August 31, 2020
Motortrivia Team (10265 articles)

Rolls-Royce ปรับอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

ประชาสัมพันธ์

●  “ดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้น” (Take the Best that Exists and Make it Better.)

●  ในวันที่ เซอร์ เฮนรี รอยซ์ (Sir Henry Royce) ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ได้เอ่ยวลีนี้ออกมา โรลส์-รอยซ์ก็ได้เริ่มการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก กลายเป็นแบรนด์แห่งความหรูหราชั้นนำ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของโรลส์-รอยซ์ ได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างของงานหัตถศิลป์ที่เกิดจากการนำวัสดุที่ดีที่สุดมาปรับแต่งด้วยทักษะระดับปรมาจารย์ ชื่อแบรนด์และรูปปั้นที่มีชื่อเสียงอย่าง Spirit of Ecstasy ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของผลงานรังสรรค์ที่ดีที่สุดในแวดวงยานยนต์จนอาจกล่าวได้ว่า ชื่อของโรลส์-รอยซ์ นั้นมีความหมายเดียวกับคำว่าความหรูหรา

●  ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โรลส์-รอยซ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา โดยมีการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกไปถึง 5 รุ่น แต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะ และเกือบทุกคันที่ได้รับการผลิตที่ Global Centre of Luxury Manufacturing Excellence ของแบรนด์ในกู๊ดวูด เวสต์ซัสเซ็กส์ คือการรังสรรค์แบบสั่งผลิตพิเศษ หรือบีสโป๊ค (Bespoke) ซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลายและมีรสนิยม การเปิดตัว Black Badge ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของแบรนด์ได้ตอบสนองความปรารถนาของลูกค้ากลุ่มนี้ ที่ต้องการสัมผัสโรลส์-รอยซ์ในมุมใหม่ที่มีความเฉี่ยวมากขึ้น มีบุคลิกที่มั่นใจและทรงพลัง ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มอายุของลูกค้าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ยอยู่ที่เพียง 43 ปี

●  แต่แบรนด์จะนำเสนอตัวตนผ่านภาพลักษณ์ที่ยังคงไว้ซึ่งมรดกของอัตลักษณ์เดิม ไปพร้อมๆ กับการแสดงออกถึงอนาคตที่ร่วมสมัยได้อย่างไร?

●  มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส (Torsten Müller-Ötvös) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรลส์-รอยซ์ ให้ความเห็นว่า “เนื่องจากแบรนด์ของเราปรากฏตัวผ่านสื่อดิจิทัลมากขึ้น นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่การสื่อสารของบริษัทจะต้องสะท้อนจุดยืนของเราในฐานะแบรนด์ลักซ์ชัวรีชั้นนำของโลก เราได้เริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจในการปรับอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ กลุ่มลูกค้า ทั้งด้านไลฟ์สไตล์ และโลกแห่งความหรูหราที่รายล้อมพวกเขา”

●  โรลส์-รอยซ์ ได้เลือกใช้บริการ Pentagram สตูดิโอออกแบบที่โดดเด่นเรื่องความหลากหลายในศาสตร์และศิลป์ และเป็นที่ยอมรับในวงการออกแบบ ให้ทำหน้าที่จินตนาการถึงอัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ โดยจะต้องสามารถพาแบรนด์ให้ก้าวไปไกลมากกว่าการเป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก และสามารถสะท้อนภาพลักษณ์และจุดยืนของแบรนด์ในฐานะแบรนด์แห่งความหรูหราอย่างแท้จริงได้ นอกจากนี้ยังจะต้องดึงดูดกลุ่มประชากรลูกค้าที่อายุน้อยลง และสิ่งที่พวกเขาเป็นทั้งในโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง

●  เพนทาแกรม เริ่มงานโดยศึกษาความเป็นโรลส์-รอยซ์อย่างลึกซึ้ง ทั้งผลิตภัณฑ์เก่าและใหม่ จิตวิญญาณของการออกแบบ ทีมออกแบบ องค์ประกอบที่เป็นหัวใจของแบรนด์ และความสัมพันธ์แสนพิเศษระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เพนทาแกรมใช้เวลาสำรวจฐานการผลิตเพื่อทำความเข้าใจแก่นแท้ของการรังสรรค์แบบบีสโป๊ก และเรียนรู้ว่ามันกลายเป็นกุญแจสำคัญของโรลส์-รอยซ์แบบร่วมสมัยได้อย่างไร

