Mercedes eSprinter แวนไฟฟ้าขนาดใหญ่ เตรียมผลิตในสหรัฐฯ

121views

เรื่อง : AREA 54

● เมอร์เซเดส สหรัฐฯ เตรียมทำตลาด Mercedes-Benz eSprinter รถแวนพลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือ หลังจากที่ยุโรปเริ่มจำหน่ายเจนเนอเรชั่นแรกที่ใช้พื้นฐานของ Mercedes-Benz Sprinter เวอร์ชั่นดีเซลในการผลิตมาตั้งแต่ช่วงปี 2019… อย่างไรก็ตาม eSprinter 2024 ที่เห็นกันนี้ นับเป็นรถแวนไฟฟ้ารุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 2 ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า และจะผลิตมีการขึ้นที่โรงงานของเมอร์เซเดสในรัฐ เซาท์ แคโรไลนา

● eSprinter ผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ Electric Versatility Platform (EVP) ตัวแชสซีส์ออกแบบมาเพื่อผลิตรถแวนขนาดใหญ่ และมีการปรับตำแหน่งติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจากขับเคลื่อนล้อหน้ามาเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งการปรับเปลี่ยนงานวิศวกรรมในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้เมอร์เซเดสสามารถเพิ่มทางเลือกตัวถังใหม่ๆ ได้สะดวกขึ้น เช่น ปิคอัพพื้นเรียบ (Chassis Cab ) หรือหัวเก๋งแชสซีส์ (Cutaway)

● ในยุโรป… แบตเตอรี่แพคเลือกได้ตามลักษณะงาน ผู้ประกอบการที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก สามารถเลือกรุ่นความจุ 56 หรือ 81 กิโลวัทท์-ชม. ได้ ในขณะที่รุ่นท๊อปแบบพร้อมวิ่งข้ามเมือง จะมีรุ่นความจุ 113 กิโลวัทท์-ชม. ให้ใช้งาน ทั้งหมดเป็นแบตเตอรี่ชนิด LFP หรือ Lithium iron phosphate ทุกรุ่นใช้ออนบอร์ดชาร์จเจอร์ 11 กิโลวัทท์ รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 115 กิโลวัทท์ รุ่นพื้นฐานแบตเตอรี่ 56 กิโลวัทท์-ชม. สามารถชาร์จจาก 0 – 80% ได้ภายใน 28 นาที ส่วนรุ่น 113 กิโลวัทท์-ชม. จะใช้เวลาประมาณ 42 นาที

● ด้านพละกำลัง eSprinter จะมีรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) หรือ 204 แรงม้าให้เลือก ทั้งคู่มีแรงบิดสูงสุดเท่ากันที่ 40.7 กก.-ม.

● ณ เวลานี้ สื่อต่างประเทศคาดว่าเมอร์เซเดสจะเริ่มทำตลาด eSprinter ด้วยรุ่นตัวถังฝาทึบ (Panel Van) หลังคาสูง และน่าจะมีรุ่นแบตเตอรี่ 113 กิโลวัทท์-ชม. จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า เพียงรุ่นเดียว ห้องบรรทุกสัมภาระความจุสูงสุดประมาณ 13,818 ลิตร ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 474 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป (หมายความว่าตัวเลขของ EPA สหรัฐฯ จะต่ำกว่านี้มากพอสมควร)

● ในเบื้องต้น eSprinter พลังไฟฟ้าจะเริ่มจำหน่ายในสหรัฐฯ และแคนาดาหลังพ้นช่วงกลางปี 2023 เป็นต้นไป ราคาจำหน่ายที่แน่นอนยังไม่ระบุในเวลานี้ครับ (ปัจจุบัน Sprinter รุ่นพื้นฐานพลังดีเซล เริ่มต้นที่ 50,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.7 ล้านบาท) ●