January 30, 2020
Motortrivia Team (10229 articles)

Grab ขยายบริการ 30 จังหวัดทั่วไทยผ่านโมเดล Mini-GC

ประชาสัมพันธ์

●   แกร็บ ประกาศแผนงานในประเทศไทย ขยายการให้บริการในต่างจังหวัดเต็มรูปแบบผ่านโมเดล Mini-GC (Mini Grab Center) หรือ ศูนย์อบรมสาขาย่อย สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ ขยายฐานผู้ใช้บริการ พร้อมรับสมัคร ดูแล และยกระดับมาตรฐานการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับ–จัดส่งอาหาร รวมถึงพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร เพื่อรองรับแผนการขยายบริการ 30 จังหวัดทั่วไทยภายในปี 2563

●   นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2562 ที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นปีทองของแกร็บ ประเทศไทย โดยธุรกิจของเรามีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งบริการการเดินทาง บริการส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) บริการจัดส่งพัสดุและสิ่งของผ่านแกร็บเอ็กซ์เพรส (GrabExpress) นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าตอบสนองเทรนด์ธุรกรรมทางการเงินในยุคดิจิทัลเพื่อรองรับสังคมไร้เงินสดโดยได้เปิดตัวแกร็บเพย์วอลเล็ต (GrabPay Wallet) อย่างเป็นทางการ รวมถึงนำเสนอบริการเสริมใหม่ๆ อย่างบริการรถรับ-ส่งสำหรับลูกค้าชั้นธุรกิจผ่านแกร็บคาร์ พรีเมียม (GrabCar Premium) บริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวอย่างแกร็บไดรฟ์ยัวร์คาร์ (GrabDriveYourCar) รวมไปถึงบริการสั่งซื้อของสดหรือสินค้าจากท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ตผ่านฟีเจอร์ Groceries โดยปัจจุบันพื้นที่ให้บริการของแกร็บครอบคลุม 20 จังหวัดทั่วประเทศ และเรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทย”

●   ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 35,000 ล้านบาท GrabFood เป็นผู้เล่นรายหลักที่ขับเคลื่อนตลาด และสร้างโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัลให้กับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก

●   นอกจากแคมเปญการตลาดที่ตลอดทั้งปีแล้ว ในปีที่ผ่านมา แกร็บยังได้เริ่มขยายการให้บริการไปยังหัวเมืองและเมืองรอง จากเดิมที่มีเพียงกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาไม่ถึงปีในการขยายธุรกิจ GrabFood ไปยัง 14 จังหวัดทั่วทุกภาค ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี โคราช รวมถึงหาดใหญ่ ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของยอดรวมการสั่งอาหารของ GrabFood มาจากกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด

●   “ในปีนี้ แกร็บเตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายฐานการให้บริการเพื่อให้ครอบคลุม 30 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า ศูนย์อบรมสาขาย่อย หรือ Mini–GC ซึ่งเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายธุรกิจ โดยเราเชื่อว่าโมเดลนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจไปยังจังหวัดท้องถิ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของทั้งพาร์ทเนอร์และผู้ใช้บริการในแต่ละจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่แกร็บได้นำโมเดลนี้มาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนให้กับแกร็บ
ประเทศไทยได้”
นายธรินทร์ กล่าว

●   นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้อํานวยการธุรกิจแกร็บไบค์ และศูนย์อบรมสาขาย่อย แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “Mini-GC เป็นโมเดลธุรกิจที่ แกร็บ ประเทศไทย ตั้งใจนำมาใช้เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพและต้องการก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับแกร็บ โดยเจ้าของศูนย์ฯ จะมีหน้าที่ในการรับสมัคร ดูแล รวมถึงควบคุมมาตรฐานการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับ–ส่งอาหาร และประสานงานกับพาร์ทเนอร์ร้านค้า โดยแกร็บจะคอยให้การสนับสนุนด้านการฝึกอบรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาศักยภาพ พร้อมมีทีมงานที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และประเมินผลคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง”

●   ผู้ประกอบการที่จะร่วมเปิดศูนย์ Mini-GC จะต้องผ่านการพิจารณา 3 ด้าน ภายใต้หลักการ 3 ท. ประกอบด้วย:

●   1) ทุน – คือต้องมีเงินทุนตั้งต้นและมีสถานะทางการเงินมั่นคง

●   2) ที่ – คือมีความสามารถในการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อเปิดศูนย์ฯ และสุดท้าย…

●   3) ทัศนคติ – คือจะต้องมีแนวคิดของการเป็นผู้ประกอบการสมัยใหม่และสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของแกร็บ เพื่อให้สามารถพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทได้ในระยะยาว ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา แกร็บได้เริ่มทดลองใช้โมเดลดังกล่าวในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจและขยายการให้บริการ โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์จัดส่งอาหาร-พัสดุ

●   ปัจจุบัน แกร็บมี Mini-GC จำนวน 24 ศูนย์ โดยตั้งเป้าขยายจำนวนไปในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวภายในสิ้นปี 2563 นี้

●   “การส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักในการดำเนินธุรกิจของแกร็บที่เรียกว่า Grab For Good หรือ แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า โดยเรามุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับทุกคนที่อยู่ในระบบนิเวศธุรกิจของแกร็บ ไม่ว่าจะเป็น พาร์ทเนอร์คนขับ-ส่งอาหาร พาร์ทเนอร์ร้านค้า รวมไปถึงเจ้าของศูนย์ Mini-GC ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถก้าวทันและเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล เราเชื่อมั่นว่า Mini-GC นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจให้กับ แกร็บ ประเทศไทย แต่ยังจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าและสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0” นายธรินทร์ กล่าว

●   สนใจสอบถามข้อมูลได้ทางอีเมล์ [email protected] หรือติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ grabdriverth.com/mini-gc  ●