March 21, 2023
Motortrivia Team (10156 articles)

Hyundai ประกาศความพร้อมในการขับเคลื่อนธุรกิจไทยภายใต้ชื่อใหม่ “บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด”

ภาพ : พัลลภ สื่อสัมฤทธิ์

●   ฮุนได ประเทศไทย เปิดพื้นที่ในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2023 จัดแถลงข่าวประกาศว่าบริษัทแม่จากประเทศเกาหลีใต้พร้อมเดินหน้าธุรกิจในไทยเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ “บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด” ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้นำยานยนต์และนวัตกรรมโมบิลิตี้ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมนำรถหลายรุ่น รวมถึงเทคโนโลยีโรโบติคส์มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ โดยระบุว่า ทุกผลิตภัณฑ์ที่จะเตรียมทำตลาดไทยในปี 2566 จะสามารถตอบโจทย์โซลูชันด้านโมบิลิตี้ให้กับผู้บริโภคไทยได้อย่างแน่นอน

●   ก่อนหน้าการแถลงข่าวในวันนี้ Hyundai Motor Company ได้นำสื่อมวลชนจากประเทศไทย ไปชมเครือข่ายอุตสาหกรรมครอบคลุมครบวงจร และเทคโนโลยีระดับโลกที่ทันยุคสมัยของฮุนได ณ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทีมงานมอเตอร์ทริเวียก็ได้รับเกียรติเข้าร่วมทริปดังกล่าวด้วย

●   นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2566 ฮุนได มอเตอร์ บริษัทแม่จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เดินหน้ายกระดับความพร้อม นำทีมจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่เรียบร้อย พร้อมเตรียมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบครอบคลุมทั้งในด้านการขาย, การตลาด, การบริการหลังการขาย และเครือข่ายผู้จำหน่าย เนื่องจากฮุนไดมองเห็นโอกาสสำคัญของการเติบโตหลากหลายด้านในประเทศไทยแม้ว่าปัจจุบันจะมีการแข่งขันจากประเทศต่างๆ ที่เข้ามาทำตลาดอย่างดุเดือด”

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด

●   “ความโดดเด่นของ ฮุนได โมบิลิตี้ คือ การมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับคุณภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนทุกประเภท ไม่เพียงแค่ด้านยานยนต์ แต่บริษัทฯ ยังตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพด้านผู้นำนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เรามั่นใจว่านวัตกรรมของฮุนไดซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับโลก จะสามารถช่วยยกระดับเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์คนไทยไปสู่โลกแห่งอนาคต พร้อมสร้างประสบการณ์แก่ผู้ใช้งานด้วยโซลูชันด้านโมบิลิตี้ที่สอดรับกับความต้องการของผู้คนได้เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่ง โดยเฉพาะจุดเด่นที่สำคัญทั้งเรื่องความปลอดภัย, ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนในระยะยาว”

●   “วิสัยทัศน์ของบริษัทคือ การเป็นแบรนด์พารทเนอร์ในวิถีชีวิตของผู้คน โดยฉีกภาพจำเดิมๆ จากการเป็นแบรนด์จำหน่ายรถยนต์ สู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยี และเป็นผู้เล่นสำคัญด้านการขับเคลื่อนนวัตกรรมเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดในระดับโลก สะท้อนถึงทิศทางของฮุนไดในฐานะแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืน”

●   “และในการประกาศความพร้อมของบริษัทแม่ในปีนี้ เราได้นำยานยนต์และนวัตกรรมของ ฮุนได โมบิลิตี้ มาแสดงและจำหน่ายภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 มีนาคม จนถึงวันที่ 2 เมษายน 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยยกขบวนมาทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ Stargazer, Staria, IONIQ 5 และ IONIQ 6 พร้อมทั้งแพลทฟอร์มผลิตรถยนต์ E-GMP และ หุ่นยนต์จาก Boston Dynamic ที่จะมาสร้างสีสันให้กับตลาดยานยนต์ปีนี้ให้คึกคัก”

