Omoda & Jaecoo และ DHL โชว์ความพร้อมศูนย์บริการและคลังอะไหล่
ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่
● โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) (Omoda & Jaecoo (Thailand)) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ร่วมกับ ดีเอชแอล ซัพพลาย เชน (DHL Supply Chain) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ยกระดับการให้บริการด้านคลังอะไหล่ (Parts and Components Warehouse) ด้วยพื้นที่จัดเก็บกว่า 1,000 ตารางเมตร และการขนส่งภายในประเทศ (Transportation) เพื่อมุ่งยกระดับการให้บริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อผ่านระบบเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Chery และดีเอชแอล ที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก
● นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย ยังได้พิสูจน์ความพร้อมของโชว์รูมของผู้จำหน่าย ทั้งพื้นที่จัดแสดงรถ พื้นที่ให้บริการหลังการขาย และพื้นที่ซ่อมบำรุง รวมถึงศูนย์อบรม (Training center) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ก่อนรถคันแรกจะส่งมอบถึงมือลูกค้า สำหรับผู้สนใจสามารถนัดหมายทดลองขับและจองสิทธิ์รถ Omoda C5 EV และ Jaecoo 6 EV ได้แล้ววันนี้ พร้อมรับโปรโมชันและข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ที่ผู้จำหน่าย Omoda & Jaecoo ทั่วประเทศ
คุณจักรพันธ์ สิขิวัฒน์ หัวหน้าส่วนงานบริการหลังการขาย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
● คุณจักรพันธ์ สิขิวัฒน์ หัวหน้าส่วนงานบริการหลังการขาย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เน้นย้ำเรื่องการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็นมากกว่ารถยนต์ และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ล่าสุดได้เปิดตัวโชว์รูม Flagship ของโอโมดา แอนด์ เจคู ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วย ส่วนจัดแสดงรถและส่วนงานขาย (Sale) ที่จัดแสดงรถไฟฟ้า Omoda C5 EV และ Jaecoo 6 EV หลากหลายรุ่นและสี พร้อมด้วยพื้นที่บริการหลังการขาย (Service) บริเวณเลาจน์ส่วนตัวสำหรับลูกค้า มีบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างตลอดทั้งวัน ให้ความสะดวกสบายอย่างมีระดับตลอดการใช้บริการ รวมทั้งส่วนงานอะไหล่และซ่อมบำรุง (Spare Parts) ที่บริหารงานด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะเชื่อมต่อกับคลังอะไหล่ส่วนกลางแบบไร้รอยต่อ ทำให้ใช้เวลาในการจัดส่งอะไหล่จากคลังหลักไปยังศูนย์บริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศภายใน 3 วันทำการเท่านั้น
● นอกจากนี้ ยังมีศูนย์อบรม (Training center) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ก่อนรถคันแรกจะส่งมอบถึงมือลูกค้าทุกคน
ผู้บริหาร บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
● “สำหรับการบริหารคลังอะไหล่และการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์นั้น โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการคลังสินค้ายานยนต์ระดับโลกของดีเอชแอลจะช่วยเสริมย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่าอะไหล่และชิ้นส่วนของรถทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะพร้อมให้บริการอยู่เสมอ โดยที่ พื้นที่กทม. และปริมณฑลสามารถส่งอะไหล่ได้รวดเร็วภายใน 1 วันทำการ และภายใน 3 วันทำการ สำหรับการจัดส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอะไหล่หลักของรถ อาทิ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน ชุด Reducer เป็นต้นครับ” คุณจักรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม
● คุณสตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ดำเนินงานขนส่งและจัดการคลังอะไหล่ด้วยเทคโนโลยีและมาตรฐานระดับโลก โดยมีการใช้ระบบขนส่ง Transport Management System (TMS) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกและระบบติดตามสินค้า Electronic Proof-Of-Delivery หรือ ePOD รวมถึงระบบ Warehouse Management System ในการจัดการคลังสินค้า ทำให้สามารถบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งมอบอะไหล่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
คุณสตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย
