Volvo S60 และ Volvo V60 ขับสั้นๆ แต่มันส์เร้าใจ
เรื่อง : นาธัส แสงสุริยะ • ภาพ : วอลโว่
● วอลโว่ เปิดตัวซีดานรุ่นล่าสุด S60 ไปเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ล่าสุดจัดทดสอบแบบกลุ่มในกิจกรรม Volvo Driving Experience ภายใต้แนวคิด Protect What Matters, Drive Your Desire รวมมิตรวอลโว่หลายรุ่นที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ทีมงานมอเตอร์ทริเวียจึงเลือกรถรุ่นไฮไลต์อย่าง S60 T8 Twin Engine AWD R-Design ราคา 2.59 ล้านบาท และ V6O T8 Twin Engine AWD Inscription ราคา 2.69 ล้านบาท
มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)
● ช่วงเช้าได้รับเกียรติจาก มร. คริส เวลล์ (Chris Wailes) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และฝ่ายเทคนิคเล่าประวัติการพัฒนาการขับเคลื่อนรถยนต์ด้วยไฟฟ้าของวอลโว่ ที่เริ่มตั้งแต่ปี 1976 กับรถ Electric Car จากนั้นในปี 1992 ก็เปิดตัวรถต้นแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ECC หรือ Environment Concept Car และในช่วงปี 1998-2001 ก็มีการพัฒนารถ ISG หรือ Integrated Starter Generator ใช้ไฟฟ้า 42 โวลต์ และในช่วงปี 2011-2016 ก็มีการพัฒนารถในแบบ PHEV หรือปลั๊ก-อิน ไฮบริด หลายรุ่น ทั้งที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
คุณชนะ นุชนิยม ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
● ระบบ Twin Engine AWD ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในวางด้านหน้า เป็นเครื่องยนต์ที่มีมลพิษต่ำ มาพร้อมซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบชาร์จ ซึ่งให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ ประหยัดเชื้อเพลิง และในเมื่อมีซูเปอร์ชาร์จมาช่วยทำงานในรอบต่ำ จึงสามารถใช้เทอร์โบแรงดันสูงได้โดยไม่มีอาการเทอร์โบแลค ส่งกำลังขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนล้อหลังจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ต้องมีเพลากลาง ลดการสูญเสียพลังงาน และสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นการขับเคลื่อนได้หลายรูปแบบ และจัดวางแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดไว้กึ่งกลางรถ ทำให้มีความสมดุล ลดอาการโอเวอร์สเตียร์และอันเดอร์สเตียร์ มาพร้อมระบบเบรกด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากมอเตอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย
● ระบบเบรกประสิทธิภาพสูงแบบไม่ใช้หม้อลมสุญญากาศ ใช้สำหรับชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้ ลดน้ำหนักจากชิ้นส่วนลงได้ประมาณ 10 กิโลกรัม ลดแรงต้านจากผ้าเบรกเสียดสีจานเบรกในช่วงเริ่มต้นเบรก ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และการระยะความลึกของแป้นเบรกคงที่ทุกสภาวะ ระยะเบรกสั้นลงและตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปิดระบบ Auto Brake ให้ทำงาน
● โหมดการขับประกอบด้วย PURE เน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็วได้ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับได้ไกลสุด 49 กิโลเมตร, HYBRID ใข้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหน้าและหลังร่วมกับเครื่องยนต์ เพื่อประหยัดพลังงาน, POWER เน้นการให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด ทั้งจากแบตเตอรี่และเครื่องยนต์, AWD ขับเคลื่อนแบบ e-AWD เน้นการใช้กำลังเครื่องยนต์ และสำหรับรถในตระกูล XC จะมีโหมด OFF ROAD ใช้สำหรับถนนลื่น และโหมด INDIVIDUAL เลือกการปรับตั้งแบบแยกส่วนได้
ขับ 2 รุ่น S60 และ V60
● ทั้ง 2 รุ่นตัวถังใช้เครื่องยนต์เดียวกันแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด T8 Twin Engine ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1,969 ซีซี ตระกูล Drive-E กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที, มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 87 แรงม้า, ระบบอัดอากาศ 2 ระบบ ซูเปอร์ชาร์จ และเทอร์โบชาร์จ รองรับแก๊สโซฮอล์ E10 ถังน้ำมันจุ 60 ลิตร, แบตเตอรี่แพคสำหรับสำรองพลังงานไฟฟ้า, ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ Geartronic รุ่น R-Design มี Paddle-Shift
