
2025 BMW 1 Series อัพเกรดครั้งใหญ่ ปรับไลน์อัพใหม่ ยกเลิกรหัส “i”
เรื่อง : AREA 54
● บีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวซับคอมแพคท์หรู BMW 1 Series รุ่นใหม่ โดยระบุว่าเป็นรุ่นล่าสุดเจนเนอเรชั่น 4 ทว่าในความเป็นจริง รถรุ่นนี้น่าจะนับเป็นรุ่นอัพเกรดครั้งใหญ่ MY2025 มากกว่า เนื่องจากบีเอ็มดับเบิลยูยังคงใช้พื้นฐานแพลทฟอร์มเดียวกันกับรุ่นปัจจุบัน เจนเนอเรชั่น 3 รหัส F40 ที่เริ่มทำตลาดในช่วงปี 2019 ซึ่งหากดูตามกรอบเวลาของการเปลี่ยนรุ่นของรถแต่ละรุ่น 1 Series เจนฯ 3 ก็เพิ่งมีอายุอานามเพียง 4 – 5 ปีเท่านั้น
● หลักใหญ่ใจความของรถรุ่นนี้ คือการจัดระเบียบไลน์อัพใหม่ให้เรียบร้อยขึ้น เริ่มที่การตัดรหัส “i” ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินออกไปเป็นครั้งแรก เพื่อนำรหัส i ไปใช้กับรุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าโดยเฉพาะ… อันที่จริงบีเอ็มดับเบิลยูควรจะทำแบบนี้มาตั้งแต่ 13 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ หลังประกาศเปิดตัวซับ-แบรนด์ i และเริ่มจำหน่าย BMW i3 และ BMW i8 ในช่วงปี 2011
● สำหรับไลน์อัพใหม่ของ 1 Series MY2025 จะประกอบด้วย BMW 120, BMW 118d, BMW 120d และรุ่นสมรรถนะสูง BMW M135 xDrive

● งานออกแบบของ BMW 1 Series แฮทช์แบครุ่นปี 2025 ดูทันสมัยขึ้นตลอดคัน ด้านหน้ามากับกระจังหน้าไตคู่ใหม่ทรงประสาน, กันชน ชายล่าง ช่องรับอากาศแบบใหม่ทั้งหมด, ไฟท้ายใหม่, กันชนหลังใหม่ และล้ออัลลอยลายใหม่ โดยรวมคล้ายๆ กับการย่อส่วนครอสโอเวอร์อย่าง BMW X2 ลงมา ขนาดตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ความยาวรวมอยู่ที่ 4,361 มม. (+42 มม.) กว้าง 1,800 มม. สูง 1,459 มม. (+25 มม.) ความยาวฐานล้อเท่าเดิมที่ 2,670 มม.
● ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ ดูสะอาดตาขึ้นกว่าเดิม อุปกรณ์มาตรฐานมีพวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน, จอ Head-up display, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.5 นิ้ว, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.7 นิ้ว ทั้งคู่จัดวางรวมกันเอาไว้ในสไตล์จอโค้ง ตัวระบบรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual-zone, หลังคา Panoramic glass roof, ชุดเครื่องเสียงพรีเมียมของ Harman Kardon พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 380 ลิตร และสูงสุด 1,200 ลิตรเมื่อพับเบาะราบ

● รุ่นพื้นฐาน BMW 180d ขับเคลื่อนล้อหน้า ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเพียวๆ แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 148 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 36.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 8.3 วินาที
● รุ่น Mild-hybrid ขับเคลื่อนล้อหน้า แยกเป็นรุ่นเบนซิน BMW 120 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.8 วินาที ส่วนรุ่นดีเซล BMW 120d ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 161 แรงม้า แรงบิดสูงสุดดุดันกว่าที่ 40.7 กก.-ม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที ทั้งคู่มาพร้อมเทคโนโลยี Mild-hybrid 48-volt
● รุ่นท๊อป BMW M135 xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุดเวอร์ชั่นยุโรปผลิตได้ 296 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ส่วนตลาดภูมิภาคอื่นๆ กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 312 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

● ทุกรุ่นย่อยส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic คลัทช์คู่ 7 จังหวะ และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ BMW 1 Series จะไม่มีตัวเลือกเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดาตลอดทั้งไลน์อัพ นับจากการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2004
● ชุดระบบความปลอดภัยมี ระบบ Front collision warning แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบ Active Cruise Control with Stop & Go ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่ม/ลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามสภาพการจราจร, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ Steering and Lane Control Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
● ต่อด้วยระบบ Traffic Sign Recognition ช่วยสังเกตุเครื่องหมายจราจร, ระบบ Automatic Speed Limit Assist ช่วยจำกัดความเร็วสูงสุดตามกฎหมายอัตโนมัติ, ระบบ Parking Assistant with Reversing Assistant ระบบช่วยจอดพร้อมฟังก์ชั่นช่วยถอยจอด หรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติ และระบบ Exit Warning ป้องกันการชนในขณะเปิดประตูเมื่อจอดรถ
● บีเอ็มดับเบิลยูจะเริ่มจำหน่าย BMW 1 Series ใหม่ในยุโรปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 เป็นต้นไป ราคาจำหน่ายยังไม่ระบุในเวลานี้ ฐานการผลิตหลักอยู่ที่โรงงาน BMW Central Building ในเมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี… สหรัฐฯ ไม่ขาย ส่วนบ้านเรารอลุ้นกันอีกที แฟนๆ รถแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัดน่าจะยังมีอยู่ครับ ●