February 8, 2021
Motortrivia Team (10203 articles)

Bentley Continental GT คันที่ 80,000 ณ Home of Bentley

motortrivia

●  เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ผลิต Bentley Continental GT ที่สุดของยนตรกรรม แกรนด์ ทัวร์ริ่งคันที่ 80,000 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย โดย Continental GT คันที่ 80,000 ในสีส้มเพลิง Orange Frame พวงมาลัยขวาคันนี้ ได้ประกอบด้วยช่างผีมือเสร็จสิ้นไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ

●  ในปี พ.ศ. 2495 Bentley R-Type Continental เปิดตัวเป็นครั้งแรก พร้อมตัวถังแบบคูเป้ โดย Mulliner ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่ง ณ ตอนนั้นถือเป็นรถยนต์สี่ที่นั่งที่เร็วที่สุดโลกและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในฐานะที่สุดของยนตรกรรมหรูความเร็วสูง

●  ในปี พ.ศ. 2546 Continental GT ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกและถือได้ว่าเป็นยนตรกรรมรุ่นแรกในยุคสมัยใหม่ของเบนท์ลีย์ โดยตัวรถมีแรงบันดาลใจมาจาก Bentley R-Type Continental ซึ่งได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในตลาดรถยนต์แกรนด์ ทัวร์ริ่งหรูในยุคนั้น จากนั้น ได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่มีใครสามารถล้มได้ โดยมียอดส่งรถให้ลูกค้าทั่วโลกสูงถึง 5,000 คันต่อปี

●  18 ปีให้หลัง จนถึงวันนี้ ช่างฝีมือของเบนท์ลีย์หลายคนที่ได้มีส่วนร่วมในการประกอบ เดอะ คอนติเนนทัล จีที คันแรก ยังคงมีส่วนร่วมในการประกอบคันที่ 80,000 และ ณ ตอนนี้ การออกแบบ เทคโนโลยี และวิศวกรรมยานยนต์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ก่อให้เกิดพละกำลังที่มากขึ้นกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม โมเดลตระกูลคอนติเนนทัล จีที ยังคงประสบความสำเร็จในการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงกว่า 48 เปอร์เซ็นต์

●  เอเดรียน ฮอลล์มาร์ก (Adrian Hallmark) ประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “ในปี พ.ศ. 2546 เบนท์ลีย์ มอเตอร์สได้ปฏิวัตินิยามของรถยนต์แกรนด์ ทัวร์ริ่งสมัยใหม่ด้วยยนตรกรรมคอนติเนนทัล จีที และในปี พ.ศ. 2564 ยนตรกรรมคอนติเนนทัล จีที ก็ยังคงเป็นสุดยอดแกรนด์ ทัวร์เรอร์ ที่ได้หลอมรวมเทคโนโลยีล่าสุด สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน นี่คืออีกหนึ่งข้อพิสูจน์ของทักษะจากทีมออกแบบ ทีมวิศวกร และทีมช่างฝีมือผู้ชำนาญงานของเราที่เมืองครูว์แห่งนี้”

●  “ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว เดอะ คอนติเนนทัล จีที ในช่วงแรกที่ผมเข้ามาบริหาร เมื่อปี 2546 และการมาอยู่จุดนี้ ณ ตอนเปิดตัวของเจเนอเรชันล่าสุดของ เดอะ คอนติเนนทัล จีที และรุ่นอื่นๆที่ตามมา โดยส่วนตัวแล้ว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเกียรติสำหรับผมมาก ผมเชื่อว่า เดอะ คอนติเนนทัล จีทีจะยังคงเป็นโมเดลที่โด่งดังและสร้างชื่อเสียงให้กับเบนท์ลีย์ในอีกหลายปีข้างหน้า ถึงแม้ว่าเราจะเปลี่ยนผ่านไปเป็นผู้ผลิตรถหรูที่รักษาสิ่งแวดล้อมชั้นนำของโลกแล้วก็ตาม”

●  พื้นฐานตัวถังของ Continental GT ได้ถูกพัฒนาสำหรับเจเนอเรชันที่สาม ทำให้การรับน้ำหนัก สัดส่วน และความคล่องตัวได้ถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง และงานออกแบบตัวถังใหม่ที่โฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้นนั้น ส่งผลให้ Continental GT ยังคงเป็นยนตรกรรมแกรนด์ ทัวร์ริ่งที่มีสไตล์และดีไซน์โด่ดเด่นล้ำสมัยเช่นเคย

●  Continental GT เจเนอเรชันที่ 3 คือนิยามของความหรูหราที่แท้จริง ที่ซึ่งถ่ายทอดความสำเร็จด้านวิศวกรรมยานยนต์และผลงานการออกแบบยนตรกรรมสองประตูของเบนท์ลีย์ สะท้อนให้เห็นถึงความงดงาม และความประณีตที่ถูกรังสรรค์ผ่านตัวถังและวัสดุต่างๆ บนที่สุดอัครยนตรกรรมคันนี้