● กำลังรวมทั้งระบบ 407 แรงม้า แรงบิดรวม 640 นิวตันเมตร หมุนล้อแบบ all-wheel drive อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 42 กรัมต่อกิโลเมตร
● มิติตัวรถรุ่น S60 R-Design มีความยาว 4,761 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,431 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้าหลัง 1,603 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,872 มิลลิเมตร ยางขนาด 235/40 R19
● เริ่มทดสอบด้วยการขับสลาลมกว้างๆ ตัวรถหนักแน่นดีตามสไตล์ยุโรป ระบบกันสะเทือนหน้าปีกนกคู่และ Integral Link ที่ด้านหลัง เซตมาค่อนข้างหนีบกระชับ รองรับแรงม้าแรงบิดของเครื่องยนต์ได้ดี การกระจายน้ำหนักของตัวรถมีความสมดุล รวมทั้งมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาช่วย ทำให้ขับได้คล่องตัวเกินคาด จากนั้นโค้งซ้ายต่อเนื่องด้วยการขับผ่านไพลอนที่วางไว้แคบๆ เพื่อลองความคล่องตัว แม้เป็นรถสมรรถนะสูงแต่ที่ความเร็วต่ำก็ยังสามารถควบคุมรถได้ง่าย พวงมาลัยแม่นยำแต่ยังรู้สึกว่าหนักไปนิดที่ความเร็วต่ำ ตรงนี้การปรับท่านั่งที่ถูกต้อง จะช่วยให้มีแรงหมุนพวงมาลัยได้ดี
● ผ่านจากสถานีที่ 2 เข้าสู่การวนซ้ายรอบไพลอน ลองกดคันเร่งหนักๆ ตัวรถยังค่อนข้างเป็นกลาง ควบคุมง่าย มีอาการอันเดอร์สเตียร์ให้รู้สึกไม่มากนัก วนครบรอบเข้าสู่ช่วงเซอร์กิตย่อมๆ ลองเปลี่ยนความเร็วด้วยการเร่งและผ่อนคันเร่ง รู้สึกว่าการตอบสนองเป็นธรรมชาติ ทั้งที่รถใช้การขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนล้อหน้าขับด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ ลองช่วงล่างอีกครั้งให้หายสงสัย ตัวรถหนึบแน่นโยกสะบัดหลบไพล่อนได้เฉียบคมและนิ่งมั่นคง โค้งกว้างโค้งแคบ โยนใส่เข้าไปได้อย่างมั่นใจ ระบบเบรกแบบไร้หม้อลม ยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ผู้ขับไม่ต้องปรับตัว และให้แรงเบรกที่เหลือเฟือสมน้ำสมเนื้อกับแรงม้าแรงบิด
● ช่วงลองอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ลองโหมด Power ออกตัวด้วยการกดคันเร่งมิด ถึงจุดที่ต้องเบรก ทำความเร็วทะลุ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นเข้าสู่ช่วงสุดท้ายคือ การหลบหลีกสิ่งกีดขวางผ่านช่องแคบๆ ตัวรถค่อนข้างยาวแต่คล่องและควบคุมง่าย ขับรุ่นซีดานต่ออีก 2 รอบ ลองใช้โหมดการขับให้ครบ ทั้ง Constant AWD, Pure ขับแบบประหยัด, Hybrid สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และ Individual เลือกปรับแยกได้ตามความต้องการ แต่ไม่ได้ลองเพราะมีคนต่อคิวเยอะ เนื่องจากเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว
● ขับรุ่นซีดานเสร็จแล้วสลับไปขับรุ่น V6O T8 Twin Engine AWD Inscription ตัวถังแวกอนไม่ได้ทำให้ความคล่องตัวลดลงแต่อย่างใด การกระชากพวงมาลัยเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง ยังคงทำได้อย่างหนักแน่น ตัวรถไปพร้อมกันทั้งคันอย่างสมดุล ในช่วงขับวงกลมกลับรู้สึกว่า V60 ทำความเร็วได้สูงกว่า ขับง่ายกว่า และล้อหลังจิกเกาะถนนได้ดีกว่ารุ่น S60 ด้วยซ้ำ
● โดยรวม รถทั้ง 2 รุ่น มีความน่าสนใจทั้งในแง่เทคโนโลยีการขับเคลื่อน ที่ผสมผสานทั้งความแรง และความประหยัดเข้าไว้ด้วยกัน การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ามีความราบรื่นสอดคล้องกับเครื่องยนต์ ช่วงล่างรองรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี ภายในมีเอกลักษณ์ของวอลโว่ หรูหรา คลาสสิก ผสมความสปอร์ตไว้นิดๆ
● อีกหนึ่งจุดเด่นของรถ S60 และ V60 คือ การตั้งราคาที่เหมาะสม เพิ่มความน่าใช้ และน่าจะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น ●
DOWNLOAD BROCHURE : VOLVO 60
DOWNLOAD BROCHURE : VOLVO V0