
BYD เปิดตัวระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS เจนฯ ใหม่ “God’s Eye”
เรื่อง : AREA 54
● BYD เปิดตัวชุดระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS เจนเนอเรชั่นใหม่ ใช้ชื่อทางการค้าอย่างอหังการว่า “นัยน์ตาเทพเจ้า” หรือ God’s Eye พร้อมระบุว่ารถทุกรุ่นของ BYD ในประเทศจีนจะสามารถติดตั้งชุดระบบช่วยขับเจนฯ ใหม่ซึ่งอยู่ในกลุ่มไฮเอนด์ได้ แม้แต่รถแฮทช์แบครุ่นมาตรฐานราคาเบาๆ อย่าง BYD Seagull ซึ่งมีราคาจำหน่ายในจีนเริ่มต้นเพียง 69,800 หยวน หรือราวๆ 3.3 แสนบาทก็ตาม
● หวาง ฉวนฟุ ประธาน BYD ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน BYD มีข้อมูลมากมายอยู่บนคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และ BYD ซึ่งมีวิศวกรถึง 110,000 คนนั้น มีหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่พัฒนาชุดระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS ถึง 5,000 คน ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา พวกเขามีการเทรนระบบ ADAS ด้วยระยะทางเฉลี่ย 72 ล้านกิโลเมตร/วัน
● หวาง ฉวนฟุ เชื่อว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า (จำนวน) ชุดระบบ ADAS จะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์รุ่นนั้นๆ และคอนเฟิร์มว่า หลังจากนี้รถของ BYD ทุกรุ่นตั้งแต่รถราคาประหยัด จะติดตั้งชุดระบบ God’s Eye มาให้จากโรงงาน

หวาง ฉวนฟุ ประธาน BYD
3 แพคเกจ A, B, C แยกตามระดับราคารถ
● ในเบื้องต้น ชุดระบบ God’s Eye จะแยกเป็น 3 แพคเกจ ได้แก่แพคเกจมาตรฐาน “God’s Eye C” สำหรับรถ BYD ซึ่งเริ่มตั้งแต่รุ่นราคาประหยัด ฮาร์ดแวร์หลักๆ ประกอบด้วยกล้องความละเอียดสูง 3 ตัวติดตั้งเอาไว้ที่กระจกหน้า และควบคุมด้วยระบบ DiPilot 100 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลที่รวดเร็วถึง 100 TOPS (หมายถึง Trillions of Operations Per Second หรือความเร็วในการประมวลผลด้วย AI ในหลักล้านล้านคำสั่งภายใน 1 วินาที)
● นอกจากนี้ยังมีกล้องรอบคันอีก 9 ตำแหน่ง, เรดาร์ชนิดเทคโนโลยีคลื่นมิลลิเมตร (Millimeter Wave Radar) 5 ตำแหน่ง สำหรับคำนวณมุมรอบคัน 360 องศา และเรดาห์อัลตร้าโซนิค 12 ตำแหน่ง ซึ่งมีความสามารถในการวัดระยะประชิดที่แม่นยำถึง 1 ซม. และความแม่นยำในการวัดระยะขณะจอดรถ 2 ซม.
● ต่อด้วยแพคเกจระดับกลาง “God’s Eye B” เพิ่มความสามารถด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อให้ระบบช่วยขับมีการแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แพคเกจ God’s Eye B จะติดตั้งมาให้เฉพาะรถรุ่นแฟลกซิพของ BYD และรถหรูภายใต้ซับ-แบรนด์ Denza เท่านั้น โดย God’s Eye B จะขยับขึ้นไปใช้ระบบ DiPilot 300 ในการควบคุม ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้นเป็น 300 TOPS
● ปิดท้ายด้วยแพคเกจระดับท๊อป “God’s Eye A” เพิ่มจำนวน LiDAR บนหลังคาเป็น 3 ตัว ใช้ระบบ DiPilot 600 ในการควบคุม ความเร็วในการประมวลผลสูงสุดถึง 600 TOPS แพคเกจนี้จะติดตั้งในรถไฮเอนด์ภายใต้ซับ-แบรนด์ Yangwang เท่านั้น

สถาปัตยกรรมใหม่ Xuanji + Deepseek
● สำหรับชุดระบบ God’s Eye นั้น BYD พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรมใหม่ในชื่อ Xuanji ซึ่งมีการทำงานในลักษณะ “1 สมอง 2 ตัวประมวล 3 เน็ทเวิร์ค 4 ห่วงโซ่” (One brain, Two ends, Three networks, and Four chains) หมายถึง โปรเซสเซอร์สำหรับประมวลผล 1 ตัว ต่อด้วย AI 2 ตัว แยกเป็น AI บนคลาวด์และ AI บนรถ ในขณะที่ 3 เน็ทเวิร์คจะแยกเป็นอินเตอร์เน็ทบนรถ, เครือข่าย 5G และเครือข่ายดาวเทียม ปิดท้ายด้วยห่วงโซ่ทั้ง 4 ที่ทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย ห่วงโซ่เซ็นเซอร์, ห่วงโซ่การควบคุม, ห่วงโซ่ข้อมูล และห่วงโซ่การทำงานในเชิงกล
● นอกจากนี้ BYD ยังระบุว่า สถาปัตยกรรม Xuanji นั้นจะถูกพ่วงเข้ากับ AI ที่มาแรงสุดๆ อย่าง Deepseek R1 เพื่อช่วยเก็บข้อมูลและปรับปรุงการทำงานของ AI ใน God’s Eye A และ God’s Eye B ด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 แพคเกจสามารถใช้งานระบบนำทางแบบ NOA (Navigation on Autopilot) ขณะใช้งานระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นทั้งแบบในเมือง และไฮเวย์
● ส่วนแพคเกจเริ่มต้นอย่าง God’s Eye C ซึ่งจะใช้งานในรถราคาประหยัด จะรองรับการใช้งานระบบนำทาง NOA ในเมืองผ่านการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ Over-The-Air ในอนาคตครับ ●