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้ครับ

JEEP

●   เบลฟอร์ต ออโตโมบิล ในนาม จีพ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นทำตลาดออฟ-โรด SUV ไฮเอนด์ที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยรถรุ่นหลักยังคงเป็น Jeep Wrangler Rubicon ตัวถัง 2 ประตู และ Jeep Wrangler Rubicon Unlimited ตัวถัง 4 ประตู

●   อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์สำคัญคือการเผยโฉม Jeep Gladiator Rubicon ปิคอัพขนาดกลางที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มของ Jeep Wrangler เจนเนอเรชั่น 4 รหัส JL ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 5,990,000 บาท

●   ตัวถังของ Gladiator ถูกวางเอาไว้บนเฟรมที่มีการโมดิฟายความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 5,181 มม. เทียบกับ Wrangler บอดี้ 4 ประตู Unlimited จะยาวกว่าถึง 787 มม. ระยะฐานล้อยาวถึง 3,480 มม. จุดประสงค์หลักก็คือเพื่อให้วางกระบะท้ายขนาด 5 ฟุท (ยาว 1,254 มม.) ให้ใช้งานด้านการบรรทุกสัมภาระได้จริง และเพียงพอกับการใช้งานในแต่ละทริป

●   ในการใช้งานแบบออฟ-โรด Gladiator เกรด Rubicon มีระยะเคลียร์ใต้ท้องรถให้ถึง 11 นิ้ว กันชนหน้า/หลังทรงแนบลำตัว ช่วยให้มีองศาของมุมปะทะ (approach angle) อยู่ที่ 43.6 องศา, มุมคร่อม (breakover) 20.3 องศา และมุมจาก (departure) 26 องศา เป็นรอง Wrangler Rubicon นิดหน่อยตามกายภาพของตัวรถ (44, 27.8 และ 37 ตามลำดับ) ลุยน้ำได้ลึกสุด 30 นิ้ว รองรับการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด 725 กก. และมีศักยภาพในการลากอุปกรณ์ต่อพ่วงได้สูงสุด 3,470 กก.

●   Gladiator จะมีตัวเลือกเครื่องยนต์เพียงรุ่นเดียว คือ เครื่องยนต์เบนซินตระกูล Pentastar แบบ V6 ความจุ 3.6 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุดมีให้ใช้ 280 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.8 กก.-ม.

●   นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษ Jeep Wrangler 1941 Explorer Edition จำกัดจำนวนเพียง 5 คัน 5 สี คือ เหลือง High Velocity Yellow, น้ำเงิน Hydro Blue, แดง Firecracker Red, เขียว Sarge Green และเงิน Silver Zynith ทุกคันติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง MOPAR อาทิ สติ๊กเกอร์ฝากระโปรงลาย 1941, กันชนหน้าเหล็กกล้าแบบเฮฟวี่ดิวตี้, การ์ดป้องกันกระจังหน้าและวินช์, สปอตไลท์แบบยึดกันชนหน้า LED, กระจังหน้าสีดำซาติน, หลังคาซันรูฟ Sunrider Flip Top, บันไดข้างอลูมิเนียมสีดำ, ถุงคลุมล้ออะไหล่ลายเข็มทิศ, สติ๊กเกอร์ Jeep Performance Parts ข้างตัวถัง, ชุดสวิทช์มัลติฟังก์ชั่น, เพลทชสเตนเลสกันรอยบริเวณกาบบันได และแผ่นป้ายสัญลักษณ์ 1941 Explorer Edition ที่ข้างตัวถังและบริเวณคอนโซลกลาง

●   ปิดท้ายด้วยการเปิดตัวเบอร์โทร 1488 Always Connected สำหรับบริการข้อมูลสินค้า, ข้อเสนอพิเศษ พร้อมเชื่อมตรงไปที่ดีลเลอร์ และรองรับงานขาย, บริการหลังการขาย รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง โดยจะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป

