|
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ - วีดิโอ : เชฟโรเลต ประเทศไทย |
Saturday, 28 July, 2012 0:12 AM |
|
 |
|
|
|
หลังสร้างความฮือฮาด้วยการเผยโฉมใน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ที่ผ่านมา และมีกระแสต่อเนื่องในโลกออนไลน์ ล่าสุด บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็จัดทดสอบแบบกรุ๊ปให้กับซิตี้คาร์รุ่นล่าสุด โดยเป็นตัวถังซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 1,400 ซีซี 100 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับทดสอบกันแบบ One Day Trip พร้อมทำกิจกรรมสุด HIP ตลอดเส้นทาง
เริ่มต้นในช่วงเช้าที่จุดนัดหมาย โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงค็อก โดยมี มร. โลรองต์ แบรเตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน |
|
 |
|
• มร. โลรองต์ แบรเตต์ (Laurent Berthet) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรประจำประเทศไทย |
|
 |
|
• (จากซ้าย) คุณวันชนะ อูนากูล ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ มร. อันโตนิโอ ซาร่า (Antonio Zara) รองประธานฝ่ายขาย การตลาดและบริการหลังการขาย |
 |
|
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณวันชนะ อูนากูล ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ คุณวรวิทย์ วิชัยธนพัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ฝ่ายการตลาด บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และการตลาด
เริ่มต้นออกเดินทางประมาณ 10.30 น. ในแบบ Free Run กำหนดว่าต้องไปถึงจุดหมายอยู่ที่ Sonic City ซึ่งตั้งอยู่ในซอยลาซาล สุขุมวิท 105 ก่อนเวลา 12.10 น. จึงจะได้คะแนนโบนัส ถ้าเป็นการเดินทางปกติรับรองว่าเวลาเหลือเฟือ แต่ทาง เชฟโรเลต กำหนดว่าต้องแวะทำกิจกรรม Photo Hunt ระหว่างทาง โดยต้องถ่ายรูป 2 สถานที่ จากทั้งหมด 4 สถานที่ คือ Asiatique ถนนเจริญกรุง, Terminal 21 แยกอโศกมนตรี, CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา และ หอศิลป์กรุงเทพ สี่แยกปทุมวัน
แค่ฟังชื่อสถานที่ก็ทำเอาคนไม่ชำนาญทางอย่างผมถึงกับเหงื่อตก โชคดีเพื่อนที่จับคู่กันรู้เส้นทางทะลุปรุโปร่ง ผมจึงขอรับอาสาเป็นผู้โดยสารและทำหน้าที่ถ่ายภาพสถานที่ให้ เริ่มต้นด้วย Terminal 21 ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แค่ขับชลอด้านหน้าแล้วถ่ายรูปด้วย iPad ที่มีในรถทุกคัน เป็นหลักฐานว่าไปสถานที่นั้นมาจริงๆ เป็นอันใช้ได้ จากนั้นขึ้นทางด่วนไปแถวรามอินทราเพื่อถ่ายภาพด้านหน้าของ CDC ก่อนจะขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าซอยลาซาน ดูจากความซับซ้อนของเส้นทางแล้ว ถ้าให้ผมขับคงหลงทางแน่ๆ