● “เรามีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนที่ทั้ง 2 บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวในกระบวนการดำเนินงานผ่านโครงการริเริ่มต่าง ๆ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่คลังสินค้า และการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง”
● คลังอะไหล่ของโอโมดา แอนด์ เจคู ตั้งอยู่ที่ ดีเอชแอล บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่จัดเก็บขนาดกว่า 1,000 ตารางเมตร ทำให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ได้ตั้งแต่ 3,000 – 80,000 ชิ้นต่อเดือน และยังสามารถปรับเปลี่ยนขยายได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
● ตัวคลังอะไหล่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย (1) ส่วนอะไหล่ขนาดใหญ่ที่วางบนพาเลทโดยไม่ใช้ชั้นวาง (Block stack) อาทิ ชุดขับเคลื่อน เป็นต้น (2) ส่วนอะไหล่ที่วางบนชั้นวาง (Rack and Shelving) อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อะไหล่ที่เปลี่ยนตามรอบการบำรุงรักษา เป็นต้น และ (3) ส่วนอะไหล่ของรถอีวี (EV Storage) อาทิ แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง เป็นต้น โดยมีระบบส่งต่อข้อมูลความต้องการอะไหล่และชิ้นส่วนจากผู้จำหน่ายทั่วประเทศมายังคลังอะไหล่ของดีเอชแอล ผ่านระบบ API Interface ระหว่าง SAP ของ Chery และ MAWM (API ของ ดีเอชแอล) ทำให้ทั้งทางผู้จำหน่าย คลังสินค้า และ
โอโมดา แอนด์ เจคู สามารถติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ และสามารถใช้ระบบที่เชื่อมถึงกันสั่งสินค้าเข้ามาเติมในคลังของทั้งผู้จำหน่าย และคลังของโอโมดา แอนด์ เจคูเองได้อย่างทันท่วงที
● นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการคาดการณ์ความต้องการและสั่งสินค้าคงคลังเพื่อให้มีอะไหล่ถูกต้องและเพียงพอแก่ลูกค้าอยู่เสมอ ทั้งนี้ คลังอะไหล่ของ โอโมดา แอนด์ เจคู ยังได้รับรองมาตรฐานการจัดการระดับสากลด้วยมาตรฐาน ISO 9002:2015, ISO 14001:2015 และ ISO 45001:2018 อีกด้วย
● สำหรับผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ Omoda C5 EV และ Jaecoo 6 EV พร้อมจองรถทั้ง 2 รุ่นได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศของ Omoda & Jaecoo ทั้ง 24 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศไทย พิสูจน์ความมั่นใจกับบริการหลังการขายที่ครอบคลุมครบวงจรของโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้แล้ววันนี้เป็นต้นไป
● ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ omodajaecoo.co.th
เกี่ยวกับ Chery Automobile
● Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ Exeed ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน
● Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery” นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)
● ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ “CHERY LION” โดยค่อย ๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีผู้ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน
ดีเอชแอล – ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก
● ดีเอชแอล คือผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มอบบริการและความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ทั้งการขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซและโซลูชั่นคลังสินค้า การขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ตโลดจนการบริหารจัดการซัพพลายเชนในภาคอุตสาหกรรม ด้วยบุคลากรกว่า 395,000 คน ในมากกว่า 220 ประเทศทั่วโลก ดีเอชแอลเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจด้วยบริการที่ปโลดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ที่สร้างความเติบโตให้กับตลาดและภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งธุรกิจด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพและบริการทางการแพทย์ วิศวกรรม การผลิตและพลังงาน รถยนต์และค้าปลีก ดีเอชแอลจึงมั่นใจว่า เราคือ “ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก” ที่แท้จริง
● ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของดีเอชแอล กรุ๊ป โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้มากกว่า 81,800 ล้านยูโรในปี พ.ศ. 2566 ด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและความมุ่งมั่นต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทได้มีส่วนสนับสนุนเชิงบวกแก่โลกโดย ดีเอชแอล กรุ๊ป ตั้งเป้าที่จะบรรลุการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 ●