KIA

●   ยนตรกิจ เกีย จัดแสดงรถครอสโอเวอร์ SUV พลังงานไฟฟ้าขนาดคอมแพคท์ KIA EV6 เป็นครั้งแรกในไทย ตัวรถใช้แพลทฟอร์มเดียวกับ IONIQ 5 ของซับ-แบรนด์ไอออนิคของฮุนได นั่นคือแพลทฟอร์มใหม่ E-GMP หรือ Electric Global Modular Platform ที่ฮุนไดออกแบบมาเพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ

●   KIA EV6 อยู่ในรูปโฉมของรถ SUV ท้ายลาด 5 ประตู ในตลาดโลกชุดระบบขับเคลื่อนเลือกได้ระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับหลัง หรือมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ หมุนล้อแบบ all-wheel drive รุ่นพื้นฐานมอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุด 170 แรงม้า ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 235 แรงม้า แบตเตอรี่แพคความจุ 58 กิโลวัทท์-ชม. สามารถอัพเกรดเป็น 77.4 กิโลวัทท์-ชม. โดยรุ่นมอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุดจะเพิ่มขึ้นเป็น 228 แรงม้า ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 325 แรงม้า ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 510 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป

●   รุ่นพร้อมจำหน่ายยังคงเป็น KIA Carnival เลือกได้ระหว่างรุ่นย่อยเกรด EX ราคา 2,234,00 บาท และรุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท

LAMBORGHINI

●   แลมบอร์กินีเปิดตัว Lamborghini Urus Performante รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดกลางพลังแรง ซึ่งนับเป็น Urus เวอร์ชั่นสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ภายนอกมากับชิ้นส่วนรอบคันแบบเฉพาะตัว อาทิ กันชนหน้าคาร์บอนไฟเบอร์, Skid plate แบบใหม่, ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์, หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์, ชายล่างหลังและกันชนหลังคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมท่อไอเสียแบบใหม่ น้ำหนักตัวลดลงประมาณ -47 กก. เมื่อเทียบรุ่นพื้นฐาน

●   ด้านพละกำลัง Urus Performante ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 666 แรงม้า (PS) เพิ่มขึ้น +16 แรงม้าเมื่อเทียบกับ Urus รุ่นก่อนหน้า แรงบิดสูงสุด 86.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 306 กม./ชม. และมีโหมดใหม่เป็นโหมด RALLY ซึ่งจะปรับจูนช่วงล่างและการทำงานของเครื่องยนต์ รวมถึงระบบส่งกำลังให้เหมาะกับการวิ่งแทร็คโดยเฉพาะ

LEXUS

●   เลกซัส เผยโฉมครอสโอเวอร์ SUV หรูขนาดกลางพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด Lexus RX 450h+ PHEV ตัวรถนับเป็น RX รุ่นใหม่ล่าสุดเจนเนเรชั่น 5 ที่พัฒนาขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ TNGA รหัสย่อย GA-K ขนาดตัวใหญ่ขึ้นในทุกมิติ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ eCVT แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุ 18.1 กิโลวัทท์-ชม. กำลังรวมทั้งระบบ 304 แรงม้า

●   การจำหน่ายจะแยกเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย RX 450h+ Luxury AWD ราคา 4,640,000 บาท และ RX 450h+ Premium AWD ราคา 5,090,000 บาท

●   รุ่นอื่นๆ บนพื้นที่มีซีดานหรูพลังไฮบริด Lexus ES แยกเป็น 4 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 3,625,000 – 4,380,000 บาท, Lexus IS แยกเป็น 3 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 2,690,000 – 3,890,000 บาท, Lexus UX 250h แยกเป็น 3 รุ่นย่อย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วง 2,540,000 – 3,670,000 บาท ปิดท้ายด้วย Lexus UX 300e ครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์พลังไฟฟ้าล้วน ราคาจำหน่าย 3,490,000 บาท

