July 20, 2018
Motortrivia Team (10203 articles)

2018 Ford Ranger รุ่นปรับปรุง เครื่องใหม่พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ภาพ : สุพรรณี ยังอยู่

 

●   ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัว Ford Ranger รุ่นปรับปรุง MY2018 เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แยกจำหน่ายเป็น 20 รุ่นย่อย โดยรุ่นฐานล้อสั้น SWB ราคาเริ่มต้นที่ 589,000 บาท ส่วนรุ่นท๊อปของ Ranger เกรด Wildtrak ราคาเริ่มต้นที่ 1,029,000 บาท ในขณะที่เวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ในฐานะรุ่น ท๊อป-ออฟ-เดอะ-ไลน์ Ranger Raptor ราคา 1,699,000 บาท


นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย


●   สำหรับงานในวันนี้ มี นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมด้วย นายกมล ธีรมงคลรัศมี รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย และ นายวิชิต ว่องวัฒนาการ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริการลูกค้า และพัฒนาผู้จำหน่ายและประสบการณ์ลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย เข้าร่วมเปิดตัว

●   ในจำนวนรุ่นย่อยทั้ง 20 รุ่น ไฮไลท์ได้แก่ การติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ, ติดตั้งระบบ Autonomous Emergency Braking ช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบ Active Park Assist ช่วยจอดเทียบแบบกึ่งอัตโนมัติ, ระบบ SYNC 3 รองรับภาษาไทย มีฟังก์ชั่น Android Auto และ Apple Carplay และมีรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด เกรด Limited เป็นทางเลือก


นายกมล ธีรมงคลรัศมี รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย


●   Ranger มีเครื่องดีเซลทั้งหมด 3 บล็อค ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ความจุ 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยไบเทอร์โบชาร์จ (Sequentail Turbocharging) เทอร์โบตัวแรกเป็นแปรผัน Vartiable Turbocharger ลดอาการรอรอบ ตัวที่ 2 เป็นแบบ Fixed-geometry ช่วยเพิ่มกำลังต่อเนื่องในขณะใช้ความเร็วสูง เครื่องบล็อคนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ที่ช่วง 1,750 – 2,000 รอบ/นาที รุ่นที่จะได้ใช้งานคือ Ranger Wildtrak 4×4 และ Ranger Raptor นั่นเอง

●   ต่อด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น ได้แก่รุ่นความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 42.7 กก.-ม. ที่ช่วง 1,750 – 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะเช่นกัน รุ่นที่จะได้ใช้งานเครื่องยนต์บล็อคนี้คือ Ranger Wildtrak 4×2 และรุ่นย่อยใหม่ Ranger Limited ซึ่งรุ่น Limited นี้จะมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะให้เลือกด้วย

●   ปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล Duratorq ความจุ 2.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. ที่ช่วง 1,600 – 2,500 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีทั้งธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ รุ่นย่อยที่มากับเครื่องยนต์บล็อคนี้คือ Ranger XLT, Ranger XLS และ Ranger XL

●   ชุดระบบความปลอดภัยนั้น ระบบ Pre-Collision Assist แจ้งเตือนในกรณีที่อาจเกิดการชน จะใช้ความสามารถของระบบช่วยเบรคอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Autonomous Emergency Braking) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) โดยนับเป็นครั้งแรกในตลาดปิคอัพ ตัวระบบจะช่วยเบรคจนถึงจุดหยุดนิ่งเมื่อตรวจว่าผู้ขับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนน ระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็วมากกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

●   ชุดระบบอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบ Lane Keeping System ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบ Lane Departure Warning แจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน, ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ และระบบ Forward Collision Warning System เตือนการชนด้านหน้า

●   ด้านชุดระบบช่วยขับและอำนวยความสะดวก มีระบบ Active Park Assist ช่วยจอดเทียบข้างทางแบบกึ่งอัตโนมัติ โดยตัวระบบจะบังคับทิศทางของรถด้วยการหมุนพวงมาลัยให้โดยอัตโนมัติ ผู้ขับเพียงควบคุมคันเร่งและเบรคเท่านั้น ใครที่คุ้นเคยกับการใช้งานอยู่แล้วใน Ford Focus การทำงานก็เป็นไปในรูปแบบเดียวกันนั่นเอง

●   นอกจากนี้ยังมีชุดไฟหน้า HID, ชุดไฟ LED Daytime Running Light, ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า, กุญแจอัจฉริยะ (PEPS), ปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ และระบบ Easy Lift Tailgate ช่วยผ่อนแรงฝากระบะท้ายแบบกลไก ซึ่งจะช่วยผ่อนแรงในขณะใช้งาน 70% ฟังก์ชั่นนี้มีให้เฉพาะใน Ranger Wildtrak และ Ranger Limited

●   ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยโครเมียมตามจุดต่างๆ และเดินด้ายสีเงิน (Ranger Wildtrak 4×4 เพิ่มระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร Active Noise Cancellation) ชุดระบบ SYNC 3 รองรับภาษาไทย, Andriod Auto, Apple Carplay, บลูทูธ ตัวระบบทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว สามารถใช้งาน Apple Maps และระบบนำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถเมื่อออกนอกพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance ทำงานผ่านสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธในรถ พร้อมติดต่อไปยังหมายเลข 1669 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัย หรือระบบตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทำงาน โดยระบบช่วยโทรฉุกเฉินนี้จะติดตั้งใน Ranger ทุกคันที่ใช้ระบบ SYNC 3

●   Ranger 2018 มีสีภายนอก 7 สี ประกอบด้วย สีส้ม Saber Orange (สีใหม่ เฉพาะ Ranger Wildtrak), สีฟ้า Lightning Blue (สีใหม่), สีเงิน Aluminuim Metallic, สีดำ Absolute Black Metallic, สีเทา Meteor Grey Metallic, สีขาว Frozen White และสีแดง True Red ส่วนราคาจำหน่ายแบ่งเป็น :

•   Ranger Raptor ราคา 1,699,000 บาท
•   Ranger Wildtrak (2 รุ่นย่อย) ราคา 1,029,000 – 1,265,000 บาท
•   Ranger Limited (4 รุ่นย่อย) ราคา 889,000 – 1,029,000 บาท
•   Ranger XLT (4 รุ่นย่อย) ราคา 749,000 – 869,000 บาท
•   Ranger XLS (4 รุ่นย่อย) ราคา 659,000 – 789,000 บาท
•   Ranger XL (3 รุ่นย่อย) ราคา 559,000 – 649,000 บาท
•   Ranger Short Wheel Base ฐานล้อสั้น (2 รุ่นย่อย) ราคา 589,000 – 799,000 บาท

●   ส่วน Ranger Raptor จะมีสี 5 สี ประกอบด้วย สีเทา Conquer Grey (สีใหม่เฉพาะ Raptor), สีฟ้า Lightning Blue, สีแดง Race Red, สีดำ Shadow Black และสีขาว Frozen White… ทั้ง Ranger 2018 และ Raptor ทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมกับ ฟรีค่าแรงตรวจเช็คตามระยะสูงสุด 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กม. เพียงเข้าตรวจเช็คระยะทุก 15,000 กม. หรือทุก 1 ปี

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.ford.co.th   ●


2018 Ford Ranger : motortrivia


2018 Ford Ranger : Official