August 30, 2021
Motortrivia Team (10020 articles)

ทดลองขับ 2021 Hyundai Staria SEL สุขล้นบนทรงล้ำ

เรื่อง – ภาพ – วีดิโอ : นาธัส แสงสุริยะ

●   สตาร์เรีย รถตู้เอนกประสงค์ฟูลไซส์รุ่นล่าสุดจากฮุนได ประเดิมตลาดเมืองไทยด้วยรุ่น 11 ที่นั่ง แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยตามอุปกรณ์มาตรฐาน รุ่น S ราคา 1.729 ล้านบาท และ รุ่น SEL ราคา 1.999 ล้านบาท ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันแบบดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร 177 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ทีมงานมอเตอร์ทริเวียทดลองขับรุ่น SEL ทั้งเดินทางไกลและในเมือง เพื่อสรุปจุดเด่นและจุดด้อยของรถรุ่นนี้

ทรงล้ำลงตัวสะดุดตา

●   ทำใจตั้งแต่รับรถมาขับแล้วว่า ต้องตกเป็นเป้าสายตาแน่ๆ เพราะทรงรถล้ำสมัยและเพิ่งเปิดตัวไม่นาน ยังเห็นบนถนนไม่บ่อยนัก รูปลักษณ์เหมือนรถต้นแบบมากกว่ารถคันจริง ฝากระโปรงหน้าและกระจกหน้าบานใหญ่เอนลาดเป็นแนวเดียวกัน เปิดมุมมองด้านหน้าให้กว้างขวาง แปลกตาด้วยไฟ DLR แบบคาดขวางตลอดตัวรถ ไฟหน้าทั้งไฟสูงและไฟต่ำเป็นแบบ LED มัลติรีเฟล็กเตอร์ ติดตั้งอยู่ด้านล่าง และมีไฟเลี้ยวอยู่ที่มุมด้านใน ด้านหน้าติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ 4 จุด มุมมองด้านหน้าดูมนๆ แปลกตา

●   กระจกประตูคู่หน้าเว้าต่ำลงแบบพาโนรามา Panorama Side Windows เพื่อรับต่อเนื่องไปถึงกระจกข้างทุกบาน ให้มุมมองที่กว้างโปร่งสบายไม่อับทึบ เหมาะเป็นรถครอบครัวท่องเที่ยว แต่ก็ต้องติดฟิล์มที่มีเปอร์เซ็นต์การกรองแสงมากหน่อย ตัวรถด้านข้างเน้นความโค้งมนต่อเนื่องจากด้านหน้า กระจกมองข้างบานใหญ่เต็มตา พร้อมไฟเลี้ยว LED และติดกล้องทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมระบบพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ ล้อแม็กลายล้ำขอบ 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R18

●   ประตูทั้ง 2 ข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ สั่งงานด้วยรีโมทคอนโทรล สวิตช์บนเพดานในรถ หรือดึงที่เปิดประตู มีระบบความปลอดภัยโดยจะปลดล็อกและเปิดประตูได้เมื่ออยู่ในเกียร์ P เท่านั้น ป้องกันอันตรายจากความซุกซนของสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวได้ดี บันไดข้างอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ไม่ต้องยกขาสูงเพื่อก้าวขึ้น-ลง สะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ กระจกประตูข้างเป็นแบบ Flush Glass เปิดได้กว้างพอสมควร จุดนี้ดีกว่ารถประเภทเดียวกันบางรุ่นที่กระจกข้างปิดตาย ต้องเปิดประตูข้างเท่านั้น

●   ด้านหลังเป็นอีกจุดที่ดึงดูดสายตาด้วยไฟท้ายทรงตั้ง Parametric Pixel LED ให้ความสว่างเหลือเฟือ แต่โคมชิ้นบนสุดไม่มีไฟส่องสว่าง ทำไว้เพื่อความสวยงามต่อเนื่องเท่านั้น ประตูท้ายบานใหญ่เปิดได้กว้างด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ เวลาเปิดต้องเผื่อระยะสวิงของประตูไว้มากหน่อย กันชนท้ายมีเซ็นเซอร์ 4 จุด ด้านหลังเป็นจุดเดียวของตัวรถที่เน้นเหลี่ยมสัน