หมายเหตุ : ปัจจุบัน ฮุนได มอเตอร์ คอมพานี ถือหุ้น 80% ในบริษัทโรโบติคส์ Boston Dynamics โดยเจ้าของเดิม SoftBank Group จากประเทศญี่ปุ่น ยังคงถือหุ้นในบริษัท 20%

Hyundai Stargazer

●   Hyundai Stargazer เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือ มินิ เอ็มพีวี ที่นำมาทำตลาดครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา รุ่นพื้นฐานมากับห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง รุ่นท็อปมาแบบเบาะ 3 แถว 6 ที่นั่ง โดยเบาะแถวที่ 2 เป็นแบบหรู Captain Seat

●   ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ IVT (CVT) กำลังสูงสุด 115 แรงม้า โหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง Normal, Eco, Sport และ Smart

●   โปรโมชัน : ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 5 ปี, ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 2 ปี หรือ 40,000 กม., ดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% หรือ 30% และผ่อนชำระ 48 เดือน, ผ่อนชำระเงินดาวน์นาน 6 เดือน โดยไม่มีดอกเบี้ย

Hyundai Staria

●   Hyundai Staria รถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่งทรงล้ำ ที่มาพร้อมกับความสบาย และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน จุดเด่นคือห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศเสมือนห้องรับรองระดับเฟิร์สคลาส ซึ่งเป็นขั้นตอนการออกแบบจากภายในสู่ภายนอก หรือ Inside-Out เน้นการใช้งานและการปรับใช้พื้นที่ของห้องโดยสารเป็นหลัก

●   ภายนอกเด่นด้วยรูปทรงที่ล้ำยุค บานกระจกรอบคันกว้าง ไฟท้ายแนวตั้ง พร้อมติดตั้งชุดไฟแบบ Parametric Pixel ที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ล่าสุดของฮุนได กันชนท้ายตั้งอยู่ในระดับต่ำช่วยให้ขนสัมภาระเข้า-ออกได้ง่ายมากขึ้น ตัวรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ กำลังสูงสุด 177 แรงม้า

●   โปรโมชั่น : ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี, รับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนาน 5 ปี

IONIQ 5

●   IONIQ 5 คือรถไฟฟ้ารุ่นที่สำคัญที่สุดรุ่นหนึ่งของฮุนได เนื่องจากนับเป็นรถรุ่นแรกที่ผลิตและจำหน่ายภายใต้ซับ-แบรนด์ “ไอออนิค” ไม่มีชื่อฮุนไดกำกับ และนับเป็นรถคนละแบรนด์กับ Hyundai IONIQ รุ่นปัจจุบัน

●   IONIQ 5 เป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ในกลุ่มคอมแพคท์ ตัวถังแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ระหว่างมอเตอร์เดี่ยว ขับหลัง หรือมอเตอร์คู่ all-wheel drive ทั้ง 2 รูปแบบยังสามารถเลือกความจุแบตเตอรี่แพคให้เหมาะสมกับระยะทางในการขับได้ด้วย ได้แก่ รุ่นแบตเตอรี่ 58 กิโลวัทท์-ชม. ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวติดตั้งที่เพลาหลัง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ต่อด้วยเวอร์ชั่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แยกติดตั้งที่เพลาหน้า/หลัง หมุนล้อแบบ AWD มอเตอร์ที่เพลาหน้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า มอเตอร์หลัง 163 แรงม้า

●   รุ่นแบตเตอรี่ 72.6 กิโลวัทท์-ชม. เวอร์ชั่นขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ส่วนเวอร์ชั่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD มอเตอร์ที่เพลาหน้ากำลังสูงสุด 95 แรงม้า มอเตอร์หลังทรงพลังที่สุดในไลน์อัพ 211 แรงม้า ระยะทางในการขับสูงสุด 480 กม.