MASERATI

●   มาเซราติ ปีนี้จัดแสดงรถครอสโอเวอร์ SUV หรูขนาดคอมแพคท์ ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง Maserati Grecale ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา การจำหน่ายจะแยกเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐานเกรด GT เครื่องยนต์ 4 สูบ Mild hybrid และรุ่นท๊อปเกรด Trofeo เครื่องยนต์ V6

●   Grecale GT ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พร้อมเวสท์เกทไฟฟ้า เสริมกำลังด้วยระบบ Mild Hybrid เทคโนโลยี 48-volt ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ส่วนรุ่น Trofeo จะทรงพลังกว่าด้วยเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Nettuno แบบเดียวกับที่ใช้ใน Maserati MC20 ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุด 530 แรงม้า

●   มาเซราติเปิดราคาจำหน่าย Grecale GT เริ่มต้นที่ 6,490,000 บาท ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่พร้อมจำหน่าย Maserati Ghibli Hybrid ราคาเริ่มต้น 6,990,000 บาท และ Maserati Levante Hybrid ราคาเริ่มต้น 7,990,000 บาท

MAZDA

●   มาสด้า ปีนี้มีรถซีรี่ส์ Carbon Edition มาจัดแสดงในงาน รุ่นเด่นบนพื้นที่คือ Mazda CX-30 Carbon Edition สีเทา Machine Gray ซึ่งเป็นสีพิเศษเคลือบ 3 ชั้น พร้อมการตกแต่งพิเศษทั้งภายนอกและภายใน ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะจำหน่ายในไทยเท่านั้น อาทิ กระจกมองข้างสีดำ, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว, เบาะหนังสีแดง Burgundy ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง ราคาจำหน่าย 1,211,000 บาท

●   และนอกจาก CX-30 Carbon Edition แล้ว มาสด้ายังมีรถซีรี่ส์ Carbon Edition ให้เลือกกันอีกหลายรุ่น ประกอบด้วย Mazda 2 Carbon Edition ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮทช์แบค 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 669,000 บาท, Mazda 3 Carbon Edition ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮทช์แบค 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 1,210,000 บาท และ Mazda CX-3 Carbon Edition ซึ่งจะมีทั้งสีเทา Polymetal Gray และสีเทา Machine Gray ราคาเริ่มต้น 904,000 บาท

MERCEDES-BENZ

●   เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีรุ่นไฮไลท์บนพื้นที่ 3 รุ่น เริ่มกันที่ Mercedes-Benz EQS 500 4MATIC AMG Premium รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เตรียมเปิดไลน์ผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว แบตเตอรี่แพคความจุ 108.4 กิโลวัทท์-ชม. กำลังสูงสุดผลิตได้ 449 แรงม้า ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 702 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ราคาจำหน่าย 7,900,000 บาท

●   ต่อด้วย Mercedes-AMG SL 43 สปอร์ตพลังแรงรุ่น entry-level ขับเคลื่อนล้อหลัง ตัวถัง 2 ประตู เบาะ 2+2 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เสริมกำลังด้วยเทคโนโลยี Mild Hybrid จับคู่เกียร์ AMG Speedshift 9 จังหวะ กำลังสูงสุด 381 แรงม้า ราคาจำหน่าย 11,700,000 บาท

●   ปิดท้ายด้วย Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รถคอมแพคท์ซีดานหรูตระกูล C-Class รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซินความจุ 2.0 ลิตร จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แพคเจนเนอเรชั่น 4 ความจุ 25.4 กิโลวัทท์-ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ กำลังสูงสุด 313 แรงม้า โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 100 กม. ราคาจำหน่าย 3,350,000 บาท