●   โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกดูล้ำสมัยดี ด้านหน้าและด้านข้างเน้นความโค้งมน เน้นพื้นที่กระจกรอบคันทำให้ดูโปร่ง ด้านหลังโชว์เหลี่ยมสันของชุดไฟท้าย ให้มุมมองที่หนักแน่นดี โดยรวมดูล้ำสมัยเรียบง่ายกลมกลืน ไม่ได้เน้นความโฉบเฉี่ยวหวือหวา จึงน่าจะมองได้นานโดยไม่เบื่อและไม่ตกยุคง่ายๆ

●   มิติตัวรถมีความยาว 5,253 มิลลิเมตร กว้าง 1,997 มิลลิเมตร สูง 1,990 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,273 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,732/1,721 มิลลิเมตร ระยะยื่นหน้า/หลัง 910/1,070 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 186 มิลลิเมตร วงเลี้ยวแคบสุด 5.97 เมตร

ภายในเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก

●   เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก ห้องโดยสารของสตาร์เรียออกแบบล้ำสมัยแต่ดูเรียบง่ายสะอาดตา ความกว้างขวางเหลือเฟือ เบาะนั่ง 4 แถวแบ่งเป็น 3-3-2-3 รวม 11 ที่นั่ง ใส่อุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความสะดวกสบายมาครบครัน เน้นเรื่องความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับภายใต้เทคโนโลยี Hyundai SmartSense 11 รายการ

●   มาตรวัด Full LCD ขนาด 10.25 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลากหลาย รองรับการแจ้งเตือนทั้งระบบความเทิงและระบบความปลอดภัย รวมทั้งใช้ปรับตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถด้วยปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งขวา ที่คอนโซลกลางติดตั้งจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย แสดงภาพกล้องหน้า-หลัง การตอบสนองของจอค่อนข้างทันใจลื่นไหล ภาพคมชัดและใช้งานง่าย ถัดลงมาเป็นชุดควบคุมเครื่องปรับอากาศทั้งตอนหน้าและตอนหลัง มีที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ถ้าดับเครื่องยนต์แล้วไม่หยิบสมาร์ทโฟนออกจะมีข้อความเตือนในชุดมาตรวัดเพื่อกันลืม คันเกียร์เป็นแบบไฟฟ้า ใช้การกดปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ ทำให้แผงคอนโซลดูเรียบร้อยขึ้น

●   เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังไฟฟ้า ตัวเบาะหนานุ่มนั่งสบาย ขับทางไกลไม่เมื่อยก้น รองรับสรีระได้หลากหลาย ผู้หญิงตัวเล็กก็ขับได้ ตำแหน่งท่านั่งขับเหมือนรถเก๋ง ไม่เหมือนรถตู้ การเลี้ยวหรือควบคุมรถก็เหมือนรถเก๋งที่ผู้ขับนั่งอยู่หลังล้อหน้า ไม่เหมือนรถตู้ทั่วไปที่ผู้ขับนั่งบนล้อหน้า

●   เบาะหน้ามี 3 ตำแหน่ง ถ้านั่งแค่ 2 คนเหมือนรถยนต์ พับเบาะตรงกลางระหว่างผู้ขับกับผู้โดยสารด้านหน้าลง หลังเบาะตรงกลางออกแบบเป็นที่วางของและแก้วน้ำ เบาะแถว 2 ก็นั่ง 3 คนเช่นกัน พนักพิงปรับเอนและพับลงแนบกับเบาะนั่งได้ ตัวเบาะเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ บนมีสวิตช์ควบคุมแอร์แบบเต็มระบบ ทั้งความเย็น แรงลม และทิศทางลม หรือจะบอกให้ผู้ขับปรับให้จากหน้าจอที่คอนโซลกลางก็ได้

●   เบาะแถว 3 เป็นเบาะแยกซ้าย-ขวา นั่งได้ 2 คนพร้อมที่เท้าแขนแบบพับได้ เปิดพื้นที่ตรงกลางไว้ให้ผู้โดยสารเบาะแถว 4 หรือแถวหลังสุด เดินเข้า-ออกเพื่อลงรถได้สะดวก เบาะแถว 3 และ 4 พับราบ ปรับเอน และเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้เช่นกัน ลองปรับเฉลี่ยพื้นที่กันแล้ว ผู้ใหญ่ที่มีความสูง 169 เซนติเมตร นั่งได้ทุกตำแหน่งจริงๆ ถ้านั่ง 4 แถว 8 คน จะกำลังหลวมๆ นั่งสบาย กระจกข้างบานใหญ่มีที่บังแดดแบบซ่อนในแผงประตูให้ทุกที่นั่ง เบาะแถว 3 และ 4 ไม่ถูกทอดทิ้ง มีช่องแอร์บนเพดานและช่องจ่ายไฟฟ้าให้ครบ