IONIQ 6

●   IONIQ 6 ซีดานขนาดกลางพลังงานไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ภายใต้ซับ-แบรนด์ไอออนิค ตัวรถอยู่ในคลาสเดียวกับรุ่นขายดีในตลาดโลกของฮุนไดเองอย่าง Hyundai Sonata งานออกแบบในห้องโดยสารไม่หนีจาก IONIQ 5 มานัก จุดเด่นยังคงเป็นความเรียบหรูในแบบมินิมอล และมีไฮไลท์เป็นจอคู่ที่วางเรียงไว้ในกรอบเดียวกัน แยกเป็นมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12 นิ้ว และจอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12 นิ้วเท่ากัน หนึ่งไฮไลท์สำคัญของ IONIQ 6 ก็คือ ที่บริเวณปลายของแผงแดชบอร์ดทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการติดตั้งจอแสดงผลจากกล้องข้างที่ใช้แทนที่กระจกมองข้างแบบเดิม

●   ระบบขับเคลื่อนของ IONIQ 6 มีทั้งหมด 3 ทางเลือก ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐาน Standard Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง จับคู่แบตเตอรี่แพคความจุ 53 กิโลวัทท์-ชม. กำลังสูงสุด 151 แรงม้า รุ่นกลางยังคงมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวหมุนล้อคู่หลัง ทว่าจะเพิ่มความจุแบตเตอรี่แพคเป็น 77.4 กิโลวัทท์-ชม. (Long Range) กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 228 แรงม้า ส่วนรุ่นท๊อป ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ หมุนล้อแบบ All-wheel drive พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ HTRAC All-Wheel-Drive แบตเตอรี่แพคความจุ 77.4 กิโลวัทท์-ชม. กำลังสูงสุดผลิตได้ 325 แรงม้า ทุกรุ่นจำกัดความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 185 กม./ชม.

●   ทั้งรุ่น Standard Range และ Long Range ใช้แบตเตอรี่แพคชนิด นิคเกิล-โคบอลท์-แมงกานีส ลิเธียม (Li-NMC) รองรับการชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูงตั้งแต่ 400 จนถึง 800 โวลท์ โหมดชาร์จเร็วจาก 10 – 80% ใช้เวลาประมาณ 18 นาที รุ่นขับหลัง Long Range ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 610 กม. ส่วนรุ่นท๊อปซึ่งมีพละกำลังมากกว่า ระยะทางจะลดลงเหลือ 519 กม. โดยประมาณ จากการทดสอบภายใต้มาตรฐาน WLTP ของยุโรป

E-GMP

●   E-GMP หรือ Electric Global Modular Platform ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแพลทฟอร์มสำหรับผลิตรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ประกอบด้วยแชสซีส์ของรถ รวมถึงแบตเตอรี่, มอเตอร์ไฟฟ้า และแพคเกจระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวเนื่อง สามารถปรับเปลี่ยนความยาวฐานล้อได้ เพื่อรองรับการผลิตรถไฟฟ้าหลายประเภท เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้ขับ

●   ตัวแบตเตอรี่แพคมีความจุสูง สามารถขับได้ไกล 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 800 โวลท์ จึงใช้เวลาเพียง 18 นาที เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มความจุ หรือใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถขับได้ถึง 100 กม. และยังสามารถปรับการชาร์จเป็น 400 โวลท์ได้ รวมถึงรองรับการใช้งานฟังก์ชั่น Vehicle To Load (V2L) เพื่อให้ตัวรถสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้ด้วย

●   ปัจจุบัน ฮุนไดใช้แพลทฟอร์ม E-GMP ผลิตรถในเครือแล้วหลายรุ่น ประกอบด้วย IONIQ 5, IONIQ 6, ครอสโอเวอร์ SUV ไฟฟ้าขนาดคอมแพคท์ KIA EV6 และซับคอมแพคท์ SUV ไฟฟ้า Genesis GV60 จากซับ-แบรนด์หรูเจเนซิส

