NTT Com เปิดบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบงานเว็บไซต์ในไทย
ประชาสัมพันธ์
● NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
● ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่
● บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้
* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย
ฟีเจอร์สำคัญ
● 1. ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS) : ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
● 2. แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่ : ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
● 3. ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ : เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้
● 4. จัดการตำแหน่งยานพาหนะ : ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี
● 5. การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล : เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้
● NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mobileinnovation.asia/langTH ●