คันที่ผมนั่งมาเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ลองใช้มือขวาเปลี่ยนเกียร์ 2-3 ครั้ง พบว่าระยะโยกเกียร์ค่อนข้างยาว แต่มีความแม่นยำในการดึงหรือดันคันเกียร์เข้าสู่ร่องเกียร์ โดยเกียร์ถอยหลังต้องยกแป้นใต้หัวเกียร์ขึ้นแล้วดันไปด้านหน้าซ้าย การใช้งานไม่สับสนเพราะมีเลขบอกตำแหน่งเกียร์อยู่บนหัวเกียร์ ส่วนจังหวะการผ่อนคลัตช์เพื่อนบอกว่ามีระยะฟรีค่อนข้างน้อย ผ่อนคลัตช์ออกมานิดเดียวคลัตช์ก็เริ่มจับตัว เป็นจังหวะคลัตช์ที่ผมชอบเหมือนกัน เสียดายที่ไม่ได้ทดลองขับ เพราะขากลับต้องสลับรถเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ |
|
 |
|
Le Parkour และ Gymkhana
เมื่อมาถึงจุดหมาย Sonic City สถานที่เป็นลานโล่ง มีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาจัดเรียงเป็นซุ้มและเป็นกำแพงกำหนดเส้นทางวิ่ง กำลังชื่นชมกับความสวยแปลกตาอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจเพราะมีคนวิ่งอยู่ด้านข้างรถ มารู้ทีหลังว่าเป็นการโชว์ Le Parkour หรือ Free Running สาเหตุที่เลือกการแสดงนี้ก็เพราะมีคอนเซ็ปต์เดียวกับ เชฟโรเลต โซนิค นั่นเอง ขับไปตามทางซับซ้อนไม่นานก็ถึงจุดลงเวลา โชว์ภาพถ่ายสถานที่ที่กำหนดใน iPad จากนั้นจึงพักทานอาหารกลางวัน |
|
 |
|
• โชว์ Le Parkour ร่วมกับ Sonic |
 |
|
อิ่มแล้วพบกับการแสดง Le Parkour ร่วมกับ เชฟโรเลต โซนิค สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย เพราะนักแสดงสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปตามจุดต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วทั้งแนวงดิ่งและแนวราบ หลังจากข้าวเรียงเม็ดแล้วก็มาถึงกิจกรรมไฮไลต์ของการทดสอบครั้งนี้ นั่นคือการขับแบบ Gymkhana ด้วย โซนิค เกียร์อัตโนมัติ ก่อนขับมีการแจกแผนผังสนาม และมีนักแข่งชื่อดัง คุณเบิร์ด - อลงกรณ์ ยั่งยืน มาขับสาธิตให้ดู 2 รอบ
แต่ละคนจะได้ขับคนละ 3 รอบ รอบแรกเป็นการซ้อมและดูเส้นทาง จากนั้นจึงขับเพื่อจับเวลาอีก 2 รอบ โดยจะไม่ได้ขับต่อเนื่องรวดเดียว 3 รอบ แต่เป็นการหมุนเวียนกันขับจนครบทุกคนในแต่ละรอบ ผมโชคดีมีชื่ออยู่คนท้ายๆ จึงมีโอกาสได้ดูไลน์นานหน่อย ขับรอบซ้อมไม่หลงทาง รอบ 2 ทำเวลาได้ดี แต่ชนไพล่อนที่จุด Finish โดน + ไป 2 คะแนน ส่วนรอบสุดท้ายทำเวลาช้ากว่ารอบแรก |
|
 |
|
การขับรถสไตล์นี้มีข้อดี คือ สามารถประเมินสมรรถนะของรถได้พอสมควร โดยเฉพาะในส่วนของช่วงล่างและพวงมาลัย โดยที่ไม่ต้องใช้ความเร็วสูงมากนัก เริ่มต้นจากจุดสตาร์ตเข้าสู่การสลาลอมซึ่งทำให้รู้ว่าพวงมาลัยของ โซนิค ซึ่งผ่อนแรงด้วยระบบไฮดรอลิกไม่ใช้ไฟฟ้าช่วย มีความแม่นยำและให้น้ำหนักในการผ่อนแรงที่พอเหมาะ
ต่อเนื่องด้วยการเลี้ยวขวาแล้วมีช่วงให้กดคันสุดเพื่อเข้าสู่ด่านวงเวียน ซึ่งต้องวนขวา 1 รอบ เนื่องจากพื้นสนามบางช่วงมีน้ำฝนขัง จึงเพิ่มความยากอีกพอสมควร ตรงจุดนี้ผมพยายามหาความเร็วและมุมในการเลี้ยวที่เหมาะสมเพื่อให้ทำเวลาได้ดีที่สุด เพราะถ้ากดคันเร่งมากไป และ/หรือหมุนพวงมาลัยมากไป รถก็จะออกอาการหน้าดื้อหรืออันเดอร์สเตียร์ทำให้เสียเวลามาก ลองแล้วพบว่าตรงนี้ต้องขับใจเย็นๆ ช้าไว้หน่อยแล้วจะไปได้เร็ว