Hyundai Motor Group Robotics

●   ฮุนได มอเตอร์ คอมพานี ลงทุนประมาณ 1 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2020 ซื้อหุ้น 80% ในบริษัทโรโบติคส์ชื่อดัง Boston Dynamics โดยเจ้าของเดิม SoftBank Group จากประเทศญี่ปุ่น ยังคงถือหุ้นในบริษัท 20% หลายท่านที่ตามข่าวเทคโนโลยีในกลุ่มโรโบติคส์ น่าจะคุ้นเคยกับหุ่นยนต์ตัวแรกของพวกเขาอย่าง BigDog หรือหุ่นยนต์ที่วิ่งด้วยขา 4 ขาได้เร็วที่สุดในโลกอย่าง WildCat กันดี

●   Boston dynamics นับเป็นบริษัทวิศวกรรมหุ่นยนต์ชั้นสูงสัญชาติอเมริกัน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 โดย Marc Raibert สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมือง Waltham มลรัฐ Massachusetts และถูกเข้าครอบครองกิจการครั้งแรกในปี 2013 – 2017 โดย Google X (บริษัทลูกของ Alphabet Inc.) ก่อนจะปล่อยให้กับบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น SoftBank Group Corp. ในช่วงกลางปี 2017 จนถึงปัจจุบัน

●   ณ เวลานี้ ฮุนไดได้เริ่มทดลองใช้งานหุ่นยนต์เป็นครั้งแรกในโรงงานของ KIA ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเรียกมันว่า Factory Safety Service Robot ซึ่งใช้พื้นฐานจากเจ้า “Spot” หุ่นยนต์แบบ 4 ขาที่มีรูปร่างคล้ายสุนัข ผลงานเลื่องชื่อของ บอสตัน ไดนามิคส์ ในปี 2016 เบื้องต้นเจ้า Factory Safety Service Robot เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะในกลุ่มรักษาความปลอดภัยตรงตามชื่อของมัน โดยเจ้า Spot เวอร์ชั่นอัพเกรดนี้มากับกล้องตรวจจับความร้อน และ 3D LiDAR รุ่นใหม่ รองรับการตรวจจับบุคคลและวัตถุรอบตัว, เสียงที่ดังเกินระดับมาตรฐาน, ตรวจจับอุณหภูมิที่มีความร้อนสูงเพื่อแจ้งเตือนเพลิงไหม้ และสามารถรับรู้ได้ว่าประตู ณ ตำแหน่งนั้นๆ มีการปิดหรือเปิดอยู่ เป็นต้น

●   อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ มันสามารถใช้งานได้ดีในที่แคบๆ และสามารถควบคุมแบบระยะไกลผ่าน Web Application Security ได้ (เว็บแอพฯ ที่สามารถควบคุมและใช้งานผ่านเว็บบราวเซอร์) โดยจะแสดงผลจากกล้องแบบ livestream ทำให้ Factory Safety Service Robot ใช้งานได้สะดวก ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในระดับหนึ่งด้วย (เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต้องการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ในเบื้องต้น)

●   นายเจ กิว จอง กล่าวปิดท้ายว่า “การเข้ามาดำเนินงานภายใต้ ฮุนได โมบิลิตี้ ของบริษัทแม่ นับเป็นก้าวสำคัญของฮุนไดที่จะแสดงศักยภาพความพร้อมและตอกย้ำความเชื่อมั่นในการขยายธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวไทยอย่างแน่นอน โดยฮุนได โมบิลิตี้ พร้อมเติบโตไปกับลูกค้าทุกคนในฐานะผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในรูปแบบโมบิลิตี้ครอบคลุมทุกมิติเพื่อลูกค้าคนไทยเสมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจในทุกเส้นทาง”

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นต่างๆ ของฮุนไดในประเทศไทย เชิญได้ที่เว็บไซท์ : www.hyundai.co.th หรือเฟซบุ๊ค แฟนเพจ : facebook.com/HyundaiThailand หรืออี-เมล : [email protected] หรือติดต่อ Hyundai Call Center โทร : 02-305-8494 ●

MT Report : Hyundai Mobility Thailand