February 8, 2019
Motortrivia Team (10203 articles)

Formula One News : อัพเดทความเคลื่อนไหว 08-02-2019

Posted by : FascinatorFJ.

 

เซาเบอร์เปลี่ยนชื่อเป็น อัลฟ่า โรมิโอ เรซซิ่ง

●   ชื่อเซาเบอร์จะถูกลบออกไปจากกริด F1 ในปี 2019 เพราะพวกเขาได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเรียบร้อยไปเป็น อัลฟ่า โรมิโอ เรซซิ่ง

●   อัลฟ่า โรมิโอ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับเซาเบอร์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกของค่ายจากอิตาลีที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในวงการนับตั้งแต่ปี 1985 และในปีนี้ความสัมพันธ์ก็ได้ถูกขยายออกไป โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะให้ อัลฟ่า โรมิโอ ได้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และทำให้ในปีนี้ อัลฟ่า โรมิโอ มีสถานภาพเป็นทีมโรงงาน ซึ่งจะได้สานต่อความสำเร็จที่พวกเขาคว้าแชมป์โลกในปี 1950 และ 1951

●   อันที่จริงแล้วสภาพของทีมก็ดูจะเป็นกึ่งโรงงานเสียมากกว่า เพราะพวกเขายังคงทีมชุดปฏิบัติการเดิมของเซาเบอร์ไว้ทั้งหมด นอกจากนั้นเครื่องยนต์ยังคงใช้บริการจากเฟอร์รารี ซึ่งเป็นค่ายในเครือของเฟียตเช่นเดียวกัน

●   เฟรเดอริค แวสเซอร์ ทีมบอส  :  “มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะประกาศว่า เราจะเข้าสู่การแข่งขันฟอร์มูล่าวันชิงแชมป์โลก 2019 ภายใต้ชื่อทีมว่า “อัลฟ่า โรมิโอ เรซซิ่ง” หลังจากที่ได้มีการร่วมมือกันกับสปอนเซอร์หลักอย่าง อัลฟ่า โรมิโอ ในปี 2018 ทีมของเรามีความคืบหน้าอย่างสวยงามทั้งทางด้านเทคนิค พาณิชย์ และกีฬา สิ่งนี้ช่วยเพิ่มแรงขับดันให้กับทีมงานทั้งข้างสนามและศูนย์ใหญ่ที่สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากการทำงานอย่างหนักของพวกเขาได้ตอบสนองออกมาเป็นผลงาน เราตั้งเป้าที่จะพัฒนาต่อๆ ไปในทุกๆ ส่วนของทีม โดยให้ความหลงใหลในการแข่งขัน เทคโนโลยี และการออกแบบ ขับเคลื่อนเรามุ่งไปข้างหน้า”

●   เซาเบอร์ถูกก่อตั้งโดย ปีเตอร์ เซาเบอร์ และเข้าสู่กริด F1 ในปี 1993 พวกเขาเก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี ยกเว้นปี 2014 ซึ่งพวกเขาพบปัญหาอย่างหนัก

●   ในปี 2016 และ 2017 พวกเขาก็ยังคงพบปัญหาอย่างต่อเนื่องแม้จะเก็บแต้มได้ แต่หลังจากที่มีการดึงตัว เฟรเดอลิค แวสเซอร์ มาเป็นทีมบอส พวกเขามีทิศทางการบริหารและผลงานที่ชัดเจนขึ้น เกิดความร่วมมือทางเทคนิคกับเฟอร์รารีอย่างใกล้ชิด จนทำให้ อัลฟ่า โรมิโอ สนใจเข้ามาสนับสนุน

●   การเข้ามามีส่วนร่วมเต็มตัวของ อัลฟ่า โรมิโอ ในปีนี้ทำให้ทีมมีสถานะทีมโรงงานเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่พวกเขาเคยเป็นทีมโรงงานของเมอร์เซเดสและ BMW มาก่อน   ●

แม็คลาเรนจ้างไซเดิลคุมทีม F1

●   แม็คลาเรนได้ทำการว่าจ้างอดีตทีมบอสปอร์เช่ WEC อันเดรส์ ไซเดิล เข้ามาคุมทีมแข่ง F1 ในฐานะกรรมการผู้จัดการ

●   ไซเดิลจะมาเข้าร่วมกับแม็คลาเรนหลังจากที่เจ้าตัวสร้างชื่อใน WECกับปอร์เช่ระหว่างปี 2015 – 2017 โดยทีมแข่งจากโวกกิ้งกล่าวว่าทีมบอสชาวเยอรมนีมีกำหนดมาเข้าสังกัดระหว่างปี 2019