ออกจากวงเวียนยิงตรงมาเล็กน้อยแล้วต้องอ้อมไพล่อนที่กำหนดไว้ ตรงนี้หลายคนงงและหลงทางทำให้ Off Course ในรอบซ้อมผมก็ลังเลในจุดนี้เหมือนกัน แต่ก็ผ่านไปได้โดยไม่ผิดเส้นทาง จุดนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องผ่านไปโดยใช้ความเร็วไม่สูงนัก เพื่อให้รถไม่ออกอาการหน้าดื้อโค้ง ต่อเนื่องด้วยโค้งขวาผ่านไพล่อนที่วางไว้เพื่อให้ขับสลาลอมในรอบแรก แต่ในรอบที่ 2 ให้ขับผ่านตรงไปเลย |
|
 |
|
ในช่วงทางตรงได้กดคันเร่งสุด พบว่าเครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ดี เร่งได้ทันใจพอสมควร ทั้งที่ผมใช้โหมดเกียร์ D ปกติ ไม่ได้ใช้โหมด M เพราะยังไม่ชินกับการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง ด้วยการกดปุ่ม +/- ที่หัวเกียร์
ถึงโค้งขวามุ่งหน้าวงเวียนก็ไม่ต้องอ้อมเช่นกัน แต่ต้องสลาลอมในองศาที่ค่อนข้างมากเพื่อให้ลดความเร็ว ก่อนจะเข้าจุด Finish การขับแบบนี้ทำให้รู้ว่าช่วงล่างของ โซนิค มีประสิทธิภาพการทรงตัวที่ดี ออกแนวหนึบแน่น ไม่ใช่แบบเบาๆ โหวงๆ แต่ที่ยังออกอาการหน้าดื้ออยู่บ้างก็เพราะผิวถนนลื่น ใช้ความเร็วสูงเกินไป หมุนพวงมาลัยในองศาที่มากเกินไป ส่วนยางขนาด 205/55/16 ผมคิดว่าเหมาะสมกับขนาดและประสิทธิภาพของรถแล้ว |
|
 |
|
ภายนอกมีเอกลักษณ์
แม้ผมจะเทใจให้รุ่น 5 ประตูตัวแต่งพิเศษที่โชว์ใน BIM 2012 แต่เมื่อได้พิจารณารูปทรงของรุ่น 4 ประตูก็พบว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไร แนวหลังคาลาดลงสู่เสาหลังได้อย่างลงตัว รูปทรงของไฟท้ายก็ดูโฉบเฉี่ยวดีพร้อมมีลูกเล่นเว้าเล่นระดับที่ด้านล่าง เส้นสายที่ฝากระโปรงท้ายก็สอดรับกันดี โดยรวมด้านท้ายของรุ่น 4 ประตูนับว่าออกแบบได้อย่างลงตัว
ส่วนด้านหน้าซึ่งเหมือนกันทั้งในรุ่น 4 และ 5 ประตู ใส่เอกลักษณ์ของ เชฟโรเลต มาแบบเต็มๆ ด้วยกระจังหน้า Dual Port พร้อมโลโก้โบว์ไท และกรอบไฟหน้าทรงเฉียงให้ความรู้สึกดุดัน ไฟหน้าทรงกลมคู่เป็นแบบเปลือยไม่มีครอบพลาสติกใสปิดอีกชั้น น่าจะต้านลมและทำความสะอาดยาก เพราะมีซอกเล็กซอกน้อย
ด้านข้างให้อารมณ์สปอร์ตด้วยโป่งล้อขนาดใหญ่ และเส้นตัวถังที่ลากเฉียงขึ้นจากด้านหน้าไปด้านหลัง ดูจากสเปคพบว่ารุ่น 4 ประตูมีความยาว 4,339 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น 5 ประตูที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้มีความยาว 4,039 มิลลิเมตร ต่างกันถึง 30 เซนติเมตร ส่งผลให้ห้องเก็บสัมภาระมีความจุต่างกัน โดยรุ่น 4 ประตูมีความจุ 466 ลิตร และรุ่น 5 ประตูมีความจุ 253 ลิตร ความแตกต่างในเรื่องนี้น่าจะมีผลในการแบ่งกลุ่มลูกค้าอยู่พอสมควร |
|
 |
|
ภายในดีเกินคาด
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่ได้คาดหวังไว้สูง หรือเพราะ เชฟโรเลต ทำได้ดีจริงๆ กันแน่ ทำให้รู้สึกว่าภายในของ โซนิค ทั้งในส่วนของคุณภาพวัสดุ การประกอบ และการตกแต่งนับว่าสมราคา และที่ชอบใจเป็นพิเศษก็คือ การออกแบบที่ฉีกแนว โดยเฉพาะในส่วนของชุดมาตรวัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์ ทำได้สวยงามลงตัว ทำให้ผมเกือบลืมไปว่าไม่ชอบมาตรวัดความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอลสักเท่าไร
