April 10, 2020
Motortrivia Team (10203 articles)

การเตรียมรถยนต์ให้พร้อม เมื่อต้องจอดเป็นเวลานาน

ประชาสัมพันธ์

●  ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 หนึ่งในสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือ การลดการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น ยังผลให้หลายคนต้องจอดรถทิ้งไว้ที่บ้านนานกว่าปกติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถได้

●  อย่างไรก็ตาม การรับมือกับจอดรถเป็นเวลานานไม่ยากอย่างที่คิด ควิกเลน มีข้อปฏิบัติง่ายๆ ที่สามารถช่วยรักษาสภาพรถของคุณให้ยังอยู่ในสภาพดีในช่วงที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ดังนี้:

●  1. ล้างรถ : เพื่อเอาคราบสกปรกที่อาจติดแน่นและทำร้ายพื้นผิวรถยนต์ออกไป โดยอาจมีการลงแว็กซ์เคลือบสีรถ เพื่อเพิ่มการรักษาและการป้องกันพื้นผิวที่มากขึ้น หรือใช้ผ้าคลุมรถ

●  2. เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง : หากคิดว่าจะจอดรถนานเป็นเดือน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่จะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ได้หากต้องจอดรถนานๆ โดยไม่ขับ เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมักมีสิ่งปนเปื้อน และมีสภาพเป็นกรด ซึ่งอาจทำร้ายชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ได้

●  3. ไม่ควรดึงเบรคมือ : เพราะเบรคอาจติดได้ และอาจเจอปัญหาขยับรถไม่ได้เมื่อต้องการเคลื่อนรถ หากต้องการไม่ให้รถไหล ควรใช้บล็อกไม้หรือวัสดุอื่นที่ไม่ทำความเสียหายให้กับยางรถยนต์วางไว้ที่ล้อแทนการดึงเบรคมือ

●  4. เติมน้ำมันเต็มถัง : การเติมน้ำมันให้เต็มถัง สามารถป้องกันความชื้นที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้ และช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในถังน้ำมัน ในกรณีถังเป็นโลหะ

●  5. เช็คและเติมลมยาง : ควรเติมลมยางให้ได้ค่าตามที่ผู้ผลิตรถกำหนด โดยดูได้จากเสาประตูข้างผู้ขับ หรือในฝาปิดถังน้ำมัน หรือในคู่มือการใช้รถ โดยควรตรวจเช็คลมยางอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อรักษาลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ยางคงสภาพและคงรูปทรงของยางได้

●  6. หาที่จอดรถที่เหมาะสม : แสงแดด ฝน หรือความชื้น ส่งผลกระทบต่อสภาพและอุปกรณ์ของรถ เช่น อุปกรณ์ที่เป็นยางจะเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร สีตัวรถซีดเร็ว การเกิดเชื้อราและสนิม ผู้ขับควรจอดรถในโรงรถ หรือในอาคารที่ร่ม หรือใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำแทนในกรณีที่ต้องจอดในที่แจ้ง หลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากกิ่งไม้หรือยางไม้อาจหักหรือหล่นมาโดนรถ และควรหลีกเลี่ยงการจอดในบริเวณพงหญ้าหรือจุดทิ้งขยะ เพราะมีโอกาสที่หนูจะเข้าไปอาศัยหรือทำรังใต้กระโปรงรถ

●  7. สตาร์ตรถเป็นระยะ : การจอดรถทิ้งไว้โดยไม่มีการสตาร์ตเครื่องยนต์เป็นเวลานาน ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ และแบตเตอรี่อาจหมดได้ เพราะระบบของรถ เช่น ระบบกันขโมย วิทยุ กล่องควบคุมอีเลคโทรนิค ยังคงดึงไฟจากแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา แม้ในเวลาที่ไม่ได้สตาร์ตเครื่องยนต์ก็ตาม ดังนั้น จึงควรหมั่นสตาร์ตเครื่องยนต์เป็นระยะ ความถี่ขึ้นอยู่กับความสะดวกและสภาพของรถแต่ละคัน ตั้งแต่ทุก 2 วัน ไปจนถึงทุก 2 อาทิตย์ โดยควรสตาร์ตเครื่องประมาณ 15 นาที และถ้าเป็นไปได้ควรนำรถออกไปขับประมาณ 15 – 30 นาทีเพื่อชาร์จไฟคืน เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ได้ยืดเส้นยืดสาย ให้ได้รับการหล่อลื่น และช่วยไม่ให้เกิดการติดขัดเฉพาะจุด นอกจากนี้ให้เปิดแอร์ในขณะที่สตาร์ตรถด้วย เพื่อช่วยให้ชิ้นส่วนในระบบได้ทำงานบ้าง

●  8. ขยับรถเพื่อรักษาสภาพยาง : การจอดรถอยู่กับที่นานๆ จะทำให้เกิดการยุบตัวของยางส่วนที่สัมผัสกับพื้น เนื่องจากน้ำหนักของรถทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่จุดเดียวของยางแต่ละเส้น ส่งผลให้โครงสร้างยางเสียรูป ดังนั้นเราจึงควรขับเคลื่อนรถเพื่อให้ยางได้หมุนบ้าง โดยอาจจอดห่างจากจุดเดิมประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งจุดรับน้ำหนักของยาง

●  9. ป้องกันไม่ให้สัตว์เข้ารถ : ช่อง ซอก และรูของรถ เช่น ท่อไอเสีย ช่องลม ช่องทางเหล่านี้สัตว์เล็กๆ สามารถแทรกตัวเข้าไปได้ นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว สัตว์พวกนี้ยังอาจเข้าไปกัดชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะสายไฟได้ ดังนั้นเราจึงควรหาวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เข้าไป

●  ทั้งนี้ ก่อนที่จะนำรถกลับมาใช้งานอีกครั้ง ผู้ขับควรตรวจเช็คสภาพรถทั้งภายนอก ภายใน ระบบไฟ เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึงสภาพยางปัดน้ำฝน แบตเตอรี่ ลมยาง ไปจนถึงระดับของเหลว เช่น น้ำมันเบรค น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในปริมาณและสภาพที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน

●  หากต้องการเพิ่มความอุ่นใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คโดยผู้เชี่ยวชาญ ควิกเลน พร้อมให้บริการบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครอบคลุมลักษณะงานมากถึง 14 ประเภท เช่น การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตรวจซ่อมระบบเบรค โช๊คอัพและระบบช่วงล่าง และแบตเตอรี่รถยนต์

●  ควิกเลนทุกสาขาทั่วประเทศ ยังคงเปิดให้บริการทุกวัน เพื่อให้บริการดูแลรถยนต์ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็น โดยมีมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าที่เข้ารับบริการในช่วงนี้

●  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-039-5798 ให้บริการตลอด 7 วัน ระหว่าง 8.00 – 20.00 น.  ●