F1 Abu Dhabi GP 2016 Preview : ศึกตัดสินสุดท้าย
● สนามสุดท้ายแล้วของการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวันประจำฤดูกาล 2016 อะบูดาบีกรังด์ปรีซ์ จะเป็นศึกตัดสินว่าใครจะคว้าแชมป์โลกในปีนี้ไประหว่างคู่หูศรเงิน
● ทุ่มงบประมาณในการก่อสร้างสนามและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ สนามไปถึง 1,322 ล้านเหรียญสหรัฐ มันเป็นอภิมหาโปรเจคที่เปลี่ยนเกาะยาสให้กลายเป็นศูนย์รวมของที่สุดในโลก ทั้ง ยาส ไวซ์รอย โรงแรมอันหรูหราระดับ 5 ดาว ซึ่งมีค่าห้องแพงที่สุดในโลก ทั้ง ฟอร์มูล่า รอสซ่า รถไฟเหาะที่ทำความเร็วได้สูงที่สุดในโลกด้วยความเร็วถึง 239 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่สำคัญระบบไฟส่องสว่างของสนามแข่งเป็นโปรเจคระบบไฟในวงการกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อรองรับการแข่งขันช่วงหัวค่ำที่จะแข่งขันภายใต้แสงแดดยามอัสดง ไปจบการแข่งขันภายใต้แสงไฟยามค่ำคืน
● ในส่วนของแทร็คนั้น ยาส มารีน่า มีความยาวแทร็คทั้งหมด 5.554 กิโลเมตร ใช้เกรย์แว็กเป็นวัสดุปูผิวแทร็คซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยึดเกาะสูง ตัวสนามนั้นค่อนข้างคดเคี้ยวไปมาตามสภาพพื้นที่ซึ่งถูกบีบอยู่บนเกาะ อย่างไรก็ตามสนามแข่งนั้นเต็มไปด้วยรันออฟแอเรีย และยังมีทางตรงที่ยาวถึง 1,140 กิโลเมตร รวมอยู่ในความคดเคี้ยวนั้น
ใครมีโอกาสชนะมากที่สุด?
● ด้วยความคดเคี้ยวของสนามและมีสภาพแบบกึ่งๆ สตรีทเซอร์กิต ยาส มารีน่า ต้องการ ดาวน์ฟอร์ซ สูงเอาเรื่อง แต่วิศวกรจำเป็นจะต้องบาลานซ์ดาวน์ฟอร์ซกับแดรกฟอร์ซให้ดี เพราะตัวสนามเองก็มีทางตรงยาว 2 ช่วง และเป็นจุดแซงสำคัญของสนาม
● กำลังเครื่องยนต์นั้นจะตรงกันข้ามกับการเซตอัพดาวน์ฟอร์ซ มันไม่ต้องการกำลังเครื่องยนต์ที่สูงนักในสนามแห่งนี้ อย่างไรก็ตามช่วงทางตรงยาว 2 ช่วง จะเป็นช่วงที่เครื่องยนต์ต้องรีดประสิทธิภาพแรงม้าออกมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
● ในส่วนของการใช้ยางนั้น ยาส มารีน่า เป็นสนามที่ไม่ค่อยกินยาง เพราะตัวสนามมีโค้งความเร็วสูงเพียง 2 จุด และช่วงเวลาแข่งขันอยู่ในช่วงหัวค่ำ แต่สิ่งที่น่าปวดหัวคือการบริหารยางและการเลือกใช้ยางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะช่วงเวลาตั้งแต่สตาร์ทการแข่งขันไปจนกระทั่งจบการแข่งขัน อุณหภูมิพื้นแทร็คมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและอ่อนไหวมาก วิศวกรจะต้องแข่งกันเลือกยางที่เหมาะที่สุด ณ เวลานั้นๆ ให้กับนักแข่ง