MG

●   เอ็มจี ประเทศไทย เปิดจองรถแฮทช์แบคขนาดคอมแพคท์พลังงานไฟฟ้า MG4 Electric ในงานนี้ โดยก่อนที่งาน Motor Expo จะเริ่มขึ้นไม่กี่วัน ทีมงานมอเตอร์ทริเวีย มีโอกาสได้ทดลองขับรถรุ่นนี้ที่สนามสนามปทุมธานี สปีดเวย์ แม้จะไม่ได้ทดลองวิ่งยาวๆ แบบการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน แต่ก็มีเวลาได้พิจารณารายละเอียดของตัวรถ และโฟกัสไปที่การขับในสนามอยู่มากพอสมควร

●   MG4 Electric จะแยกจำหน่ายเป็น 2 รุ่นย่อย D หรือ X ทั้งคู่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แบตเตอรี่แพคความจุ 51 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 425 กม. ตามมาตรฐาน NEDC เดิมของยุโรป

●   การชาร์จแบตเตอรี่แบบ Normal Charge ผ่าน MG Home Charger กำลังไฟ 6.6 kWh จาก 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบ Quick Charge ผ่านสถานีชาร์จ MG Super Charge (มีประมาณ 128 แห่งทั่วประเทศ) ด้วยกำลังไฟสูงสุด 88 kWh จาก 10 – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที และตัวแบตเตอรี่รองรับเทคโนโลยี V2L สำหรับจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

●   การจำหน่ายจะแยกเป็น 2 รุ่นย่อย MG4 Electric D ราคา 869,000 บาท และ MG4 Electric X ราคา 969,000 บาท

MINE

●   บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ หรือ Energy Absolute (EA) จัดแสดงรถเพื่อการพาณิชย์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ MINE MT30 รถไฟฟ้าสัญชาติไทย 100% ผลงานของ บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MINE Mobility Corporation Co., Ltd) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและประกอบยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และจดทะเบียนเป็นรถกระบะไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของไทย

●   MINE MT30 เป็นรถพาณิชย์ที่สามารถดัดแปลงส่วนบรรทุกสัมภาระได้แบบเอนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นรถขนส่งสินค้า หรือฟู๊ดทรัค หรืออื่นๆ ตามต้องการ กระบะเป็นแบบพื้นเรียบเปิด 3 ด้าน พื้นที่บรรทุกขนาด 2.5 ม. x 1.58 ม. รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,000 กก. ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร หมุนล้อคู่หลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ซิงเกิลสปีด กำลังสูงสุดผลิตได้ 80 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม. ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. โหมดในการขับเลือกได้ 2 โหมดระหว่าง Drive (Normal) หรือ Eco

●   MT30 ใช้แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟใน 1 ชม. เท่ากับ 30 กิโลวัทท์-ชม. ผลิตโดย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หัวชาร์จแบบ CCS2 ชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี DC Fast Charge ของ EA Anywhere จาก 30 – 80% ภายใน 15 นาที หากชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จาก 0 – 100% จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 200 กม.

●   การจำหน่าย MINE MT30 หลักๆ จะแยกเป็นรุ่นสีมาตรฐาน และรุ่นสีพิเศษ Pastel Edition โดยสีมาตรฐาน ราคา 748,500 บาท ส่วน Pastel Edition ราคา 766,500 บาท ใครสนใจก็จองได้ในงานครับ

MINI

●   มินิจัดแสดง MINI Strip รถรุ่นพิเศษแบบ One-off คันเดียวในโลก ผลงานการออกแบบร่วมกับ Paul Smith ตัวรถใช้พื้นฐานจาก MINI Cooper SE ไอเดียคือการลดจำนวนชิ้นส่วนของรถ และเก็บไว้เฉพาะชิ้นส่วนที่สำคัญเท่านั้น

●   ต่อด้วยรถต้นแบบ MINI Recharged นำ MINI Paul Smith รุ่นปี 1988 มาติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 97 แรงม้า ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 160 กม. แบตเตอรี่แพครองรับการชาร์จด้วยกระแสไฟ 6.6 กิโลวัทท์