●  มารีนา วิลเลอร์ (Marina Willer) พาร์ทเนอร์ จากเพนทาแกรมกล่าวว่า “สิ่งที่เราสังเกตได้ชัดเจนก็คือ โรลส์-รอยซ์ ได้มีวิวัฒนาการจากที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงผู้ผลิตยนตรกรรม บัดนี้ได้กลายมาเป็นผู้นำด้านความหรูหราของโลก สิ่งสำคัญสำหรับเราก็คือจะทำอย่างไรให้อัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์สามารถสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จริงๆ เราจะต้องนำเสนอแนวคิดที่ล้ำหน้า มีความสดใหม่ และตรงประเด็น เพื่อสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยยังเคารพลูกค้ากลุ่มเดิมที่อยู่กับบริษัทมาอย่างยาวนาน”

●  วิลเลอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า เธอสามารถเข้าถึงการปรับโฉมการออกแบบของแบรนด์จากมุมมองใหม่ “ด้วยความที่ดิฉันไม่ได้มีพื้นฐานด้านยานยนต์ จากจุดที่ยืนอยู่นี้ ดิฉันจึงได้มีโอกาสพินิจโรลส์-รอยซ์อย่างเต็มที่ในฐานะผู้ผลิตสินค้าหรูหรา ความมุ่งหวังของดิฉันคือการชูความหรูหราของแบรนด์ผ่านการสื่อสารด้วยภาพกับลูกค้าของโรลส์-รอยซ์ที่อายุน้อยลง และมีความหลากหลายมากขึ้น”

Spirit of Ecstasy

●  สัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี คือสัญลักษณ์แห่งความหรูหราสไตล์อังกฤษที่ทันสมัยและเป็นที่จดจำได้ในทันทีที่เห็น สัญลักษณ์นี้ประดับอยู่ที่ส่วนหน้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์มาตั้งแต่ปี 2452 และในปัจจุบันก็ยังคงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก เป็นจุดศูนย์รวมของความสวยงาม หรูหรา มีสไตล์ และความสมบูรณ์แบบ

●  ในวันนี้ อัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์จะยิ่งเพิ่มความสำคัญให้กับสัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี แม้ว่าตัวรูปปั้นอันสงบนิ่งที่เสริมความสง่างามให้กับตัวรถจะยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่รูปปั้นในอีกรูปแบบหนึ่งจะถูกสร้างขึ้นในแบบของภาพวาดเพื่อให้สามารถทำการสื่อสารได้อย่างชัดเจนในโลกเสมือนจริงของยุคปัจจุบัน

●  มาสคอตแบบดั้งเดิมนั้นถูกวาดและปั้นโดย ชาร์ลส์ สกายส์ (Charles Sykes) ศิลปินชาวสหราชอาณาจักร และเพื่อเป็นการเคารพต่อผลงานรังสรรค์แห่งประวัติศาสตร์ชิ้นนี้ เพนทาแกรม จึงได้เชิญ คริส มิทเชลล์ (Chris Mitchell) นักวาดภาพแบรนด์ไอคอนชื่อดัง ให้ออกแบบสัญลักษณ์ที่กลั่นออกมาจากรูปปั้นอันทรงเอกลักษณ์นี้

●  คริส ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพนทาแกรมเพื่อดึงเอาพลังจากความเงียบและธรรมชาติที่ทรงอำนาจของรูปปั้นออกมาและให้ความสำคัญกับสัดส่วนของรูปปั้นเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและอานุภาพที่ไม่มีร่องรอยของความอ่อนแอหรืออ่อนข้อปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย เมื่อนำมาแสดงในรูปแบบ 2 มิติ รูปปั้นจะเปลี่ยนทิศทางจากซ้ายเป็นขวา สื่อถึงการก้าวไปสู่อนาคตอย่างกล้าหาญ อันเป็นภาพสะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์

●  มารีนา วิลเลอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีแบบใหม่คือจุดเปลี่ยนในภาพลักษณ์ของแบรนด์จากบริบทของยานยนต์ไปสู่บริบทของไลฟ์สไตล์ มันสื่อถึงความมุ่งมั่นในโลกแห่งความหรูหรา และด้วยความเป็นหัวใจของภาษาภาพของแบรนด์ ทำให้สัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีนั้นนอกจากจะเป็นสิ่งที่สื่อถึงตัวยนตรกรรมแล้ว ยังสามารถตีความได้ว่าเป็นมิวส์ของแบรนด์อีกด้วย”