●  ด้วยตัวเลือกของเครื่องยนต์ เฉดสีที่มีมากที่สุดในโลก และตัวเลือกการออกแบบภายในที่ไม่จำกัด ตัวเลือกเฉพาะตัวที่โดดเด่นเหล่านี้ทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์ความโด่ดเด่นในแบบของคุณได้มากมาย แท้ที่จริงแล้ว ลูกค้าสามารถรังสรรค์ Continental GT ได้มากถึง 1.7 หมื่นล้านดีไซน์ นอกเหนือจากนี้ Bentley Mulliner แผนกออกแบบของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะรังสรรค์จินตนาการของลูกค้า ซึ่งการเป็นเจ้าของ Continental GT จะการันตีได้ถึงความโดดเด่นเฉพาะตัวและความเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนึ่งใน 80,000 คันก็ตาม

●  Continental GT V8 คันที่ 80,000 นี้อยู่ในสีส้มเพลิง Orange Flame พร้อมชุดแต่ง Blackline Specification และ Styling Specification ตอกย้ำสไตล์อันล้ำสมัยและสมรรถนะของ Continental GT ได้เป็นอย่างดี

จากเจเนอเรชันสู่เจเนอเรชันของ The Continental GT

  • Continental GT คันแรก หมายเลข VIN 0001 ยังคงเป็นหนึ่งในรถที่ยังคงใช้งาน และเป็นรถทดสอบอยู่ในปัจจุบันของเบนท์ลีย์
  • Continental Supersports Coupe ได้กลายเป็นที่สุดของอัครยนตรกรรมในเจเนอเรชันแรกของตระกูล Continental GT
  • เจเนอเรชันที่สองของ Continental GT V8 S Coupe ในสี Jetstream
  • โมเดลรุ่นปัจจุบัน คือ Continental GT Convertible สี Dragon Red

●  Continental GT เป็นส่วนสำคัญในการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตอันยาวนานของเบนท์ลีย์ และได้ทุบสถิติตั้งในปี พ.ศ. 2463 โดย จอห์น ดัฟฟ์ (John Duff) ได้ขับรถยนต์เบนท์ลีย์ขนาดเครื่องยนต์ 3 ลิตรในการแข่งขัน เลอ ม็อง 24 ชั่วโมง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 87 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Brooklands ได้ตำแหน่ง 39 คลาส ดี เรคคอร์ด และในปี พ.ศ. 2471 รถยนต์เบนท์ลีย์ขนาดเครื่องยนต์ 3 ลิตรอีกคัน ซึ่งขับโดย ดัดลีย์ ฟลอย (Dudley Froy) ได้กลายมาเป็นรถยนต์คันแรกที่ทำความเร็วได้กว่า 115 ไมล์ต่อชั่วโมง ในระยะทางที่ไกลกว่า 100 ไมล์ในสนามเดียวกัน

บันทึกสถิติหน้าสำคัญด้านสมรรถนะของ The Continental GT

  • การทดสอบความเร็วบนพื้นน้ำแข็งครั้งแรกของเดอะ คอนติเนนทัล จีที ซึ่งขับโดยแชมป์เปียนแรลลี่ระดับโลกอย่าง Juha Kankkunen ทุบสถิติการทดสอบความเร็วบนพื้นน้ำแข็งระดับโลกในปี พ.ศ. 2550 ด้วยความเร็วเฉลี่ยกว่า 199.86 ไมล์ต่อชั่วโมง (321.65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) บนทะเลน้ำแข็งนอกชายฝั่งประเทศฟินแลนด์
  • รถแข่ง Continental GT3 เจเนอเรชันแรก ได้ทำให้เบนท์ลีย์หวนกลับเข้าสู่เส้นทางของผู้ชนะในการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกครั้งในปี พ.ศ. 2557 และได้คว้าชัยในสนามแข่งมาแล้วทั่วโลก
  • ในปี พ.ศ. 2562 Continental GT ยังคงถือสถิติ โปรดักชัน คลาส เรคคอร์ดในการแข่งขันรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ Pikes Peak International Hill Climb ซึ่งขับโดย Rhys Millen ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 8.4 วินาที ทุบสถิติเก่ากับ ระยะทาง 12.42 ไมล์ ขึ้นภูเขาที่มีระดับความสูงกว่า 5,000 ฟุต ผ่าน 156 โค้ง ในเวลาเพียงแค่ 10 นาที 18.4 วินาที
  • ปิดท้ายด้วยการลงแข่งขันในรายการ 2020 Ice Race GT ที่จัดขึ้นที่ Zell Am See เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วในสัปดาห์เดียวกับที่ โมเดลเจเนอเรชันล่าสุด Continental GT3 ชนะการแข่งขันในรายการ Bathurst 12 Hour ในประเทศออสเตรีย

●  มากกว่า 18 ปี Continental GT ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม งานออกแบบที่ประณีตงดงาม และการประกอบที่พิถีพิถัน ถ่ายทอดผ่านทั้งสามเจเนอเรชัน ตอกย้ำความเป็นสุดยอดของอัครยนตรกรรมแกรนด์ ทัวร์ริ่งจนถึงทุกวันนี้

●  สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 02-261-1050 เว็บไซท์ bangkok.bentleymotors.com   ●