PTG ลุยปี 2560 ทุ่ม 5,000 ล้านบาทตั้งเป้าเพิ่มสถานีบริการ
ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่
● PTG ประกาศเป้าหมายในปี 2560 เตรียมขยายสถานีบริการน้ำมันให้ครบ 1,800 สาขาทั่วประเทศ เพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร PT Max Card เป็น 7.4 ล้านสมาชิก พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่น PT Mobile Application รวมถึงเพิ่มงบลงทุน 5,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจบริการด้านพลังงานแบบครบวงจร ล่าสุดร่วมมือกับ บริษัท ซัปโปโร โฮลดิ้ง จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ (Know-How) มุ่งเป็นโรงงานแรกของโลกกับเทคโนโลยีการผลิตโดยนำกากมันสำปะหลังเหลือใช้มาก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
● นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยทิศทางธุรกิจในปี 2560 ตั้งเป้าสร้างปริมาณการขายเพิ่มขึ้นราว 40% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 2.9 พันล้านลิตร โดยในปีนี้ได้เตรียมแผนดำเนินธุรกิจสร้างความแข็งแกร่งในอนาคตภายใต้ธีม “Age of Innovation” หรือ การปรับใช้นวัตกรรมเพื่อนำแบรนด์มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานครบวงจร ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกัน
● ส่วนที่ 1 : การใช้เทคโนโลยี SYN4MAX ในการช่วยผลิตน้ำมันเครื่องคุณภาพสูง PT Maxnitron ส่วนที่ 2 : เปิดตัวแอพพลิเคชั่น PT Mobile Application เพื่อให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า และ ส่วนที่ 3 : ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายคือ การใช้องค์ความรู้จากพาร์ทเนอร์อย่าง ซัปโปโร จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำเอานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีมาผลิตพลังงานทดแทนอย่างเอทานอล
● PTG วางงบลงทุนในปี 2560 เป็นมูลค่าสูงถึง 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,500 ล้านบาท, ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 1,000 ล้านบาท ในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบัน PTG มีจำนวนกว่า 1,400 สาขา และภายในสิ้นปีนี้ PTG ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 สาขาทั่วประเทศ และมุ่งเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร PT Max Card เป็น 7.4 ล้านสมาชิก เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีจำนวน 5.6 ล้านสมาชิก
● “ในปี 2560 หากพีทีจีสามารถขยายสถานีบริการตามที่วางเป้าหมายไว้ เราจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของจำนวนสถานีบริการเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาด และถ้าปริมาณการขายเป็นไปตามเป้าหมาย คือเติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2559 เราน่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็นอันดับ 4 ในตลาด นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายว่าจะเข้ามาดูแลผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น” นายพิทักษ์ กล่าว
● “สำหรับปีนี้ เราจะมุ่งเน้นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงก็คือ กลุ่มธุรกิจ นอน-ออยล์ (Non-Oil) (รายได้ที่ไม่ได้มาจากการขายน้ำมัน) เราตั้งเป้าไว้ว่าจากปัจจุบันที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,700 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 155% กาแฟพันธุ์ไทยจะมีสาขาครบ 100 สาขา ในกลางปีนี้ และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 200 สาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2560 ซึ่งจะไม่ได้จำกัดพื้นที่แค่เพียงในสถานีบริการน้ำมันเท่านั้น แต่เราจะขยายไปตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย และสนามบินต่างๆ เพื่อทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มจำนวนร้าน Max Mart เป็น 140 สาขาอีกด้วย”
● “และเพื่อให้เข้ากับธีม Age of Innovation ปีนี้พีทีจียังจะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า พีที โมบาย แอพลิเคชั่น ที่มาพร้อมกับความทันสมัยและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า Max card อีกทั้งยังจะมีการเปิดตัวแคมเปญใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักและเกิดความนิยมแบรนด์ในวงกว้าง จากที่ปัจจุบัน เรามีเฟซบุ๊คที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีแอพพลิเคชั่น LINE ที่ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 10 ล้านราย รวมถึงมี Line Sticker ซึ่งมียอดดาวน์โหลดถึง 6 ล้านครั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ๆ ที่เราเลือกใช้ล้วนเข้าถึงฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ได้ทันต่อเหตุการณ์อย่างแท้จริง”
● นอกจากโครงการอุตสาหกรรม Palm Complex ที่ล่าสุดจะสามารถเริ่มกระบวนการผลิตไบโอดีเซลได้เต็มรูปแบบในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้แล้ว ธุรกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมก็คือเอทานอล ล่าสุด PTG ได้ประกาศจับมือกับ บริษัท เอี่ยมบูรพา จำกัด ก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง ซึ่งมีกำลังผลิต 2 แสนลิตรต่อวัน มูลค่าการลงทุน 1.5 พันล้านบาท ผ่านบริษัทร่วมทุน อินโนเทค กรีน เอ็นเนอยี ซึ่ง PTG ถือหุ้น 60% โดยใช้เทคโนโลยีของ ซัปโปโร โฮลดิ้ง จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุน เสริมศักยภาพการทำกำไรในระยะยาว
● การลงทุนใน บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA ผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเลและทางบก ซึ่งเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการระบบขนส่งให้ได้ประโยชน์สูงสุด และยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัททั้งในปัจจุบัน และอนาคต ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่ได้ร่วมทุนกับ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันอากาศยาน และน้ำมันภาคพื้นดินผ่านระบบท่อ โดยถือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบท่อที่ต่อขึ้นไปทางภาคเหนือ ซึ่งก็จะเข้ามาช่วยสนับสนุนระบบขนส่งของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คาดว่าโครงการจะเสร็จภายในปี 2562
● ภาพรวมธุรกิจในปี 2559 ที่ผ่านมา PTG เผยว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 28% เมื่อเทียบกับปี 2558 ปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ PTG มีสถานีบริการและยอดขายต่อสถานีบริการที่เติบโตขึ้น รวมทั้งการเปิดตัวน้ำมันเครื่อง PT Maxnitron ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายยอดขายกว่า 6 ล้านลิตร และยังมีสถานีบริการก๊าซ LPG เข้ามาเพิ่มเป็นตัวเลือกในการให้บริการ
● “ผลประกอบการที่เติบโตสวนทางกับอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นถึงผลการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการ และการให้ความสนใจในบัตร PT Max Card เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” นายพิทักษ์ ให้ความเห็น
● สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.ptgenergy.co.th ●