เรื่องของการใช้สี

●  เพนทาแกรม ได้พิจารณาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกสีสำหรับการออกแบบอัตลักษณ์ใหม่ และพบว่าสีโทนน้ำตาลแบบเนื้อไม้และเส้นใยพิเศษสีเทาแกรไฟต์ที่มีรายละเอียดบนพื้นผิวสูงคือเฉดสีที่แต่งแต้มวัสดุหนังหลากหลายสีของโรลส์-รอยซ์ และแม้ว่าการใช้พาเลทสีดังกล่าวจะเป็นการแสดงความซื่อตรงต่อต้นกำเนิดทางศิลป์ของผลิตภัณฑ์ แต่สีน้ำตาลและสีเทาของหินชนวนกลับตีกรอบอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ติดอยู่กับอดีต ความปรารถนาของเราคือการมองหาพาเลทสีที่หรูหรายิ่งขึ้นและสื่อความหมายได้ดีกว่าเดิม เป็นพาเลทที่ดึงดูดลูกค้าทั้งชายและหญิง และสื่อถึงวิสัยทัศน์ใหม่

●  เพนทาแกรมให้ความสนใจกับสีม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีม่วงโทนเข้มและดูสง่างาม ในอดีตสีม่วงนั้นเป็นสีที่หาได้ยากตามธรรมชาติและมีรากฐานอยู่ในตำนานเทพปกรณัม ศิลปะ ความเลื่อมใสในศาสนา และความเป็นราชนิกูล จึงทำให้เป็นสีที่สื่อถึงความมั่งคั่งและอำนาจอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับสัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี เฉดสีใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจึงมีชื่อว่าสี เพอเพิล สปิริต (Purple Spirit) และจะเป็นสีที่เบิกทางไปสู่อนาคตแห่งความหรูหราในฐานะสีของของโรลส์-รอยซ์

●  สีโรสโกลด์แบบบเมทัลลิคถูกเลือกมาเพื่อเสริมให้สีม่วงเฉดใหม่ยิ่งสมบูรณ์แบบ เฉดสีที่หรูหราและทันสมัยนี้จะสงวนไว้สำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานนาน และจะใช้ในรูปแบบการพิมพ์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการกำหนดพาเลทสำหรับสีเฉดรองอื่นๆ ที่จะถูกนำมาใช้ร่วมกับโทนสีหลักทั้ง 2 นี้ด้วย

●  ซามี คูลทัส (Sami Coultas) นักออกแบบฝ่าย Bespoke Colour and Trim ของโรลส์-รอยซ์ กล่าวว่า “สีเพอเพิล สปิริตเป็นสีที่มีความลุ่มลึกและทรงพลัง เป็นสีแห่งความทันสมัยที่ชวนให้นึกถึงค่ำคืนที่มืดมิดและสง่างาม มันมีพลังงานที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ด้วยความเข้มแข็งและทะเยอทะยาน เป็นโทนสีที่เหมาะกับโรลส์-รอยซ์ เรายังใช้สีโรสโกลด์แบบเมทัลลิกมาเสริมเพื่อเพิ่มความหรูหราและสง่างามให้กับองค์ประกอบของแบรนด์ที่ผลิตด้วยการพิมพ์”

●  ส่วนภาพลักษณ์แห่งรัตติกาลอันดำมืดที่ห้อมล้อมรถรุ่น Black Badge ของโรลส์-รอยซ์ ณ ตอนนี้ ได้ถูกตัดด้วยสีสันที่เป็นตัวแทนของยนตรกรรมแต่ละรุ่น สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะอันโดดเด่นของอีกหนึ่งตัวตนของโรลส์-รอยซ์

ตราเกียรติยศ, ข้อความชื่อแบรนด์ และโมโนแกรม

●  ตราเกียรติยศ หรือ Badge of Honor)รูปตัว ‘R’ คู่ คือสัญลักษณ์ของความหรูหราเหนือกาลเวลา ซึ่งสื่อถึง ‘โรลส์’ และ ‘รอยซ์’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศทางวิศวกรรมและผลงานที่ดีที่สุดของความพยายามของมนุษย์ จึงไม่แปลกใจที่ตราสัญลักษณ์อันเลื่องชื่อนี้จะยังคงอยู่เช่นเดิม ตราเกียรติยศนี้จะปรากฏอยู่บนผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ โดยจะสงวนไว้ให้สำหรับผลงานสร้างสรรค์อันล้ำค่าที่เกิดขึ้น ณ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ซัสเซ็กส์ เท่านั้น

●  สัญลักษณ์โมโนแกรมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะมาแทนที่ตราเกียรติยศสำหรับใช้ในองค์ประกอบอื่นที่มีความสำคัญรองลงมา ในขณะที่ข้อความชื่อ “Rolls-Royce Motor Cars” ที่อยู่เหนือประตูของอาคารต่างๆ ของแบรนด์นั้น พบว่าให้ความรู้สึกของความเป็นบริษัท และไม่สื่อถึงจุดยืนปัจจุบันของแบรนด์ในฐานะแบรนด์แห่งความหรูหรา