●   ส่วนรุ่นพร้อมจำหน่ายมี MINI Cooper S Hatch Multitone Edition เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 7 จังหวะ Steptronic Sport กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ราคาจำหน่าย 2,949,000 บาท ปิดท้ายด้วย MINI Cooper S Hatch Advanced Edition ที่มากับชุดแต่ง MINI Yours และใช้ระบบขับเคลื่อนชุดเดียวกัน ราคาจำหน่าย 2,949,000 บาท

MITSUBISHI

●   มิตซูบิชิ ใช้พื้นที่ในงานฉลองแชมป์ให้กับทีม Team Mitsubishi Ralliart ที่สามารถคว้าแชมป์ Asia Cross Country Rally 2022 ในรุ่น T1 (ครอสคันทรี โปรโตไทป์) ด้วยตัวแข่ง Mitsubishi Triton Rally Car

●   ส่วนรถใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้ มี Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับสุขภาพผู้ขับและผู้โดยสารด้วยการติดตั้งระบบฟอกอากาศ nanoeX

●   นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวแคมเปญ Dendo Drive House (เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์) ระบบนิเวศพลังงานไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ใช้ Mitsubishi Outlander PHEV ด้วย ผู้ที่สนใจแคมเปญนี้สามารถถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-079-9600 เปิดบริการทุกวัน 8.30 – 17.00 น. หรือ URL : mitsubishi-motors.co.th/th/dendodrivehouse

NETA

●   นอกจากการทำตลาด Neta V แล้ว งานนี้เนต้า ประเทศไทย เผยโฉมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่รุ่นใหม่ Neta S อีกหนึ่งในคู่แข่งของ Tesla Model 3 ในประเทศจีน ตัวรถอยู่ในรูปโฉมของซีดาน 4 ประตูขนาดกลางที่อยู่ในกลุ่ม D-segment ขนาดตัวใหญ่กว่า Model 3 เล็กน้อย ในจีนชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วยรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับหลัง หรือมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบฟิกซ์ 1 สปีด

●   ในประเทศจีน Neta S แยกเป็นรุ่น Lidar Version มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับหลัง กำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคความจุ 85.1 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 715 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ของประเทศจีน

●   รุ่น Special Version มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD กำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 63.1 กก.-ม. แบตเตอรี่คความจุ 91 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 650 กม. ทั้งคู่มากับระบบช่วยขับ NETA Pilot รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวเวอร์ชั่น 4.0 รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่เวอร์ชั่น 3.0 ซึ่งต่างกันที่ชิปประมวลผล

●   นอกจากนี้ยังมี Neta U รถครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แบตเตอรี่แพค 81 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 610 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ของประเทศจีน

●   ปิดท้ายด้วยรถไฟฟ้าสำหรับคุณหนู Neta Kid ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 12 โวลท์ เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ 12 โวลท์ 10 แอมป์อาวร์ น้ำหนักตัวประมาณ 30 กก. และใช้ความเร็วสูงสุดได้เฉลี่ย 3 – 5 กม./ชม. ใครสนใจลองสอบถามรายละเอียดที่บูธกันดูครับ

NISSAN

●   นิสสันเผยโฉม Nissan Navara Black Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 70 ปีแบรนด์นิสสันในประเทศไทย ตัวรถเพิ่มความดุดันด้วยสีใหม่ เทา Stealth Grey ซึ่งจะมีให้ใน Navara Black Edition ทุกรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็นตัวถังตอนครึ่งยกสูง King Cab Calibre หรือรุ่น 4 ประตู ยกสูง Double Cab Calibre ทุกรุ่นจะมากับชุดแต่งแบบสปอร์ตสีดำ ทั้งภายนอกและภายใน