● จากสถิติที่ผ่านมา ยาส มารีน่า นับเป็นสนามหนึ่งที่ ลูอิส แฮมิลตัน ทำผลงานได้ดีทีเดียว เขาคว้าโพลมาได้ 2 ครั้ง ขึ้นโพเดียมอีก 4 ครั้ง และ 2 ครั้ง ในนั้นเป็นชัยชนะเสียด้วย ถึงแม้ว่า นิโค รอสเบิร์ก จะเคยเป็นผู้ชนะในปีที่แล้ว แต่ด้วยความได้เปรียบด้านคะแนนของ รอสเบิร์ก ในขณะนี้ เจ้าตัวอาจจะไม่ใส่เต็มร้อยและยอมตามหลัง แฮมิลตัน เข้าเส้นก็เป็นได้
● ด้วยความคดเคี้ยวของสนาม เรดบูลล์กลับมากำชัยเหนือกว่าเฟอร์รารีอีกครั้ง หลังจากสนามที่แล้วที่พวกเขาพ่ายแพ้ในการควอลิฟาย คาดว่าโพเดียมอันดับสุดท้ายเรดบูลล์น่าจะจองตำแหน่งนี้ไป
● ในส่วนของการลุ้นแชมป์โลก รอสเบิร์ก จะสามารถคว้าแชมป์โลกได้โดยมีเงื่อนไขดังนี้:
– แฮมิลตัน ชนะ รอสเบิร์ก ต้องเข้าอันดับไม่ต่ำกว่า 3
– แฮมิลตัน อันดับ 2 รอสเบิร์ก ต้องเข้าอันดับไม่ต่ำกว่า 6
– แฮมิลตัน อันดับ 3 รอสเบิร์ก ต้องเข้าอันดับไม่ต่ำกว่า 8
– แฮมิลตัน อันดับต่ำกว่า 3 รอสเบิร์ก เป็นแชมป์โลกทันที
บันทึกความทรงจำ
● ปี 2014 แฮมิลตัน กับ รอสเบิร์ก ก็มาต่อสู้แย่งชิงแชมป์โลกในสนามสุดท้ายที่นี่ แต่ปีนี้จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ต้องรอติดตามชมกันสุดสัปดาห์นี้ครับ ●
รายละเอียดสนามเพิ่มเติม
• สนาม : ยาส มารีน่า
• ความยาวสนามต่อรอบ : 5.554 กิโลเมตร
• จำนวนรอบการแข่งขัน : 55 รอบ
• ความจุผู้ชม : 50,000 คน
• ผู้ออกแบบ : เฮอร์มัน ทิลเก้
• ทุนในการก่อสร้าง : 1,322 ล้านเหรียญสหรัฐ
• เปิดใช้งานครั้งแรก : ปี 2009
• จำนวนครั้งที่ถูกใช้งาน : 7
• ความเร็วสูงสุด : 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง
• แรง G สูงสุด : 4.0
• การใช้คันเร่งเต็มที่ต่อรอบ : 59%
• ช่วงทางตรงยาวที่สุด : 1,140 เมตร
• ช่วงกดคันเร่งยาวที่สุด : 1,233 เมตร
• อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง : ปานกลาง
• อัตราสิ้นเปลืองเบรก : ปานกลาง
• อัตราสิ้นเปลืองยาง : ปานกลาง
• ต้องการดาวน์ฟอร์ซ : สูง
• โอกาสในการแซง : ปานกลาง
• จุดแซงสำคัญ : โค้ง 8
• จุดทำเวลาสำคัญ : โค้ง 5-6-7
• ยางที่สามารถใช้ได้ : อุลตร้าซอฟต์, ซุปเปอร์ซอฟต์, ซอฟต์
• DRS Zone : โซนคู่ โซนแรกอยู่ที่ 390 เมตร หลังผ่านโค้ง 7 มีจุดตรวจจับเวลาอยู่ที่ 40 เมตร ก่อนเข้าโค้ง 7
• โซนที่ 2 อยู่ที่ยอดโค้ง 10 มีจุดตรวจจับเวลาอยู่ที่ 50 เมตร หลังผ่านโค้ง 9
• ผู้ชนะคนล่าสุด : นิโค รอสเบิร์ก – เมอร์เซเดส
• ผู้ที่ได้ตำแหน่งโพลคนล่าสุด : นิโค รอสเบิร์ก – เมอร์เซเดส
• ผู้ที่ชนะมากที่สุดในสนามนี้บนกริด : เซบาสเตียน เวทเทล (2009, 2010, 2013)
• สถิติสนาม : เซบาสเตียน เวทเทล – เรดบูลล์ เรโนลต์ – 1.40.279 – 2009
• espnf1.com.
• f1fanatic.co.uk.
• en.wikipedia.org.