เบาะนั่งตัวเล็กไปนิดสำหรับคนร่างท้วมอย่างผม ส่วนความกว้างขวางของห้องโดยสารด้านหน้าถือว่าเหลือเฟือ คู่หูที่ขับด้วยกันตัวใหญ่กว่าผมก็ยังนั่งได้สบาย ส่วนเบาะหลังก็เป็นไปตามขนาดของรถ คือ ถ้าผู้โดยสารมีความสูงไม่เกิน 170 เซนติเมตรจะนั่งได้สบาย ถ้าสูงกว่านั้นน่าจะต้องให้ผู้โดยสารด้านหน้าเลื่อนเบาะให้บ้าง |
|
 |
|
ขากลับขับเกียร์ออโต้
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมขับ Gymkhana และเรียนรู้การพ่นสี Graffiti พร้อมทดลองพ่นสีแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับ โดยต้องถึง โรงแรมโซฟิเทล โซ แบงค็อก ก่อนเวลา 18.30 น. เพื่อรับคะแนนโบนัสและต้องส่งรูป โซนิค ที่ถ่ายโดย iPad เข้าประกวดเพื่อรวมคะแนนมอบรางวัลด้วย ขากลับผมรับหน้าที่ขับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือจึงไปแวะถ่ายรูปกันที่ Mega บางนา และหาสถานที่แถวๆ นั้นเพื่อถ่ายรูปอีกเล็กน้อย
คันที่ขับมีมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จึงเซต 0 ใหม่ก่อนออกเดินทางและขับไปตามปกติเหมือนการใช้งานทั่วไป การจราจรแถวนั้นเริ่มติดขัดบ้าง ได้อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรวัดประมาณ 14 กิโลเมตรต่อลิตร และจำได้ว่าที่ความเร็วเท่ากัน รุ่นเกียร์อัตโนมัติใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำกว่าเกียร์ธรรมดา การเดินทางไกลรุ่นเกียร์อัตโนมัติจึงน่าจะประหยัดกว่า |
|
 |
|
อัตราเร่งก็ถือว่าทำได้ดีสำหรับเครื่องยนต์ 1,400 ซีซี 100 แรงม้า โดยจะเริ่ม 'ติดเท้า' ในช่วง 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป รุ่นเกียร์ธรรมดาลากรอบได้ถึง 6,500 รอบต่อนาที เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มแบบแน่นๆ และเมื่อรอบตัดก็ไม่มีอาการกระตุกให้หัวทิ่ม
ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติเมื่อเข้าโหมด M แล้วจะคิ๊กดาวน์ไม่ลง ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มที่หัวเกียร์ และถ้าความเร็วยังไม่สูงพอ ก็จะเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงไม่ได้
ขับจนเมื่อยปาก (เพราะถามทางเพื่อนที่นั่งมาด้วยตลอดทาง) ก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ พักเหนื่อยก่อนเข้าสู่พิธีมอบรางวัลพร้อมทานอาหารค่ำเคล้าเสียงเพลง จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ
เชฟโรเลต โซนิค ซิตี้คาร์อารมณ์สปอร์ต มาพร้อมความหนักแน่นของตัวถังและช่วงล่าง ห้องโดยสารแหวกแนวการออกแบบ ใช้วัสดุคุณภาพดีและประกอบเนี๊ยบ ทำให้ดูดีสมราคา การแบ่งรุ่นและจัดอุปกรณ์มาตรฐานทำได้ดี ในรุ่นกลางๆ ก็มีออฟชั่นเพียงพอกับการใช้งานแล้ว ตั้งราคาไว้น่าสนใจ 548,000 - 687,000 บาท •
ขอบคุณ: บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง |
|