●   ทั้งนี้ รถรุ่นพิเศษฉลอง 70 ปี Nissan 70th Anniversary Edition จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นหลัก ประกอบด้วย [1] Nissan Almera ราคาเริ่มต้น 685,000 บาท, [2] Nissan Kicks e-Power ราคาเริ่มต้น 909,000 บาท, [3] Nissan Navara ราคาเริ่มต้น 944,000 บาท และ [4] Nissan Terra ราคาเริ่มต้น 1,565,000 บาท

PEUGEOT

●   เปอโยท์ ประเทศไทย จัดแสดง 2008, 3008 และ 5008 รุ่นพิเศษ เริ่มด้วยครอสโอเวอร์ SUV ขนาดซับคอมแพคท์ Peugeot 2008 GT ตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยการ Wrap หลังคาสีดำ, เพิ่มคิ้วกันชนหน้า-หลังแบบสปอร์ต, เพิ่มสปอยเลอร์หลังคาด้านท้าย และติดตั้งตราสัญลักษณ์ GT

●   ต่อด้วยครอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง Peugeot 3008 Sport ที่เติมความดุด้วยชุดสเกิร์ทรอบคัน และเพิ่มกาบบันไดซ้าย-ขวา ปิดท้ายด้วยรอสโอเวอร์ SUV ขนาดคอมแพคท์ ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง Peugeot 5008 Camper เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับชาวเอาท์ดอร์ด้วยการติดตั้งชุดรูฟท็อปเต๊นท์ THULE Tepui Ayer 2

●   เช่นเดียวกับจีพ… เปอโยท์ซึ่งอยู่ภายใต้ชายคาของ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล ก็จะใช้เบอร์โทร 1488 Always Connected สำหรับบริการข้อมูลสินค้า, บริการหลังการขาย ไล่ไปจนถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน โดยจะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป

PORSCHE

●   ปอร์เช่ ประเทศไทย (เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส) เปิดตัวสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง Porsche 718 Cayman GT4 RS ในงานนี้ ราคาจำหน่ายเปิดออกมาที่ 15,800,000 บาท ตัวรถอยู่ในวงจรชีวิตของ Boxster / Cayman เจนเนอเรชั่น 4 และนับเป็น Cayman รุ่นแรกที่มากับแพคเกจ RS พร้อมขยับไปใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกับ Porsche 911 GT3 และมีดาวน์ฟอร์ซเพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับรถในซีรี่ส์ GT4 ของปอร์เช่รุ่นที่ผ่านๆ มา

●   พละกำลังของ 718 Cayman GT4 RS มาจากเครื่องยนต์เบนซินเพียวๆ ไม่มีระบบอัดอากาศ ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ 6 สูบนอน ความจุ 4.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 7 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. รอบเครื่องยนต์จำกัดเอาไว้ที่ 9,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 299 กรัม/กม.

●   รุ่นอื่นๆ บนพื้นที่มี Porsche Panamera 4 E-Hybrid Platinum Edition, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Porsche Taycan รุ่นพื้นฐาน และเวอร์ชั่นอเนกประสงค์ Taycan 4S Cross Turismo, รถ SUV สมรรถนะสูง Porsche Cayenne GTS ปิดท้ายด้วยสปอร์ตระดับไอคอนอย่าง Porsche 911 Carrera S

SUBARU

●   ทีซี ซูบารุ ประเทศไทย เปิดตัว Subaru Forester รุ่นปรับโฉม แยกจำหน่ายเป็น 2 รุ่น ประกอบด้วย Forester i-L EyeSight และ Forester i-S Eyesight ทั้งคู่มากับระบบช่วยขับรุ่นใหม่ EyeSight 4.0 ซึ่งมีการอัพเกรดกล้องสเตอริโอคู่หน้าใหม่ เสริมความปลอดภัยด้วย 3 ระบบใหม่ ได้แก่:

●   [1] ระบบ Autonomous Emergency Steering ช่วยหักหลบพวงมาลัยอัตโนมัติขณะฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงการชน ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. [2] ระบบ Adaptive Cruise Control with Lane Centering Function ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันความเร็วตามรถคันหน้า พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมรถให้อยู่กลางเลน และ [3] ระบบ Lane Departure Warning include Lane Departure Prevention ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อมระบบบังคับรถกลับเข้าเลน หากระบบตรวจจับว่ารถกำลังคร่อมเส้นแบ่งเลน ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป

●   ซูบารุเปิดราคาจำหน่าย Forester 2.0i-L EyeSight เริ่มต้นที่ 1,185,000 บาท ออฟชันแพค 265,000 บาท ราคารวม 1,450,000 บาท ส่วน Forester 2.0i-S EyeSight ราคา 1,285,000 บาท ออฟชันแพค 265,000 บาท ราคารวม 1,550,000 บาท ใครสนใจสามารถจองภายในงานได้เลย ตัวรถจะพร้อมส่งมอบในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นไป

●   นอกจากนี้ยังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ GTS สำหรับ Forester รุ่นปัจจุบัน จำกัดจำนวนที่ 500 ชุดเท่านั้น ตัวแพคเกจประกอบด้วย กันชนหน้า-หลัง, สเกิร์ทด้านข้าง, สปอยเลอร์หลังคา, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และป้ายบอกลำดับการผลิต GTS เฉพาะคัน ตั้งแต่ 1/500 – 500/500

SUZUKI

●   ซูซูกิ ประเทศไทย เปิดตัว Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถ MPV 7 ที่นั่งรุ่นอัพเกรดพลัง Mild hybrid ซึ่งซูซูกิใช้ชื่อทางการค้าว่าเทคโนโลยี Smart Hybrid Vehicle by Suzuki (SHVS) ซึ่งปัจจุบันซูซูกิใช้งานอยู่ในรถหลายรุ่นที่ทำตลาดโลก เช่น Suzuki Ignis หรือ Suzuki Swift เวอร์ชั่นไฮบริด เป็นต้น

●   ตัวระบบ SHVS นั้นจะใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยสนับสนุนการทำงานของเครื่องยนต์ในขณะเร่งความเร็ว ชุดระบบประกอบด้วย ISG หรือ integrated starter generator ควบรวมมอเตอร์และเจนเนอเรเตอร์เข้าไว้ด้วยกัน ทำหน้าที่ชาร์จไฟกลับขณะยกคันเร่ง และรีสตาร์ทเครื่องยนต์หลังจากระบบ idle-stop ทำงาน นอกจากนี้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาดเล็ก ก็จะนับรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีนี้ด้วย

●   ส่วนต้นกำลังหลักจะใช้เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ แบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร หัวฉีดคู่ Dualjet พร้อมวาล์วแปรผัน VVT ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 13.9 กก.-ม. อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 134 กรัม/กม.

TOYOTA

●   โตโยต้า ประเทศไทย เปิดตัวชุดแต่ง Modellista เวอร์ชั่นล่าสุดสำหรับ Toyota Yaris Ativ, Toyota Hilux Revo D และ Toyota Fortuner เริ่มที่ Toyota Yaris Ativ Modellista ราคาจำหน่าย 48,500 บาท ตัวแพคเกจสามารถติดตั้งได้กับ Toyota Yaris Ativ ทุกรุ่นย่อย โดยโตโยต้าจะรับประกันชุดแต่งสูงสุด 36 เดือน หรือ 100,000 กิโลเมตร

●   ต่อด้วย Toyota Hilux Revo D Modellista ราคาจำหน่าย 59,500 บาท ปิดท้ายด้วย Toyota Fortuner Modellista แยกเป็นแพคเกจตกแต่งสำหรับ Toyota Fortuner Legender ราคาจำหน่าย 59,500 บาท และ Toyota Fortuner Leader ราคาจำหน่าย 69,500 บาท