●   อันเดรส์ ไซเดิล  :  “นี่คือโอกาสอันพิเศษและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ซึ่งผมพร้อมที่จะรับภาระนี้ไว้ กับการที่ได้รับโอกาสให้ช่วยสร้างคุณค่าให้กับแม็คลาเรนเป็นอะไรที่พิเศษสุดๆ แม็คลาเรนนั้นมีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ และประสบการณ์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขามีผู้คนที่พร้อมจะดันทีมกลับสู่แนวหน้า และนั่นจะเป็นภารกิจที่ผมตั้งเป้าหมายเอาไว้”

●   ไซเดิลจะรายงานขึ้นตรงต่อ แซ็ค บราวน์ CEO และบริหารเหล่าหัวหน้าแผนกทั้ง 3 ของทีม เจมส์ คีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค จะดูแลงานออกแบบตัวรถ ไซมอน โรเบิร์ต จะรับผิดชอบในส่วนของการผลิต และ พอล เจมส์ ผู้จัดการทีม จะเป็นผู้นำปฏิบัติการที่สนามแข่ง

●   การมาของไซเดิลยังช่วยให้ผู้อำนวยการฝ่ายการกีฬาอย่าง กิล เดอ เฟอราน มีอิสระมากขึ้นในการดูแลกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตทั้งหมดของแม็คลาเรน อย่างเช่น อินดี้ 500 แทนที่จะต้องมุ่งโฟกัสหลักมาที่ F1

●   จริงๆ แล้วไซเดิลเองก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าในวงการ F1 แต่อย่างใด เขาเคยทำงานอยู่กับ BMW เซาเบอร์ จนถึงปี 2009 และนำพา BMW กลับสู่ DTM หลังจากนั้น   ●

ลาติฟีถูกดึงตัวเข้าร่วมวิลเลียมส์

●   ผู้ชนะการแข่งขัน F2 นิโคลาส์ ลาติฟี ได้เข้าร่วมกับวิลเลียมส์ในปี 2019 ในฐานะนักขับสำรอง

●   ลาติฟีนั้นเดิมมีหน้าที่เป็นนักขับพัฒนาให้กับฟอร์ซอินเดียในปีที่ผ่านมา ทำให้นักแข่งชาวแคนาดาได้มีโอกาสสัมผัสรถแข่ง F1 มาบ้างในการทดสอบรถระหว่างฤดูกาล แต่ในปีนี้เขาจะได้รับมอบหมายหน้าที่เพิ่มขึ้นในวิลเลียมส์จากการเป็นนักขับมือ 3

●   นักแข่งแคนาเดียนจะได้ขับรถ FW42 ทดสอบในการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล 1 วัน และอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 1 วัน ระหว่างฤดูกาล โดยครั้งหนึ่งจะเป็นการทดสอบแบบเป็นทางการ และอีก 2 ครั้ง เป็นการทดสอบยางพิเรลลี รวมทั้งจะได้ปรากฏตัวในรอบซ้อมแรกถึง 6 เซสชั่น

●   นิโคลาส์ ลาติฟี  :  “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมกับทีมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างวิลเลียมส์ในฐานะนักขับสำรอง มันเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมที่ผมจะได้พัฒนาการขับ F1 ต่อไป เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์บนแทร็คให้ได้มากขึ้น และเช่นเดียวกันกับนักขับสำรอง ผมจะได้รับหน้าที่ขับซิมูเลเตอร์และช่วยสนับสนุนการพัฒนาให้กับรถคันใหม่ ผมตั้งตารอที่จะได้ใช้เวลาในฐานกรูฟ พาตัวเองจมลงไปสู่ภายในทีม และช่วยเหลือที่ไหนก็ได้ที่ผมช่วยได้”

●   ลาติฟีนั้นจบ F2 2017 ในอันดับ 5 แต่พบปัญหากับการปรับตัวกับรถคันใหม่ในปี 2018 ซึ่งทำให้เขาจบฤดูกาลเพียงอันดับ 9 ถ้าหากเขาต้องการจะเข้าร่วมการแข่งขัน F1 นักแข่งแคนาเดียนวัย 23 ปี จะต้องจบฤดูกาลภายในท็อป 5 ในปีนี้   ●


ที่มา :
•   motorsport.com.