●   ภายในโดยรวมถือว่าทำได้ดีในแง่การโดยสาร ด้วยการปรับเปลี่ยนเบาะนั่งได้หลากหลายและพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานก็มีให้ครบถ้วน แต่ถ้ามองในแง่การเป็นรถครอบครัว อาจจะขาดในส่วนของอุปกรณ์ความบันเทิงอย่างจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งฮุนไดมองว่าขอลงทุนในส่วนของอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดเต็ม ส่วนความบันเทิงก็พึ่งพาตัวเองไปก่อนทั้งสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเลต ซึ่งมีช่องจ่ายไฟฟ้าไว้ให้ชาร์จอยู่แล้ว ถ้าอยากได้ค่อยเพิ่มเติมทีหลัง ซึ่งทำได้ง่ายกว่าการเพิ่มระบบความปลอดภัย

●   สรุปในส่วนของห้องโดยสาร ชอบที่ความเรียบง่ายและโปร่งโล่งแบบสุดๆ เรียกว่าถ้าไม่ติดฟิล์มกรองแสงแบบทึบๆ หน่อยคงแย่ แอร์เย็นฉ่ำทุกที่นั่ง ชุดมาตรวัดทำให้รถดูล้ำสมัย จอกลางใช้งานได้เอนกประสงค์ รถคันใหญ่แต่ทัศนวิสัยรอบคันอยู่ในเกณฑ์ดี ยิ่งมีกล้องรอบคันพร้อมเส้นกะระยะแบบแปรผันตามการหมุนพวงมาลัย ยิ่งขับง่ายในที่คับแคบ ที่ไม่ชอบอย่างเดียวคือ การเก็บเสียงโดยเฉพาะเสียงลม ถ้าใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห้องโดยสารจะเงียบมาก แต่พอแตะ 120 เสียงจะดังขึ้นทันที โดยจะเป็นเสียงลม ส่วนเสียงเครื่องยนต์และเสียงจากพื้นถนน ไม่ค่อยเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารมากนัก

เครื่องยนต์เด่นเกินประเภทรถ

●   อาจเป็นจุดเด่นที่ขัดกับประเภทรถ แต่ลองขับแล้วติดใจจริงๆ กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2,199 ซีซี 177 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 431 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,500-2,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift

●   ขับในเมืองความเร็วต่ำ-ปานกลาง เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ราบเรียบนุ่มนวล เสียงไม่ดัง ไม่สั่นหรือเขย่า เร่งทันใจไม่รอรอบ ขับในสภาพรถติดได้แบบไม่อึดอัด และเริ่มแสดงประสิทธิภาพเมื่อทางโล่ง เพิ่มความเร็วได้ทันใจโดยไม่ต้องคิ๊กดาวน์ ไล่รอบในเกียร์เดิมก็เหลือเฟือ ขับความเร็วตามกฎหมาย ใช้รอบแค่ 1,500 รอบต่อนาที เรียกว่าเครื่องยนต์ทำงานแบบหวานเย็นไม่ถูกรีดเค้น เกียร์ 8 จังหวะ นุ่มนวลทั้งจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลง รวมทั้งการคิ๊กดาวน์ แรงบิดไม่ดุเดือดแต่เน้นขับง่ายต่อเนื่องและพร้อมใช้งานโดยไม่ต้องกระตุ้นหนัก ในเกียร์ 8 ถ้าเข็มวัดรอบขึ้นไปแตะ 2,500 รอบต่อนาที แสดงว่าความเร็วจะป้วนเปี้ยนแถว 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