●   อีกหนึ่งไฮไลท์คือ Toyota GR Corolla ฮอทแฮทช์รุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานของ Toyota Corolla ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบครหัส E210 ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส G16E-GTS แบบ 3 สูบ ความจุ 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุด 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR AWD ซึ่งสามารถกระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้า/หลังได้ระหว่าง 60:40, 50:50 และ 30:70 ผ่านสวิทช์ควบคุม

VOLT

●   อีวี ไพรมัส จัดแสดง Volt City EV รถซิตี้คาร์ไฟฟ้าราคาเบาๆ จากประเทศจีน ที่เปิดตัวและเปิดจองไปแล้วในบ้านเราเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกนั้น อีวี ไพรมัส ได้เปิดลงทะเบียนจองรถเพื่อรับสิทธิราคาพิเศษโดยจะจำกัดจำนวนสิทธิเฉพาะ 1,000 คันแรกเท่านั้น

●   Volt แยกเป็น 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Volt for-Two ตัวถัง 3 ประตู 2 ที่นั่ง ความยาวตัวรถ 2,920 มม. และ Volt for-Four ตัวถัง 5 ประตู 4 ที่นั่ง ความยาว 3,380 มม. โดย Volt for-Two ราคาจำหน่าย 325,000 บาท ส่วน Volt for-Four ราคา 385,000 บาท

●   Volt for-Two จะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 40 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 9.1 กก.-ม. เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิด ลิเธียม ไอออน ฟอสเฟท ความจุ 11.8 กิโลวัทท์-ชม. ส่วน Volt for-Four จะขยับไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 46 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 10.3 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคมีความจุ หรือความสามารถในการจ่ายไฟต่อเนื่องใน 1 ชม. เท่ากับ 16.5 กิโลวัทท์-ชม.

●   อย่างไรก็ตาม Volt City EV จะชาร์จแบตเตอรี่ได้จากไฟบ้านเท่านั้น (แรงดันไฟฟ้า 115 โวลท์) ระยะเวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง Volt for-Two ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 165 กม. ในโหมด Eco (โหมด Sport ลดลงเหลือ 115 กม.) ส่วน Volt for-Four ประมาณ 200 กม. ในโหมด Eco เช่นกัน (โหมด Sport ลดลงเหลือ 135 กม.)

VOLVO

●   วอลโว่ ประเทศไทย จัดแสดงรถในซีรี่ส์ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า หรือ Volvo Recharge (นับรวมรถแบตเตอรี่ และปลั๊ก-อิน ไฮบริด) โดยไฮไลท์ในงานจะเป็นรุ่น PHEV ประกอบด้วย Volvo S60 Recharge T8 Plug-in Hybrid, ต่อด้วย Volvo V60 Recharge T8 Plug-in Hybrid และ Volvo XC40 Recharge T5 Plug-in Hybrid ทั้งหมดได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ชุดไฟหน้าเป็นทรง T-shaped พร้อมล้อขนาด 19 นิ้ว 5 ก้านลาย Triple Spoke Black Diamond Cut

●   นอกจากนี้ ทุกรุ่นจะมากับระบบ iCUP หรือ Infotainment and Connectivity Unit Program ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อและมัลติมีเดียรุ่นล่าสุดที่บิลท์-อิน Google Maps, Google Assistant และ Google Play มาให้จากโรงงาน รองรับการใช้งานแอพพลิเคชัน Volvo Car app ในการควบคุมรถระยะไกล เช่น ล็อค – ปลดล็อค, ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารล่วงหน้า หรือเช็คสถานะการชาร์จและปริมาณของแบตเตอรี่ รวมถึงรองรับการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ Over-the-air ด้วย

●   ทุกรุ่นมีแคมเปญพิเศษให้เลือก โดยแคมเปญทั้งหมดจะมีผลทั้งในงาน Motor Expo 2022 และที่โชว์รูมวอลโว่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 ธันวาคม 2565         ●

MT Report : Motor Expo 2022