●  เพนทาแกรม ได้ค้นพบภาพข้อความในหอจดหมายเหตุของแบรนด์ ซึ่งถูกวาดขึ้นช่วงทศวรรษ 1930 และได้นำมาปรับโดยใช้ศิลปะแบบ art-deco เป็นพื้นฐานในการออกแบบข้อความในรูปแบบที่เหมาะกับโรลส์-รอยซ์ในปัจจุบัน คำว่า ‘Motor Cars’ ถูกปรับลดขนาดลดลง คำว่า ‘Rolls-Royce’ ถูกขยายให้ขึ้นมาเด่นกว่า เพื่อให้สอดรับกับอิทธิพลของแบรนด์ที่แผ่ขยายไปนอกอุตสาหกรรมยานยนต์ ข้อความได้รับการปรับแต่งให้สวยงามมากขึ้น เปรียบดังเสียงกระซิบที่เงียบแต่ทรงพลังของโรลส์-รอยซ์แบบร่วมสมัย ตัวอักษร ‘R’ ได้รับความสำคัญเป็นพิเศษเพื่อให้สื่อถึงความมั่นคงและโดดเด่นของตัวอักษรที่แสนสำคัญนี้ในคำว่า Rolls-Royce

แบบอักษร

●  เพนทาแกรมสำรวจแบบอักษร หรือ ฟ๊อนท์ หรือ Typeface มากมายเพื่อค้นหาตัวพิมพ์ที่แสดงถึงความหรูหราในแบบที่ไม่ต้องมีการแต่งแต้ม โดยแบบอักษรนี้จะต้องสามารถสื่อถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ได้ด้วย

●  และแบบอักษรที่เพนทาแกรมเลือกคือ Riviera Nights ซึ่งมีที่มาจากแบบอักษรตระกูลเดียวกับ Gill Sans Alt ที่แบรนด์ใช้อยู่ก่อนหน้า แต่มีการปรับตัวอักษรและเพิ่มความเอียงของขอบมากขึ้น

The Spirit of Ecstasy Expression

●  แนวคิดการออกแบบภาษาภาพที่ใช้ร่วมกับสัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี โฉมใหม่มีชื่อว่า ‘ดิ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี เอ็กเพรสชัน’ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความทันสมัยและกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิง ด้วยความรู้สึกงดงามเหมือนฝันแต่มีความเป็นเทคโนโลยีทันสมัยให้กับอัตลักษณ์ใหม่ ดิ เอ็กเพรสชัน สื่อถึงจุดยืนในไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของแบรนด์

●  งดงามราวผ้าไหม ดิ เอ็กเพรสชัน เลือกใช้รูปแบบที่มีความลื่นไหลและประยุกต์ใช้ได้หลายแนว นอกจากนี้ เพนทาแกรมยังได้พัฒนาเครื่องมือในการสร้างภาพจากโค้ดเพื่อให้ ดิ เอ็กเพรสชัน สามารถนำไปใช้บนพื้นผิวใดก็ได้ ตั้งแต่การฉายภาพไปจนถึงงานปัก งานพิมพ์ และงานแกะสลัก และสามารถพบได้ทั้งในรูปของการตกแต่งอาคารระดับโลกต่างๆ ของแบรนด์ และในรูปแบบดิจิทัลที่ช่วยเชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ ‘ดิ เอ็กเพรสชัน’ จะกลายเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของแบรนด์ และเป็นตัวบ่งชี้หลักของแบรนด์แห่งความหรูหรา

MUSE โครงการศิลปะโรลส์-รอยซ์

●  ก่อนหน้านี้ เพนทาแกรมได้รับหน้าที่ออกแบบอัตลักษณ์ให้กับโฉมใหม่ของโครงการศิลปะโรลส์-รอยซ์ (The Rolls-Royce Art Programme) โครงการนี้ได้เปิดตัวอีกครั้งในปี 2019 โดย MUSE ประกอบด้วยโครงการริเริ่มใหม่ราย 2 ปี ได้แก่ โครงการ Dream Commission และ โครงการ The Spirit of Ecstasy Challenge

●  เพนทาแกรมได้ออกแบบอัตลักษณ์ที่โดดเด่นซึ่งสื่อถึงความมุ่งมั่นของโครงการในการพัฒนาศิลปะภาพเคลื่อนไหว และเชื่อมโยงเข้ากับแบรนด์ผ่านการใช้ ดิ เอ็กเพรสชัน

●   สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรลส์-รอยซ์ ประเทศไทย เชิญได้ที่ www.rolls-roycemotorcars-bangkok.com