●   เริ่มออกเดินทางไกลในช่วงเช้า ขับยาวรวดเดียว 158 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.47 ชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามชุดมาตรวัด 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร มีเล่นสนุกกับอัตราเร่งบ้าง ทำความเร็วสูงบ้าง โดยเฉลี่ยใช้ความเร็วตามกฎหมาย ถือว่าทำได้ดีสำหรับรถคันใหญ่ยักษ์ ถ้านั่งเต็มพิกัด อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองก็จะลดลงตามสัดส่วน

●   ขับขึ้นเขาใหญ่ทางชัน แรงบิดที่สูงในรอบต่ำ ทำให้ขับง่ายไม่ต้องลากรอบหรือเร่งส่ง อาจจะใช้ Paddle Shift ช่วยควบคุมเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ต้องเสียจังหวะคิ๊กดาวน์ และช่วยหน่วงตัวรถเมื่อขับลงทางชัน ลดภาระของเบรก นอกจากหน้าตาของรถแล้วก็มีประสิทธิภาพเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ถูกใจสุดๆ

ช่วงล่างเซตเผื่อนั่งเต็มความจุ

●   สตาร์เรียใช้ระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ คอยล์สปริง ยาง 235/55 R18 ตามสเปคที่ติดไว้ตรงประตูผู้ขับ ระบุแรงดันลมยางหน้า/หลัง 42 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว แต่บนหน้าจอแจ้งแรงดันลมยาง TPMS อยู่ที่ 50 กว่าปอนด์ต่อตารางนิ้ว ลองใช้เครื่องวัดแรงดันลมยางก็ใกล้เคียงกันประมาณ 50 แต่ไม่ได้ปล่อยลมยางออกให้ตรงสเปค

●   ขับแล้วรู้สึกแข็งนิดๆ เป็นความแข็งที่มาจากลมยาง เพราะช่วงล่างยังมีการให้ตัวยืด-ยุบได้ ซับแรงสะเทือนได้ดี ขับในเมืองนุ่มนวล ขับทางไกลรองรับความเร็วสูงได้บนทางตรง แต่ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหักหลบกะทันหัน ขับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รู้สึกว่ากำลังสบายไม่เกร็งไม่เครียด ช่วงล่างโดยรวมทำได้ดีทั้งความนุ่มนวลและหนักแน่น แต่ก็น่าจะเซตแข็งเผื่อไว้สำหรับนั่งเต็มความจุ 11 ที่นั่งแล้วไม่ยวบ นั่งแค่ 2 คนบางจังหวะเลยยังรู้สึกแข็งไปบ้าง

●   พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าเป็นอีกจุดที่ต้องชม เพราะเซตการผ่อนแรงมาได้เหมาะสมกับประเภทรถ คือ ไม่เบาจนหวิว ควบคุมรถคันใหญ่ได้โดยไม่ต้องเกร็งพวงมาลัย อัตราทดพวงมาลัยก็พอเหมาะ หมุนแล้วรถไม่วูบวาบ แต่ก็ไม่เชื่องช้าจนขาดความคล่องตัว ขับช้าๆ พวงมาลัยไม่ได้เบามาก แต่ใช้ความเร็วแล้วพวงมาลัยยังคงหนักแน่นดี หมุนได้ราบเรียบต่อเนื่อง เบรกแบบดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยครบครัน สร้างแรงเบรกได้หนักแน่นสมกับตัวถังขนาดใหญ่ ดึงลดความเร็วได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอาการเบรกไหลให้ต้องลุ้น แรงเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักเท้า ทำให้คุมการเบรกได้ง่าย

●   ฮุนได สตาร์เรีย รถยนต์เอนกประสงค์เพื่อการใช้งานแบบครอบครัวอย่างแท้จริง กระจกรอบคันบานใหญ่ชมวิวทิวทัศน์เต็มตา อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน และทำงานสอดคล้องกับการขับใช้งานจริง ไม่รบกวนการขับ ภายในกว้างขวาง อุปกรร์อำนวยความสะดวกครบครัน เครื่องยนต์แรงเหลือเฟือสำหรับรถประเภทนี้ ใช้ความเร็วตามกฎหมายก็ประหยัดระดับ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร รูปลักษณ์ล้ำสมัยไม่ตกยุคง่ายๆ ราคา 1.999 ล้านบาท เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถประเภทนี้    ●

ขอบคุณ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ข้อมูลเพิ่มเติม www.hyundai.co.th

Test Drive : 2021 Hyundai Staria SEL